นายแพทย์ จักริน ลบล้ำเลิศ อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันในประเทศไทยพบว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มารับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้วพบว่า มีปัญหาความผิดปกติในการนอนร่วมด้วย ซึ่งอาการของการนอนหลับผิดปกติ (Sleep Disorders) เหล่านี้พบมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เพราะถือเป็นภัยเงียบที่เป็นต้นเหตุสำคัญทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ อาทิ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคอ้วน เป็นต้น โรคที่อาจเกิดขึ้นจากการนอนหลับไม่เต็มที่ซึ่งพบได้บ่อย เช่น นอนกรน และหากสังเกตอย่างใกล้ชิดจะพบว่าผู้ที่กรนจะหยุดกรนไปชั่วขณะหนึ่ง ช่วงนั้นเองที่มีการหยุดหายใจเกิดขึ้น และเมื่อระดับออกซิเจนในเลือดลดลงถึงระดับหนึ่งจากการหยุดหายใจ ร่างกายจะมีกลไกตอบสนองภาวะนี้ โดยจะทำให้การหลับของคนที่กรนและหยุดหายใจนั้นถูกขัดขวาง ทำให้ตื่นขึ้น โดยจะมีอาการเหมือนสะดุ้งเฮือก หรืออาการเหมือนสำลักน้ำลายตนเอง แล้วก็กลับมาเริ่มหยุดหายใจใหม่
การใช้เครื่อง CPAP จะเหมือนการใส่แว่นตาใหม่ๆ คืออาจรู้สึกอึดอัดบ้างในช่วงแรก ต้องใส่ๆ ถอดๆ เมื่อชิน ก็จะใส่ได้เอง การรักษาวิธีนี้ผู้ป่วยควรใช้เครื่อง CPAP ทุกคืน คืนใดไม่ใช้ ก็จะมีอาการกรนและ/หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอีก
การง่วงนอนตอนกลางวัน อาจเป็นได้จากหลายสาเหตุ เนื่องจากการนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาแค่จำนวน 6-8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับระดับความลึกของการนอนหลับ เพื่อให้ร่างกายและสมองได้รับ การพักผ่อนอย่างเต็มที่ และเวลาเข้านอน-ตื่นนอนที่เหมาะสม ไม่ควรนอนดึก หรือตื่นสายจนเกินไป สาเหตุของการง่วงนอน เกิดได้จากระยะเวลาในการนอนไม่เพียงพอ ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนจำนวนมาก ต้องอดหลับอดนอนหลายคืน ติดต่อกันบ่อยๆ มีการศึกษาพบว่าในคนที่อดนอนจะใช้เวลานานในการคิดมากกว่าคนที่นอนอย่างเพียงพอ รวมทั้งในคนที่อดนอนจะมีโอกาสทำงานผิดพลาดมากกว่าคนที่นอนหลับอย่างเพียงพอ นอกจากนั้นแล้วยังมีผลต่ออารมณ์ทำให้หงุดหงิดง่ายขึ้น มีบางภาวะเกิดจากความผิดปกติของสมอง มีผลทำให้ง่วงนอน ผิดปกติ หรืออาจเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ ได้แก่ Narcolepsy โดยคนไข้ในกลุ่มนี้จะมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน ถ้าได้งีบจะรู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ไม่นานก็มักจะมีอาการง่วงอีก บางคนอาจมีอาการคอพับ เข่าทรุดหรือความตึงตัว ของกล้ามเนื้อลดลงทันทีทันใด ทำให้อ่อนแรงฉับพลันชั่วขณะหนึ่ง อาการพวกนี้มักถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ต่างๆ เช่น อารมณ์ขบขัน ส่วน Idiopathic hypersomnia เป็นคนไข้ที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา ถึงแม้จะนอนหลับในช่วง กลางคืนเป็นระยะเวลาที่นานพอ และหลับได้ลึกเพียงพอแล้วก็ตาม ซึ่งอาการเหล่านี้ควรต้องพบแพทย์เพื่อได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้อง
อาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท เกิดได้จากปัจจัยที่เข้ามากระตุ้นต่างๆ เช่น การนอนมากเกินไปในคืนก่อนหน้า การนอนกลางวันมากเกินไป การนอนไม่หลับที่เกิดจากความเครียด บางคนคิดว่าตนเองนอนไม่หลับแต่จริงๆ แล้วนอนหลับ อันนี้เราจะทราบเมื่อผู้ป่วยในกลุ่มนี้มาทำการศึกษาการนอนหลับโดยการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมองแล้ว พบว่าจริงๆ แล้วคนไข้นอนหลับในขณะที่ตนเองรู้สึกว่ายังไม่หลับ การรักษาโดยการใช้ยาหรือไม่ใช้ยาขึ้นอยู่กับอาการและดุลยพินิจของแพทย์
นายแพทย์ภาสกร ถาวรนันท์ แพทย์ด้านหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดอาการกรนมีหลายสาเหตุ เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วน ท่าในการนอน โพรงจมูกคด เป็นต้น ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาเบื้องต้นสามารถทำได้โดยการลดน้ำหนัก เนื่องจากผู้ที่มีน้ำหนักเกิน จะมีไขมันมาพอกรอบคอ หรือทางเดินหายใจส่วนบน รวมถึงโคนลิ้นที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบ การลดน้ำหนัก จะช่วยลดไขมันดังกล่าว ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนกว้างขึ้น และมีอาการนอนกรน และ/หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับน้อยลง ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยการออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว ยังจะเพิ่มความตึงตัวให้กับกล้ามเนื้อบริเวณคอหอย ทำให้มีการหย่อนและอุดกั้นทางเดินหายใจน้อยลง, การเปลี่ยนท่านอนเป็นการนอนตะแคงช่วยลดอาการกรนได้ในคนส่วนใหญ่ เพราะลิ้นจะไม่ตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจเหมือนในขณะนอนหงาย ส่วนขั้นตอนการรักษาอาการนอนกรนต่อมาคือ การผ่าตัด เพื่อขยายขนาดของทางเดินหายใจส่วนบนให้กว้างขึ้น ซึ่งการผ่าตัดจะทำมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งและสาเหตุของการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน การผ่าตัดไม่ได้ทำให้อาการนอนกรน และ/หรือภาวะหยุดหายใจหายขาด หลังผ่าตัดอาการนอนกรนและ/หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจยังเหลืออยู่ หรือ มีโอกาสกลับมาใหม่ได้ ส่วนการรักษาโดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency , RF) เหมาะสำหรับในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการนอนกรน และ/หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับในระดับที่ไม่รุนแรง ที่เกิดจากการหย่อนยานของเพดานอ่อนและลิ้นไก่ โดยที่ไม่ต้องตัดเพดานอ่อน และ/หรือ ลิ้นไก่ออก ที่นิยมมากในปัจจุบันการรักษานี้ทำโดยแพทย์จะใส่เครื่องมือซึ่งเป็นเข็มชนิดพิเศษ แทงเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อนและส่งคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนในเนื้อเยื่อดังกล่าว เพื่อทำให้เนื้อเยื่อเกิดเป็นพังผืดและมีการหดตัว ซึ่งจะทำให้เพดานอ่อนลดการหย่อนตัวหรือ สั่นสะเทือนขณะหายใจลดลง ผลการรักษามักเห็นได้ใน 4-6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและอายุมากขึ้น อาการอาจกลับมาเป็นอีก แต่ถ้าผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจ สามารถทำซ้ำได้อีก นอกจากนี้ยังมี การผ่าตัดฝัง Pillar prosthesis เพื่อทำให้เพดานอ่อนแข็งขึ้น ลดการสั่นกระพือที่ทำให้เกิดเสียงกรน การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อน การผ่าตัดแก้ปัญหาเรื่องจมูก และอื่นๆ
แพทย์หญิงศรินพร มานิตศิริกุล อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า การนอนหลับที่ผิดปกตินั้น ยังสามารถส่งผลถึงภาวะความทรงจำได้อีกด้วย เพราะการนอนเป็นการจดบันทึกข้อมูลที่ได้ในช่วงก่อนที่จะหลับ แล้วย้ายข้อมูลจากฐานข้อมูลความจำชั่วคราวไปยังความจำระยะยาว ซึ่งเป็นการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบและเป็นแบบแผน มีการจัดการทั้งความจำที่รู้ตัวและความจำที่ไม่รู้ตัว ตอนที่เราตื่นจะมีสัญญาณประสาทเพิ่มมากขึ้น การหลับที่ดีจะลดการตื่นตัวของสัญญาณประสาท อีกทั้งการนอนยังเป็นการปรับสมดุลของอารมณ์ การอดนอนทำให้สมองส่วน amygdala ที่ควบคุมด้านอารมณ์ทำงานมากเกินไป ทำให้การควบคุมอารมณ์ผิดปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความจำอีกด้วย เมื่อนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้กระบวนการเรียนรู้การจัดเก็บความจำจะไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อมีการสื่อประสาทมากไปจะเกิดภาวะ overload ไม่สามารถเรียนรู้ความจำใหม่ๆ ได้ การสื่อประสาทของสมองส่วนหน้าทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้ความใส่ใจในการดำเนินชีวิตประจำวันลดลง เช่น มีปัญหาในการขับรถ, การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีปัญหาการจัดการของอารมณ์ซึ่งส่งผลต่อภาวะความจำ นอกจากนี้พบว่าระยะเวลาในการนอนของเด็กไม่เหมือนของผู้ใหญ่ การสื่อประสาทระหว่างสมองส่วนหน้าในเด็กยังไม่พัฒนาเท่ากับในผู้ใหญ่ แต่การสื่อประสาทที่พบในขณะที่ตื่นของผู้ใหญ่ สามารถพบในเด็กได้มากกว่าโดยเฉพาะในเวลานอนหลับ นอกจากนี้คุณภาพของการนอนและระยะเวลาในการนอนมีความสัมพันธ์กับความจำ ทั้งในด้านความสามารถ ด้านการจัดการ, สติปัญญา, ผลการเรียน การนอนน้อยส่งผลกับพฤติกรรมของเด็ก อาทิ เด็ก 10-14 ปี นอน 5 ชั่วโมง มีผลต่อความจำด้านการจัดการแต่ไม่มีผลต่อความสนใจและความใส่ใจ เด็ก 8-15 ปี นอน 4 ชั่วโมง มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เด็ก 6-12 ปี นอน 6 ชั่วโมงครึ่งเป็นเวลาเจ็ดวัน มีผลต่อการเรียน เด็ก 12-15 ปี อดนอน มีผลต่อการคำนวณและการจำคำศัพท์ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ความจำลดลง มาจากความเครียด โรคทางจิตเวช ภาวะซึมเศร้า ปัญหาการนอน โรคไต จนเกิดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคติดเชื้อในสมอง ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ เนื้องอกในสมอง โรคสมองเสื่อมจากหลอดเลือด สมองเสื่อมแบบเลวี่ นอกจากนี้การใช้ยาบางชนิดอาจส่งผลให้ความจำเสื่อมได้
อย่างไรก็ตามการนอนหลับที่ผิดปกตินั้นเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยทั้งในคนปกติและคนที่มีโรคประจำตัว นอกจากนี้ ความเข้าใจกลไกการนอนของมนุษย์จึงมีผลต่อการรักษา แพทย์จำเป็นต้องได้รับข้อมูลประวัติการนอนหลับที่ละเอียดรวมถึงประวัติการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้อง การตรวจการนอนหลับด้วยเครื่อง Sleep lab อาจจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่ยังหาสาเหตุความผิดปกติในการนอนหลับไม่ได้ชัดเจน หรือผู้ที่อาการยังไม่ดีขึ้นทั้งที่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ดังนั้นหากใครที่พบว่าตนมีความผิดปกติในการการนอนควรรีบมาปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไข ก่อนที่ภัยร้ายจากการนอนจะคุกคามสุขภาพของเรา
Maxim เดินหน้ายกระดับความปลอดภัย: แอปเรียกรถชั้นนำเปิดโครงการอบรมกู้ชีพเบื้องต้นรับเทศกาลท่องเที่ยว
"สารัชถ์ รัตนาวะดี แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 รวย 1.89 แสนล้านบาท"
PROUD ผนึก BDMS เชื่อมต่อ Telehealth ดูแลสุขภาพลูกบ้าน 24 ชั่วโมง ย้ำแนวคิด "ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน"
ไทยประกันชีวิต ผนึก โรงพยาบาลกรุงเทพ จัดสัมมนา Health Talk "ดูแลด้วยใจ ห่วงใยด้วยรัก" เสริมภูมิคุ้มกันความรู้โรค NCDs
ธ.ทิสโก้จับมือพันธมิตร ลุยให้ความรู้แผนการเงิน - สุขภาพ " มะเร็งปอด ไม่รู้ตัว ป้องกัน-รักษายังไงให้หายขาด " @นครราชสีมา
เมืองไทยประกันชีวิต ห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพประจำปี "Smile Morning Check up" ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ (ซ.ศูนย์วิจัย)
เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025
ธ.ทิสโก้ผนึกพันธมิตร จัดสัมมนา "Unlock Long Life" ชวนคิดเรื่องสุขภาพและการเงินในยุคอายุยืน
เปิดประสบการณ์ 'Luxury Wellness Living' ใจกลางเกาะสมุย กับความร่วมมือครั้งสำคัญของ Tramonto Residences และ รพ.กรุงเทพ สมุย พร้อมบริการจาก BDMS Wellness Clinic Celes Samui