ดาวลูกไก่ แบบอย่างของนิทานกตัญญูที่ควรคู่กับเด็กไทย

24 Apr 2015
เมื่อแหงนมองดูดาวในคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง หลายคนคงเคยสังเกตเห็นกลุ่มดาวเล็กๆ 7 ดวง ซึ่งเรียกกันว่า ดาวลูกไก่ ส่องแสงระยิบระยับน่าเอ็นดู ในโลกของนิทาน มีเรื่องเล่าขานกันมาแต่โบราณซึ่งใช้อธิบายเหตุที่มาของกลุ่มดาวดวงน้อยนี้ อีกทั้งยังแฝงคำคมจรรโลงใจไว้สอนลูกหลานให้เติบโตเป็นเด็กดีในวันข้างหน้าได้อย่างไม่เสื่อมคลาย

ด้วยเสน่ห์นิทานพื้นบ้านชวนให้หลงใหล สำนักพิมพ์ เฮลโลคิดส์ บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด จึงได้จัดงานเปิดตัวหนังสือใหม่ เรื่อง ดาวลูกไก่ จากนิทานเพลงในดวงใจวัยเด็กสู่นิทานคำกลอนเรื่องเอกของ ตุ๊บปอง ซึ่งได้นำมาร้อยเรียงเป็นนิทานภาพคำกลอนสำหรับเด็กเล็กวัย 4-6 ปี อันมีภาษาคล้ายเสียงดนตรี ทำให้เด็กๆ อ่านหนังสือได้อย่างสนุกสนานมีชีวิตชีวา

ในฐานะนักเขียนกับนามปากกา ตุ๊บปอง หรือ คุณ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และผู้เรียบเรียงนิทานภาพคำกลอนสำหรับเด็ก เรื่อง ดาวลูกไก่ เผยถึงความประทับใจของนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้ไว้ว่า

“เมื่อสมัยเด็กพอตะวันลับฟ้า พ่อจะพาเราไปดูดาว สมัยก่อนเราอยู่บ้านนอก จะเห็นดาวลูกไก่ชัดเจนระยิบระยับ จริงๆ ที่รักเล่มนี้มากเพราะว่าเป็นนิทานปรัมปราที่ไม่หลุดจากวิถีชีวิตของเรา ในทุกวันตอนเช้า อาหารมื้อแรกที่ดีที่สุดจะนำไปถวายพระ เราจะเห็นภาพเวลาตักบาตร สอนให้รู้จักการให้ เมื่อย้อนดูวิถีของตายายในเรื่องนี้แล้วก็เหมือนวิถีการดำเนินชีวิตของเรา ช่วงเวลาที่แม่เล่านิทานให้ฟังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในบ้านรอคอย จึงผูกพันกับดาวลูกไก่ตั้งแต่เล็ก ความรักของแม่ไก่ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อให้ลูกรอดและปลอดภัย ซึ่งเป็นวิถีของความเป็นแม่ที่ไม่หลุดไปจากความเป็นแม่ในวิถีของเราเลย จึงประทับเรื่องนี้ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนโบราณ ซึ่งสอนให้รู้จักเสียสละ ผ่านการให้ ให้ในสิ่งที่ดีที่สุดกับพระ อันนี้คือสิ่งที่เรามองย้อนกลับไปว่า ชีวิตได้สอนชีวิต จึงอยากถ่ายทอดให้เด็กๆ ได้ซึมซับค่านิยมที่ดีงามเหล่านี้”

โลกของนิทานช่วยต่อยอดจินตนาการ และพาเด็กๆเรียนรู้ค่านิยมอันดีงาม ปลูกฝังคติธรรมประจำใจ ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้าผ่านเรื่องเล่าและภาพประกอบที่สวยงาม

“นิทานเรื่องดาวลูกไก่ เริ่มแรกได้ยินจากงานวัดงานบวช เราทราบซึ้งเรื่องราวของความกตัญญู ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นความกตัญญูต่อพ่อแม่เท่านั้น เป็นความกตัญญูต่อให้ก็ได้ ผู้มีพระคุณกับเรา ที่เขาเมตตาและดูแลเรา เราต้องรู้จักตอบแทนพระคุณคน เหมือนแม่ไก่ จากเรื่องนี้แม่ไก่จะหนีไปก็ได้ ทำไมไม่หนี เพราะตายายมีพระคุณเลี้ยงดูแม่ไก่มา แม่ไก่ไม่ยอมหนีเพราะต้องตอบแทนพระคุณสองตายาย และฝากฝังลูกให้อยู่ต่อเพื่อตอบแทนพระคุณตายาย ตอนเล็กๆ น้องคนดีเขาจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องคอยดูแลเขาอย่างดี พอมาได้อ่านนิทานเรื่องนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจว่าที่ผ่านมาแม่ดีกับเราเพราะอะไร ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องไปบอกเขาตรงๆ ว่าต้องรู้จักคำว่า กตัญญู แล้วต้องตอบแทน แต่อันนี้มันเกิดขึ้นเองจากใจของเขา ซึ่งเขาได้เรียนรู้จากการอ่านหนังสือ” คุณแวร์ โซว กล่าวทางด้านน้องคนดี ลูกสาวของคุณแวร์ โซว กล่าวเสริมว่า “ที่คนดีอ่านเรื่องดาวลูกไก่แล้วร้องไห้ เพราะว่า มันเป็นเรื่องของการสามัคคดี การตอบแทนบุญคุณ ซึ่งคนดีรู้สึกประทับใจมาก โดยเฉพาะตอนที่แม่ไก่กระโดดเข้ากองไฟ น้องคนดีจะชอบหนังสือของคุณลุงตุ๊บปอง เพราะสอดแทรกแง่คิดดีๆไว้ด้วยค่ะ”

“โลกของเด็กเต็มไปด้วยสีสันของความคิด ความฝันและจินตนาการ เหตุนี้ วลีที่มีมนต์ขลังและสร้างพลังดึงใจลูกได้ทุกครั้ง ก็คือ กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว นี่แหละ เพราะทุกครั้งที่พ่อแม่เริ่มต้นด้วยวลีนี้ ลูกจะรู้ทันทีว่า ประตูโลกแสนมหัศจรรย์ กำลังจะเปิดขึ้นด้วยนิทานสนุกที่จะปลุกจินตนาการ พาโบยบินสู่โลกอันกว้างใหญ่สุนทรีอย่างมีความหมาย และอิ่มอุ่นพูนสุข”ก่อนสิ้นสุดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือเรื่องดาวลูกไก่ คุณตุ๊บปอง ฝากถึงเด็กๆ ว่า

“เพราะความรักหล่อเลี้ยงชีวิตเรา หากโลกนี้ขาดความรัก โลกจะไม่น่าอยู่ และอย่าทิ้งจินตนาการ เพราะจินตนาการเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตเหมือนกัน บางครั้งจินตนาการทำให้เราแช่มชื่น บางครั้งจินตนาการทำให้เรามีความสุข แต่ว่าต้องไม่หลุดจากความเป็นจริง เมื่ออ่านหนังสือแล้ว อย่าลืมว่าหนังสือเล่มนอกจะบอกถึงหนังสือเล่มในหรือใจของเรา ทุกครั้งที่เราอ่านหนังสือ เราพึงย้อนกลับไปมองถึงจิตใจของเรา ว่า ณ ขณะนี้ใจของเราอยู่ตรงไหน เราควรจะมีคุณธรรมประจำใจ เพื่อยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิตที่ดี”