'ฉาย บุนนาค' ส่งทนายร้องทุกข์ดำเนินคดี ”กรุงเทพธุรกิจ” และผู้ที่เกี่ยวข้อง หมิ่นประมาททำให้เสียชื่อ

13 Mar 2015
นายสุธี ผ่องไพบูลย์ ในฐานะทนายความ ของนายฉาย บุนนาค เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทนของนายฉาย บุนนาคเพื่อร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อ 1. นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 2. บริษัท กรุงเทพธุรกิจ มีเดีย จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และในฐานะเจ้าของเว็ปไซต์ www.bangkokbiznews.com 3. นายจักรกฤษ เพิ่มพูน ในฐานะบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษราหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 4. นางสาวดวงกมล โชตะนา ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และในฐานะผู้อำนวยการเว็ปไซต์และบรรณาธิการข่าวออนไลน์เว็ปไซต์ www.bangkokbiznews.com 5. นางเบ็ญจวรรณ เผ่าจินดามุข ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ6. นายสมสกุล เผ่าจินดามุข ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ7. นายเฉลา กาญจนา บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และ8. นายนิติราษฎร์ บุญโย ผู้ดูแลเวปไซต์ www.bangkokbiznews.com

ที่ได้เขียนและตีพิมพ์บทความลงในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เว็ปไซต์ www.bangkokbiznews.com และเฟสบุ๊คของตนที่ใช้ชื่อว่า “Adisak Limparungpatanakij” ในระหว่างวันที่ 4 ถึง 11 มกราคม 2558 กล่าวหานายฉาย บุนนาค ว่าเป็นผู้วางแผน และอยู่เบื้องหลังการใช้ Nominee เทคโอเวอร์บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาขน) หรือ NMG

โดย นายอดิศักดิ์ ได้เขียนบทความเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2558 โดยมีใจความส่วนหนึ่งว่า “ค่อนข้างแน่ชัดว่าปฏิบัติการล่าสุดที่มี “ฉาย บุนนาค” เป็นผู้วางแผนและเดิมเกมอย่างแยบยลมานานพอสมควร โดยคิดการใหญ่จะเข้าควบคุมกิจการหรือเทคโอเวอร์บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ที่มีการปล่อยข่าวลือหยั่งกระแสในตลาดหุ้นมาไม่น้อยกว่า 3-4 เดือนแล้ว..... ยังไม่รวมรายชื่อ “นอมินี” ของกลุ่มฉาย บุนนาคที่ดอดเข้ามาเก็บหุ้น NMG ไปเป็นจำนวนมากในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา “หากฉาย บุนนาค” และกลุ่มนอมินียังทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนกับว่าเป็นคนละพวกกัน จะเข้าข่ายกระทำความผิดกฎของ ก.ล.ต.ที่เรียกว่า Acting in Concert ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลอื่นในการหลีกเลี่ยงการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์......”

และได้เขียนบทความเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2558 มีใจความส่วนหนึ่งว่า “อยากให้ลองไปอ่านกฎของ ก.ล.ต.ว่าด้วยพฤติกรรม Acting In Concert เช่น การอำพรางแยกซื้อหุ้นแบบพร้อม ๆ กันหลายคนในหลาย ๆ ช่วงเวลา, การใช้เงินจากแหล่งเดียวกัน, การตกลงเข้าซื้อหุ้นเดียวกัน ฯลฯ เพื่อครอบครองกิจการของผู้ถือหุ้นเดิม พฤติกรรมข้างต้นของกลุ่มฉาย บุนนาค และพวกในการเข้าซื้อหุ้น NMG จนถึง 40% จะเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดหรือไม่

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ควรจะลงไปสอบสวนเชิงลึกจริงจังเสียที รวมไปถึงพฤติกรรมการวิธีการเพิ่มทุนและซื้อขายหุ้นแบบแปลก ๆ ที่ใช้หุ้นบริษัทขนาดเล็ก ๆ ราคาเศษสตางค์ที่ “ก๊วนปั่นหุ้น” ก๊วนใหญ่เหล่านี้ยึดครองตลาดหุ้นอยู่ในปัจจุบันได้สร้างความเสียหายให้นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากถึงเวลากวาดล้างให้ตลาดหุ้นสะอาดเสียทีเถอะ”

ซึ่งข้อเขียนดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่า นายฉาย บุนนาค เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกรณีที่บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อหุ้นของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยเป็นผู้วางแผนและมีจุดประสงค์เข้าควบคุมกิจการ หรือครอบงำกิจการ (เทคโอเวอร์) NMG กับทั้งข้อเขียนยังเข้าใจได้อีกว่า นายฉาย บุนนาค ได้ให้ตัวแทน (นอมินี) เข้าซื้อหุ้นของ NMG ซึ่งอาจเป็นความผิดตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ Acting in Concert และมีการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พุทธศักราช 2535 มาตรา 247 (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) อีกด้วย ทั้งที่ความจริงนายฉาย บุนนาค ไม่มีส่วนเกี่ยวกับข้องบริษัท SLC ตลอดจนไม่เคยเข้าซื้อหุ้นของ NMG หรือมอบหมายให้ตัวแทนเข้าซื้อหุ้น NMG ข้อเขียนของนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ จึงล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น ทำให้นายฉาย บุนนาค เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และถูกมองว่าเป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ทั้งนี้ เป็นข้อหาหรือฐานความผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 326 และ มาตรา 328 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช 2550 มาตรา 14(1) และ 15

นายสุธีกล่าวว่า เพื่อรักษาชื่อเสียงของครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเรียกร้องความเป็นธรรมจากการถูกกระทำ และถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตนจึงได้รับการมอบหมายจากนายฉาย บุนนาค ในการร้องทุกข์กล่าวโทษ นายอดิศักดิ์ และพวก ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษทางอาญาทั้งจำทั้งปรับ