มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฟิลิปปินส์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศถึงความสำเร็จในการจัดกิจกรรม “มิราจ G4 อีโค ไดร์ฟ มาราธอน” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อพิสูจน์อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมทั้งการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของทั้งรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจและมิตซูบิชิ แอททราจหรือที่รู้จักในชื่อ มิราจ G4 สำหรับตลาดฟิลิปปินส์โดยมีรถเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 3คันประกอบด้วย รถยนต์มิตซูบิชิ แอททราจทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 2 คันและรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจเกียร์ธรรมดา 1 คัน สำหรับการจัดกิจกรรมนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทรถยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์ได้นำรถยนต์เข้าร่วมทดสอบในลักษณะดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่การทดสอบเรื่องการประหยัดน้ำมันเท่านั้นแต่ยังเป็นการพิสูจน์พละกำลังและสมรรถนะของรถยนต์รุ่นดังกล่าว โดยมีตัวแทนจากสมาคมยานยนต์แห่งประเทศฟิลิปปินส์ (Automobile Association of the Phillipines – AAP) ร่วมตรวจสอบและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดการทดสอบในส่วนของกลุ่มผู้ร่วมเดินทางทดสอบในครั้งนี้เป็นนักขับรถแข่งและผู้นำทางมืออาชีพ อาทิ จอร์จ ราไมเรซ (George Ramirez), รอบบี้ เออร์โมโซ (Robbie Hermoso), ลูอี้ ราไมเรซ (Louis Ramirez), จอร์จ อาร์พาซิเบิล (George Apacible), ราอู อาซูนชอน (Raul Asuncion),สตีฟ อาคายัน (Steve Acayan),แบร์รี่ ออทีส (Barry Ortiz) และ อีวาน อีซาด้า (Ivan Isada) ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวเริ่มขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคมที่
โชว์รูมผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิในเมืองลาวัก (Laoag) โดยมีขั้นตอนการตรวจสอบและปิดฝาถังน้ำมันโดยตัวแทนของสมาคมยานยนต์แห่งประเทศฟิลิปปินส์
ก่อนการทดสอบครั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฟิลิปปินส์ คอร์ปอเรชั่น ได้ตั้งเป้าระยะทางรวมไว้ที่ 1,450 กิโลเมตร ด้วยการใช้น้ำมันเพียงถังเดียว เพื่อทำลายสถิติที่เคยทำไว้ในปี 2008 ซึ่งขับได้ระยะทางไกลสุด 1,402 กิโลเมตร สำหรับการทดสอบในครั้งนี้เป็นการวิ่งผ่านเส้นทางที่หลากหลายรูปแบบทั้งภูมิประเทศที่เป็นภูเขาซึ่งมีผลต่ออัตราการบริโภคน้ำมันและการเผชิญกับไต้ฝุ่น Ruby ที่เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ทดสอบซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของทีมในการเดินทาง จึงทำให้ต้องหยุดพักการเดินทางที่เมือง Iloilo และเดินทางต่อในอีกสองสามวันต่อมา ทั้งนี้ มิตซูบิชิ แอททราจ สามารถวิ่งจากหมู่เกาะลูซอน (Luzon) ผ่านหมู่เกาะวิซาเยส (Viasyas) จนถึงหมู่เกาะมินดาเนา (Mindanao) ด้วยการใช้น้ำมันเพียงถังเดียว หรือ 42 ลิตร โดยผลการทดสอบที่ได้รับในครั้งนี้ถือว่าเกินกว่าความคาดหมาย โดยรถยนต์มิตซูบิชิ แอททราจ เกียร์ธรรมดา สามารถเดินทางได้ระยะทางรวมถึง 1,647.1 กิโลเมตร ขณะที่เกียร์อัตโนมัติสามารถเดินทางได้ 1,517.9 กิโลเมตร และรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ เกียร์ธรรมดา สามารถเดินทางได้ระยะทางรวมได้ถึง 1,278.6 กิโลเมตร
การจัดกิจกรรมขับขี่มาราธอนในครั้งนี้ สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและความคุ้มค่าคุ้มราคาของรถยนต์มิตซูบิชิ แอททราจอย่างชัดเจนโดย ราไมเรซ ผู้นำการทดสอบในครั้งนี้กล่าวว่า “ผลการทดสอบการขับรถมาราธอนครั้งนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินความคาดหมาย อีกทั้งเรายังสามารถทำลายสถิติการทดสอบได้ด้วย” ทั้งนี้ ราไมเรซยังได้กล่าวเสริมถึงความโดดเด่นในเรื่องความกว้างขวางและความสะดวกสบายของแอทราจว่า “มิตซูบิชิ แอทราจได้รับการออกแบบให้เป็นรถยนต์นั่งซีดานที่ขับง่ายและมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง สำหรับผมมิตซูบิชิ แอทราจเป็นรถยนต์ที่ใช้งานได้อย่างแท้จริงพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกันอีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย”
โออาร์ จับมือมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และไปรษณีย์ไทย สานต่อความร่วมมือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอร์รี่ในการขนส่ง
กสิกรไทยผนึกกำลัง 4 พันธมิตร ชูนวัตกรรมเดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ คืนพลังงานสะอาดให้โลก
"เอบีม คอนซัลติ้ง" ร่วมสนับสนุนสุขภาพของคนไทย ผ่านกิจกรรมวิ่งการกุศล "MITSUBISHI MOTORS CHARITY RUN 2022"
"Solar for Lives: พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า" ส่งมอบระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ แก่โรงพยาบาลชุมชนแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมคืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ผ่านมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในโอกาสครบ 60 ปี
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ดัดแปลงมิตซูบิชิ ไทรทัน สนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อการรักษาตัว
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่นพิเศษ แพชชั่น เรด เอดิชั่น