อวาย่า เผยผลสรุปการวิจัยความคล่องตัวของเครือข่ายในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บทสรุปที่สำคัญ
          - โดยเฉลี่ยแล้ว บริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทยได้ทำการเปลี่ยนแปลง 6 รายการสำหรับระบบเครือข่ายของบริษัทในระยะเวลา 12 เดือนที่จำเป็นต้องมีกรอบการบำรุงรักษา
          - เจ้าหน้าที่ระบบเครือข่ายต้องรอคอย 24 วันโดยเฉลี่ยสำหรับกรอบการบำรุงรักษาดังกล่าว
          - บริษัททั้งหมดดูเหมือนว่าจะมีความล่าช้าในการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีของธุรกิจเนื่องจากการรอคอยกรอบการบำรุงรักษา
          - 96% ของบริษัทได้รับผลกระทบเชิงลบโดยความซับซ้อนของเครือข่ายของพวกเขา ซึ่งจำกัดสิ่งที่สามารถจัดวางระบบและระยะเวลา - การเงินและการจัดทำรายงาน (49%) และประสิทธิภาพการขาย (46%) อยู่ในระดับต้นๆ ของบัญชีรายการ
          - 94% ของบริษัทอย่างน้อยที่สุดมีช่วงเวลาหยุดให้บริการของเครือข่ายอันเป็นเหตุจากความผิดพลาดในการเปลี่ยนแปลงที่แกนหลักของเครือข่าย - โดยเฉลี่ยแล้ว ประมาณ 1 ใน 4 ของช่วงเวลาหยุดให้บริการของเครือข่ายทั้งหมด (24%) มีสาเหตุมาจากความผิดพลาดในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
          - บริษัททั้งหมดประสบกับผลสืบเนื่องอันเกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ - การหยุดชะงักและความล่าช้าของโครงการ/งานด้านไอที อื่นๆ (62%), ประสิทธิภาพของพนักงาน (49%) และการหยุดชะงักของระบบโซ่อุปทาน (43%) เป็นอันดับต้นๆ ในบัญชีรายการ - แต่มี 1 ใน 5 บริษัทที่ปลดพนักงานด้านไอทีออกอันเป็นผลโดยตรง (21%)
          - 90% ของบริษัทที่สูญเสียรายได้ประจำปีเป็นผลจากช่วงเวลาการหยุดให้บริการจากความผิดพลาดการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายหลัก
ภาระของกรอบเวลาการบำรุงรักษา
          บริษัทขนาดใหญ่ของประเทศไทยที่มีพนักงาน 250 คนหรือมากกว่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงโดยเฉลี่ย 6 รายการสำหรับระบบเครือข่ายของบริษัทของพวกเขาในระยะเวลา 12 เดือนที่ดำเนินการแล้วเสร็จระหว่างกรอบเวลาการบำรุงรักษา โดยบางบริษัทต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงขึ้นมามากถึง 100 รายการ
          ตัวเลขของประเทศไทยมีค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก (11) และค่าเฉลี่ยสำหรับภูมิภาค APAC (10) แต่ประเทศ อื่นๆ มีตัวเลขเฉลี่ยที่ต่ำคล้ายกัน (เช่น มาเลเซียที่ 7 และเกาหลีใต้ที่ 8)
          เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงกับระบบเครือข่ายจำเป็นต้องมีการทำกรอบเวลาการบำรุงรักษาขึ้นมา เจ้าหน้าที่ไอทีในประเทศไทยต้องรอคอย 24 วันโดยเฉลี่ยก่อนที่พวกเขาจะทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต่อระบบเครือข่ายของบริษัทได้ ตัวเลขนี้เทียบได้เกือบ 4 สัปดาห์หรือ 1 เดือนสำหรับความล่าช้าที่เกิดขึ้น บริษัทหนึ่งต้องรอคอย 6.2 เดือนเพื่อให้โอกาสการบำรุงรักษาดังกล่าวมาถึง โดยแท้จริงแล้ว 33% ของบริษัทต้องรอคอยมากกว่า 30 วัน
          แต่อย่างไรก็ตามในประเทศไทยนั้น บริษัทส่วนใหญ่อ้างว่าพวกเขารอคอยเพียงวันเดียวเท่านั้น (40%) เมื่อเทียบกับภูมิภาค APAC โดยรวม (20%) และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก (21%) ขณะที่ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อยในประเทศไทยเมื่อเทียบกับที่อื่นในโลก ความล่าช้าโดยเฉลี่ย 24 วันก็ยังคงมีนัยสำคัญในมุมมองของผลกระทบของความล่าช้าดังกล่าวที่มีผลต่อธุรกิจ
นอกจากนี้ เมื่อตัวเลขเฉลี่ยสำหรับกลุ่มตัวอย่างประเทศไทยถูกประมาณค่านอกช่วง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจใช้เวลาทั้งหมด 144 วันสำหรับการรอคอยด้านไอทีเพื่อสร้างบริการใหม่หรือที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับบริษัท (นั่นคือ การรอคอย 6 รายการ x 24 วัน = 144 วัน หรือ 20.6 สัปดาห์ หรือ 4.8 เดือน)
การสกัดกั้นการเติบโตทางธุรกิจ:
          บริษัททั้งหมดในประเทศไทย (100%) ประสบกับความล่าช้าในการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงสำหรับระบบเทคโนโลยีของธุรกิจเนื่องจากการต้องมีการรอคอยกรอบเวลาการบำรุงรักษาที่เหมาะสม 61% ของบริษัทกล่าวว่าอย่างน้อยที่สุดจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึง 18% กล่าวว่าเกิดขึ้นตลอดเวลา 15% กล่าวว่าเกือบตลอดเวลา และ 28% กล่าวว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ขณะที่ส่วนที่เหลือ 39% กล่าวว่าไม่ค่อยเกิดขึ้น โดยมีเพียง 1% เท่านั้นที่กล่าวว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย
          เปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกและภูมิภาค APAC ทั้งหมด ประเทศไทยดูเหมือนว่าจะประสบปัญหานี้มากกว่าที่อื่น โดยมีสัดส่วนที่สูงของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงของพวกเขานั้นมีความล่าช้าอยู่ตลอดเวลา (18%)
เครือข่ายที่ซับซ้อนขัดขวางความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ขององค์กร
          ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า 96% ของบริษัทในประเทศไทยอย่างน้อยที่สุดจะมีบางด้านของธุรกิจของพวกเขาที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากความซับซ้อนของเครือข่ายของพวกเขา ซึ่งจำกัดสิ่งที่จะสามารถวางระบบและเวลาในการวางระบบได้ ด้านต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยส่วนใหญ่คือ การเงินและการจัดทำรายงาน (49%) แต่อีกด้านหนึ่งที่ตามมาติดกันคือ ประสิทธิภาพการขาย (46%) การจัดการเอกสาร (45%) และการวิเคราะห์ธุรกิจ (44%)
ผลสืบเนื่องของความผิดพลาดจากการเปลี่ยนแปลง:
          ไม่มีบริษัทใดในประเทศไทยที่รอดพ้นจากผลสืบเนื่องของช่วงเวลาหยุดให้บริการนี้เนื่องจากความผิดพลาดในการเปลี่ยนแปลง การหยุดชะงักและความล่าช้าที่เกิดขึ้นกับโครงการและงานด้านไอทีอื่นๆ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากที่สุด (62%) ตามด้วยประสิทธิภาพพนักงานที่ลดลง (49%) นอกจากนี้ผลที่เกิดขึ้นโดยตรงอีกประการคือ การหยุดชะงักของระบบโซ่อุปทาน (43%)
          เราพบว่ามีบริษัทมากกว่า 1 ใน 5 (21%) มองเห็นว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีจะตกงานอันเป็นผลมาจากปัญหาเรื่องช่วงเวลาหยุดให้บริการที่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพยายามที่จะทำการปรับปรุงระบบเครือข่ายของบริษัท สิ่งที่เกี่ยวข้องกันคือมากกว่า 1 ใน 3 ของบริษัท (37%) พบว่าระดับความไว้วางใจแผนกไอทีที่จะลดลงท่ามกลางพนักงานแผนกอื่นๆ เนื่องจากช่วงเวลาหยุดให้บริการที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการเปลี่ยนแปลง และอีก 20% พบว่าเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่เพิ่มขึ้นจากพนักงานและหัวหน้าสายงานธุรกิจ
อวาย่า เผยผลสรุปการวิจัยความคล่องตัวของเครือข่ายในประเทศไทย
เกี่ยวกับการวิจัย
          การวิจัยนี้ได้รับการจัดทำขึ้นมาเพื่อตรวจสอบผลกระทบและนัยสำคัญของปัญหาบริษัทที่ดำเนินงานมานานแล้วเกี่ยวกับวิธีการปรับแต่งเครือข่ายรวมถึงการปรับปรุงและการแก้ไขโดยไม่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก โดยเป็นการสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีความจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงระบบเครือข่ายของบริษัทและสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีบางสิ่งผิดพลาด โดยพิจารณาที่ผลสืบเนื่องของงานดังกล่าวรวมถึงความหมายโดยนัยทางการเงินด้วย
          ข้อค้นพบแสดงให้เห็นว่าผู้จัดการระบบเครือข่ายไอทีในประเทศไทยประสบกับความล่าช้ามามายาวนานซึ่งขัดขวางการปรับปรุงที่ควรจะเกิดขึ้นกับธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเองเหล่านี้สามารถส่งผลให้เกิดความผิดพลาดของเครือข่ายที่เป็นเหตุทำให้เกิดการหยุดชะงักขั้นรุนแรง

เกี่ยวกับอวาย่า
          อวาย่าคือผู้ให้บริการโซลูชั่นทางด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกันทางธุรกิจชั้นนำระดับโลก โดยให้บริการจัดหาระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์ ระบบคอนแทคเซ็นเตอร์ ระเบบเครือข่ายและบริการที่เกี่ยวข้องให้กับบริษัททุกขนาดทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.avaya.com


ข่าวเครือข่าย+เทคโนโลยีวันนี้

จุฬาฯ จับมือ 6 พันธมิตร AI ชั้นนำเปิดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง NEXUS AI ตามวิสัยทัศน์ AI University

ผู้นำยุคใหม่ต้องมีความรู้ความเข้าใจในปัญญาประดิษฐ์ AI จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมองเห็นความสำคัญในการพัฒนาผู้นำในองค์กรต่างๆ ให้มีความรู้ความเข้าใจด้าน AI เพิ่มศักยภาพและสร้างเครือข่ายผู้นำยุคใหม่ โดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จับมือ องค์กรพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญทั้งในระดับชาติและระดับโลก 6 พันธมิตร เปิดหลักสูตร "NEXUS AI" พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยปัญญาประดิษฐ์ สู่อนาคตที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาฯ ไม่ได้มองว่า AI เป็นเพียงเทคโนโลยี

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ ... Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศจับมือ Cetus โปรเจกต์ DEX ใหญ่สุดบน Sui — บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Exchange ศูนย์ซื้อขายสิ...

นางพจมาน ท่าจีน รองอธิบดี รักษาราชการแทนอ... กรมวิทย์ฯ บริการ นำทีมนักวิทย์ ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ จังหวัดนครพนม — นางพจมาน ท่าจีน รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ นำทีมผู...

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ ... Bitkub ผนึกกำลัง Plume Network ขับเคลื่อนการเรียนรู้ เปิดประตูสู่โลก Real World Assets สำหรับคนไทย — บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Excha...

สอวช. ร่วมกับ มจธ. เปิดหลักสูตร STIP รุ่น... สอวช. ผนึก มจธ. เปิดหลักสูตร STIP รุ่นที่ 7 มุ่งผลิตนักออกแบบนโยบายตอบโจทย์ประเทศ — สอวช. ร่วมกับ มจธ. เปิดหลักสูตร STIP รุ่นที่ 7 มุ่งผลิตนักออกแบบนโยบาย...