เรารู้จักคุณในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญ (Wrong Turn 2: Dead End) แต่สำหรับใน “EVERLY” มันคือภาพยนตร์แอ็คชั่นแบบสุดโต่ง ตรงจุดนี้มีความแตกต่างอย่างไรในการทำงานบ้าง ?
ถึงแม้ว่า “ EVERLY ” จะเป็นแนวแอ็คชั่น แต่สำหรับผมแล้วการทำงานแทบไม่ค่อยมีความแตกต่างกันครับ ด้วยความที่ส่วนตัวผมเป็นคนชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญอยู่แล้ว ผมจึงใส่ฉากการไล่ล่ามันส์ๆ อันน่าตื่นเต้น รวมไปถึงฉากบู๊แบบชนิดนองเลือดอันคล้ายคลึงกับแนวสยองขวัญเข้ามาใน EVERLY ด้วย ... ด้วยวิธีการนี้ผมจึงคิดว่านี่น่าจะทำให้คนดูได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับชมภาพยนตร์แน่นอน
ไอเดีย หรือจุดเริ่มต้นของ “EVERLY” เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
มันเริ่มต้นจากการที่ผมต้องการจะทำเป็นภาพยนตร์สั้นก่อนครับ เมื่อปีที่แล้วจู่ๆ ผมก็มีเนื้อเรื่องสนุกๆ โผล่เข้ามาในความคิด ผมจึงลองเขียนทุกอย่างออกมาลงในกระดาษก่อน โดยใส่ความเป็นแอ็คชั่น - ทริลเลอร์ในสไตล์ภาพยนตร์ช่วงยุค 80 ถึงยุค 90 ต้นๆ อย่างเรื่อง Blood Simple หรือ Leon the Professional ที่ผมเติบโตมากับมัน และชอบดูเป็นประจำเข้าไป ณ ตอนนั้นผมลองคำนวณคร่าวๆ แล้วมันน่าจะออกมาเป็นภาพยนตร์สั้นที่มีความยาวประมาณ 27 นาที แต่แล้วเมื่อผมลองนำไอเดียนี้ไปบอกผู้จัดการส่วนตัว และโปรดิวเซอร์ พวกเขาก็เสนอกลับมาว่า ... เราลองมาปรับเป็นแบบภาพยนตร์ขนาดยาวกันดีกว่า !
ซัลม่า ฮาเยก มาเข้าร่วมในโปรเจ็กต์นี้ได้อย่างไร ?
เราต้องการนักแสดงหญิงที่มีคุณสมบัติคือ เมื่ออยู่บนจอภาพยนตร์แล้ว เธอสามารถดึงดูดทุกสายตาของคนดูได้ , ต้องมีพลังทางการแสดงมากพอสมควร เพราะเธอแทบจะต้องคุมหนังทั้งเรื่องเอาไว้คนเดียว เราเฟ้นหานักแสดงกันอยู่หลายคนมาก สุดท้ายแล้วเราก็พบกับคนที่เหมาะสมกับบทบาทนี้มากที่สุด ซึ่งก็คือ ซัลม่า ฮาเยก นั่นเอง ... เมื่อเธอตอบตกลง ผมพูดกับเธอว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันบ้าดีเดือดมาก มันเหมือนกับได้เล่นรถไฟเหาะที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีดทะลัก ถ้าคุณพร้อมแล้วก็มาลุยไปด้วยกันเลย !
การร่วมงานกับ ซัลม่า ฮาเยก ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง ?
เธอบอกกับผมว่า ... เธอชื่นชอบบทภาพยนตร์เป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆ แล้วเธอมาเป็นตัวช่วยเราในการถ่ายทำได้อย่างดีมาก เธอได้ให้คำแนะนำต่างๆ มากมาย มีจุดหนึ่งที่เธอได้ช่วยเราในการปรับแก้บทภาพยนตร์ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย นั่นก็คือตรงจุดที่ตัวละครของเธอมีลูกสาว เธอแนะนำว่าให้ลองใส่ฉาก หรือเหตุการณ์ที่ช่วยสะท้อนถึงอารมณ์ของผู้เป็นแม่ที่รักลูกสาวออกมาหน่อยสิ แล้วนั่นจะทำให้หนังคุณเจ๋งมากขึ้นไปอีก ซึ่งเราก็ได้ลองปรับแก้ตามคำแนะนำของเธอ แล้วผลลัพธ์มันก็ออกมายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว
ช่วยเล่าถึงบทบาทความเป็นตัวละคร
“ เอเวอร์ลี ” ด้วยครับ
เราต้องการสร้างสรรค์ให้ เอเวอร์ลี นี้ดูเป็นตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด ดังนั้นเราจะไม่ได้เห็นเธอตั้งหน้าตั้งตาปะทะกับเหล่าศัตรูเพียงอย่างเดียว แต่เรายังนำเสนอให้เห็นถึงแง่มุมความหวาดกลัว และประหม่าของตัวละครด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามเอเวอร์ลีเป็นตัวละครที่แสบมาก เธอเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งในตัวเอง เธอต้องการจะปกป้องแม่ และลูกสาวของตัวเอง นั่นจึงทำให้เมื่อสถานการณ์บีบบังคับเธอก็พร้อมที่จะสู้กับศัตรูจนยิบตาให้ถึงที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วผมว่าเธอก็มีความซาดิสม์อยู่ลึกๆ ด้วยนะ (หัวเราะ) นอกจากนี้เธอยังต้องใช้อาวุธในการต่อสู้มากมาย ตั้งแต่มีด , ปืนแทบจะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นกระบอกเล็ก ไปจนถึงกระบอกใหญ่ยักษ์ รวมไปถึงระเบิดมือด้วยครับ
ถึงแม้ว่า “ EVERLY ” จะเป็นแนวแอ็คชั่น แต่สำหรับผมแล้วการทำงานแทบไม่ค่อยมีความแตกต่างกันครับ ด้วยความที่ส่วนตัวผมเป็นคนชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญอยู่แล้ว ผมจึงใส่ฉากการไล่ล่ามันส์ๆ อันน่าตื่นเต้น รวมไปถึงฉากบู๊แบบชนิดนองเลือดอันคล้ายคลึงกับแนวสยองขวัญเข้ามาใน EVERLY ด้วย ... ด้วยวิธีการนี้ผมจึงคิดว่านี่น่าจะทำให้คนดูได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับชมภาพยนตร์แน่นอน
ไอเดีย หรือจุดเริ่มต้นของ “EVERLY” เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
มันเริ่มต้นจากการที่ผมต้องการจะทำเป็นภาพยนตร์สั้นก่อนครับ เมื่อปีที่แล้วจู่ๆ ผมก็มีเนื้อเรื่องสนุกๆ โผล่เข้ามาในความคิด ผมจึงลองเขียนทุกอย่างออกมาลงในกระดาษก่อน โดยใส่ความเป็นแอ็คชั่น - ทริลเลอร์ในสไตล์ภาพยนตร์ช่วงยุค 80 ถึงยุค 90 ต้นๆ อย่างเรื่อง Blood Simple หรือ Leon the Professional ที่ผมเติบโตมากับมัน และชอบดูเป็นประจำเข้าไป ณ ตอนนั้นผมลองคำนวณคร่าวๆ แล้วมันน่าจะออกมาเป็นภาพยนตร์สั้นที่มีความยาวประมาณ 27 นาที แต่แล้วเมื่อผมลองนำไอเดียนี้ไปบอกผู้จัดการส่วนตัว และโปรดิวเซอร์ พวกเขาก็เสนอกลับมาว่า ... เราลองมาปรับเป็นแบบภาพยนตร์ขนาดยาวกันดีกว่า !
ซัลม่า ฮาเยก มาเข้าร่วมในโปรเจ็กต์นี้ได้อย่างไร ?
เราต้องการนักแสดงหญิงที่มีคุณสมบัติคือ เมื่ออยู่บนจอภาพยนตร์แล้ว เธอสามารถดึงดูดทุกสายตาของคนดูได้ , ต้องมีพลังทางการแสดงมากพอสมควร เพราะเธอแทบจะต้องคุมหนังทั้งเรื่องเอาไว้คนเดียว เราเฟ้นหานักแสดงกันอยู่หลายคนมาก สุดท้ายแล้วเราก็พบกับคนที่เหมาะสมกับบทบาทนี้มากที่สุด ซึ่งก็คือ ซัลม่า ฮาเยก นั่นเอง ... เมื่อเธอตอบตกลง ผมพูดกับเธอว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันบ้าดีเดือดมาก มันเหมือนกับได้เล่นรถไฟเหาะที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีดทะลัก ถ้าคุณพร้อมแล้วก็มาลุยไปด้วยกันเลย !
การร่วมงานกับ ซัลม่า ฮาเยก ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง ?
เธอบอกกับผมว่า ... เธอชื่นชอบบทภาพยนตร์เป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆ แล้วเธอมาเป็นตัวช่วยเราในการถ่ายทำได้อย่างดีมาก เธอได้ให้คำแนะนำต่างๆ มากมาย มีจุดหนึ่งที่เธอได้ช่วยเราในการปรับแก้บทภาพยนตร์ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย นั่นก็คือตรงจุดที่ตัวละครของเธอมีลูกสาว เธอแนะนำว่าให้ลองใส่ฉาก หรือเหตุการณ์ที่ช่วยสะท้อนถึงอารมณ์ของผู้เป็นแม่ที่รักลูกสาวออกมาหน่อยสิ แล้วนั่นจะทำให้หนังคุณเจ๋งมากขึ้นไปอีก ซึ่งเราก็ได้ลองปรับแก้ตามคำแนะนำของเธอ แล้วผลลัพธ์มันก็ออกมายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว
ช่วยเล่าถึงบทบาทความเป็นตัวละคร
“ เอเวอร์ลี ” ด้วยครับ
เราต้องการสร้างสรรค์ให้ เอเวอร์ลี นี้ดูเป็นตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด ดังนั้นเราจะไม่ได้เห็นเธอตั้งหน้าตั้งตาปะทะกับเหล่าศัตรูเพียงอย่างเดียว แต่เรายังนำเสนอให้เห็นถึงแง่มุมความหวาดกลัว และประหม่าของตัวละครด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามเอเวอร์ลีเป็นตัวละครที่แสบมาก เธอเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งในตัวเอง เธอต้องการจะปกป้องแม่ และลูกสาวของตัวเอง นั่นจึงทำให้เมื่อสถานการณ์บีบบังคับเธอก็พร้อมที่จะสู้กับศัตรูจนยิบตาให้ถึงที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วผมว่าเธอก็มีความซาดิสม์อยู่ลึกๆ ด้วยนะ (หัวเราะ) นอกจากนี้เธอยังต้องใช้อาวุธในการต่อสู้มากมาย ตั้งแต่มีด , ปืนแทบจะทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นกระบอกเล็ก ไปจนถึงกระบอกใหญ่ยักษ์ รวมไปถึงระเบิดมือด้วยครับ
"เป้ อารักษ์" ชวน "TIMETHAI" ควบม้า เตรียมบุกทองหล่อ กับซิงเกิลใหม่ "คาวบอยทองหล่อ" ดวลความหล่อแบบช็อตต่อช็อต
"ปัง" ทั้งต่างประเทศ และในเกาหลี No Other Choice หนังเรื่องล่าสุดของ "พัคชานอุค" เข้าชิง 12 รางวัล Blue Dragon Film Awards ครั้งที่ 46
กระแสแรงเกินต้าน คาถามันส์เกินใคร โดนใจแฟนหนังทุกเพศวัย ร่ายอาคมกระหึ่มเมือง ประกาศศักดา "เสือ" เดินหน้าสู่ 50 ล้านบาท วันนี้ ในโรงภาพยนตร์