สำรวจวัฏจักรราคาน้ำมันดิบ แนวปฏิบัติ 10 ประการสำหรับกิจการน้ำมันและก๊าซ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          สำหรับหลาย ๆ ประเทศ กิจการน้ำมันและก๊าซทำหน้าที่จัดหา เก็บรายได้ และขับเคลื่อนการพัฒนามาได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ดี ในสภาวการณ์ที่ราคาน้ำมันตกต่ำ ทั้งตัวธุรกิจและภาครัฐก็ต้องเผชิญกับศึกใหญ่หลวงทีเดียว
          ด้วยความจำเป็นที่จะต้องลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เงินลงทุน องค์กรหลายแห่งจึงหันมาลดค่าใช้จ่าย และหยุดจ้างงานเอาไว้ก่อน อีกหลายแห่งก็ชะลอการบำรุงรักษาและการฟื้นฟู เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง
          การปรับตัวครั้งนี้มิใช่แค่เพียงในระยะสั้น แต่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซจำเป็นต้องใช้มาตรการที่ให้ประโยชน์ยั่งยืน จากสิ่งที่ได้เรียนรู้ในช่วงวิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นปี 2551-2552 ปี 2540 ปี 2535 และปี 2529-2530 ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมตระหนักดีว่า การที่ธุรกิจในกลุ่มนี้จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตในปัจจุบันไปได้ จะต้องมีการดำเนินการในเชิงยุทธศาสตร์ และการลงทุนที่มีเป้าหมายชัดเจน การประสานความร่วมมือกันทั้งอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และพัฒนาศักยภาพภายในองค์กรให้เต็มที่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวให้แก่องค์กร สิ่งเหล่านี้จะทำให้องค์กรสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมั่นคงและมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เอคเซนเชอร์ขอแนะนำแนวคิดที่สามารถนำไปปรับใช้ได้สำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ 10 ประการ ดังนี้

1. จัดระบบความร่วมมือกับซัพพลายเออร์หลัก
          วิกฤตการณ์ในอดีตทำให้ซัพพลายเออร์ถูกกดดันให้ลดราคา ในครั้งนี้ ซัพพลายเออร์หลายรายก็เตรียมใช้แนวทางเดียวกัน แต่สำหรับกิจการน้ำมันแล้ว ควรมีแนวทางที่ซับซ้อนกว่านี้ เพื่อให้ธุรกิจได้ประโยชน์จากตลาดของซัพพลายเออร์ด้วย
          ขั้นแรกคือ การกำหนดซัพพลายเออร์เชิงยุทธศาสตร์สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทหลัก เช่น การขุดเจาะและกลบ ด้านวิศวกรรม การก่อสร้าง บริการซ่อมบำรุง วัตถุดิบ และลอจิสติกส์ ควรมีการเจรจาต่อรองรายละเอียดในการทำสัญญาระยะยาวกับซัพพลายเออร์เหล่านี้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากขึ้นจากสถานการณ์เฉพาะหน้า แลกกับการขยายธุรกิจร่วมกันต่อเนื่องไปในอนาคต สัญญาหรือข้อตกลงที่ควรปรับใหม่ อาจครอบคลุมถึงประเด็นความเสี่ยงที่รับร่วมกัน การลงทุนและนวัตกรรม รวมทั้งเป้าหมายผลงานที่มีร่วมกัน และอินเซนทีฟเพื่อสร้างแรงจูงใจ การสร้างพันธมิตรที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์จะทำให้ธุรกิจน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งซัพพลายเออร์ของธุรกิจ มีความสามารถในการรับมือ ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ และพัฒนาฟื้นตัวได้ในระยะยาว

2. ปรับโครงสร้างต้นทุนในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาวัตถุดิบภายในประเทศ
          นโยบายการพัฒนาวัตถุดิบภายในประเทศ (LCD: Local content development) มีการนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่ในบางกรณี การที่ผู้ประกอบการแต่ละรายมีประสิทธิภาพหรือความสามารถไม่สอดคล้องกัน ก็ทำให้ความสามารถในการแข่งขันโดยรวมลดลง
          ธุรกิจน้ำมันและก๊าซจึงควรทำงานร่วมกับบริษัทท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อลดความแตกต่างของพื้นฐานโครงสร้างต้นทุน ควรมีการทำงานร่วมกันอย่างโปร่งใส (เช่น การจัดซื้อจัดหาที่เปิดเผย แข่งขันได้) การมีมาตรฐานเปรียบเทียบระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ช่วยกันลดความแตกต่าง ขณะที่ยังคงมาร์จิ้นของอุตสาหกรรมเอาไว้ได้ ผลประโยชน์อย่างยั่งยืนเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยแพล็ตฟอร์มดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ ที่เชื่อมโยงทุกฝ่ายในระบบนิเวศของซัพพลายเออร์ทั้งหมดในอุตสาหกรรม การแลกเปลี่ยนระหว่างธุรกิจในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่ทำให้เห็นปฏิสัมพันธ์ชัดเจนขึ้น พัฒนากระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ และส่งผลต่อผลประกอบการโดยรวม

3. การปรับปรุงความร่วมมือกันเพื่อให้การลงทุนในโครงการต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
          ทีมงานในโครงการต่าง ๆ มักทำงานบนพื้นฐานความคิดเหมือนกับนักบินฝึกหัด คือ สันนิษฐานว่าโครงการลงทุนแต่ละโครงการมีความเฉพาะตัว ทำให้ไปจำกัดแนวทางการปฏิบัติงานที่ดีที่สุดที่อาจจะนำมาใช้ได้ หลาย ๆ โครงการจึงมีการใช้งบประมาณเกินกว่าประมาณ รวมถึงใช้เวลามากกว่ากำหนด
          โครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนหลายโครงการมีลักษณะร่วมคล้ายกัน ดังนั้นจึงสามารถบริหารประสิทธิภาพของต้นทุนได้ด้วยการออกแบบโครงการ ระบบ อุปกรณ์ และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องตามแบบมาตรฐานทั่วไป ซึ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมก็ได้ปฏิบัติตามแนวนี้ดังที่มีการอภิปรายในการประชุม World Economic Forum ซึ่งธุรกิจน้ำมันและก๊าซส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์ในการลดงบประมาณลงทุนลงได้ นอกจากนี้ การกำกับดูแลกิจการจากส่วนกลางยังช่วยให้มีมาตรฐานการเปรียบเทียบผลของโครงการที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการแต่ละรายได้ ควรมีการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันเพื่อไม่ให้ต้นทุนและเวลาดำเนินโครงการเกินเลยกว่ากำหนด รวมทั้งสามารถวัดประสิทธิภาพของผู้จัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ เพื่อควบคุมต้นทุนให้มีความสามารถในการแข่งขันได้

4. ใช้สินทรัพย์ด้านลอจิสติกส์และความสามารถของทรัพยากรร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการมากขึ้น
          ผู้ประกอบการหลายรายที่ทำธุรกิจใกล้ ๆ กัน ต่างซื้ออุปกรณ์ สินทรัพย์ และจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ มาใช้เพื่อประโยชน์คล้าย ๆ กัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้อัตราประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรและกำลังการผลิตลลง
          การนำความต้องการของธุรกิจมารวมกัน หรือทำงานประสานกัน แบ่งปันใช้สินทรัพย์ด้านลอจิสติกส์และทรัพยากรร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ จะทำให้เกิดการประหยัดจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ศูนย์ควบคุมลอจิสติกส์ระดับภูมิภาคจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์จากเรือเดินสมุทรและเฮลิคอปเตอร์ได้ โดยการพัฒนาฐานรองรับการใช้ซัพพลายร่วมกันขึ้นมา รวมศูนย์โกดังเก็บสินค้าเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้ นอกจากนี้ การมีทีมหมุนเปลี่ยนทำงานจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. จัดเวลาการบำรุงรักษาสินทรัพย์ให้สมดุลกับโอกาสที่เสียไป
          เมื่อราคาต่าง ๆ ลดลง โอกาสการได้ผลกำไรเมื่อเทียบกับสิ่งที่เสียไปในการใช้สินทรัพย์ก็ลดลงด้วย ตารางเวลาการบำรุงรักษาและฟื้นฟูจึงสามารถเลื่อนไปได้จนกว่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสม โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับโอกาสที่สูญเสียไป
          กิจการที่มีประสิทธิภาพจะมีกลยุทธ์บำรุงรักษาสินทรัพย์ตามลำดับความสำคัญของผลกระทบที่เกิดขึ้นในเชิงพาณิชย์ การปรับปรุงและบำรุงรักษาในจังหวะที่เหมาะสม จะทำให้การบริหารต้นทุนเกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มอัตราการทำกำไรโดยรวม ธุรกิจน้ำมันและก๊าซสามารถบริหารการผลิตในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เน้นไปที่ใช้สินทรัพย์และอุปกรณ์สำคัญ ๆ เพื่อให้สินทรัพย์เหล่านั้นทำประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุดเมื่อราคาปรับตัวดีขึ้น

6. ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มผลิตภาพ
          ช่วงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดที่จะลงทุนไปกับการพัฒนาเครื่องมือที่ทันสมัยและโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อเตรียมการสำหรับอนาคต ยิ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจมีความแตกต่าง สร้างข้อได้เปรียบให้เห็นชัดมากขึ้น
          การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ทำให้เกิดโอกาสที่หลากหลายในอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น ศูนย์ปฏิบัติการระยะไกล เครื่องมือวิเคราะห์บิ๊กดาต้า กำลังแรงงานที่ทำงานกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ การติดตามข้อมูลวัตถุดิบและอุปกรณ์ เป็นต้น เทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทเปลี่ยนแปลงการทำงานของธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ผลประโยชน์ที่จับต้องได้คือ ประสิทธิภาพของคนที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ ความโปร่งใส และได้อัตรากำไรสูงสุดจากสินทรัพย์ที่ใช้ในการผลิต องค์กรที่ลงทุนตอนนี้จึงมีโอกาสลดฐานต้นทุนการปฏิบัติการในอนาคตได้มาก และได้รับผลกำไรกลับคืนมาเร็วกว่าคู่แข่ง

7. บูรณาการฝ่ายสนับสนุนงานภายใน เพื่อประหยัดต้นทุนลง
          จัดโครงสร้างฝ่ายการเงิน ทรัพยากรบุคคล จัดซื้อ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้มีการปฏิบัติงานร่วมกันได้ เพื่อทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง
          บริษัทสามารถบูรณาการหน้าที่งานต่าง ๆ เพื่อรวมเอาความรู้ความชำนาญที่คล้ายกันมาไว้ด้วยกัน สามารถตัดทอนการทำงานในหลาย ๆ สถานที่ ซึ่งต่างให้บริการเหมือน ๆ กัน เพื่อลดความไม่ต่อเนื่องและบริการที่ซ้ำซ้อนกัน บริการส่วนหลังและกลางสามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ หรือโอนไปให้บุคคลที่สามทำแทน การบูรณาการงานเข้าด้วยกันจะทำให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากการลงทุนด้านไอทีคุ้มค่ามากขึ้น สามารถเปิดให้เข้าถึงโครงสร้างไอทีมาตรฐานในลักษณะเดียวกับการให้บริการใช้ซอฟต์แวร์
          หลายองค์กรได้ดำเนินการในแนวทางนี้แล้ว ปัจจุบันถึงเวลาสำหรับกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอาเซียนที่จะจัดโครงสร้างการบริการในแนวนี้ และเนื่องจากมีการทดสอบโมเดลมาแล้ว การเปลี่ยนผ่านไปสู่โมเดลใหม่จะทำได้รวดเร็วกว่าและทำให้ส่งผลต่อกิจกรรมทางธุรกิจน้อยที่สุด

8. บริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างชาญฉลาดมากขึ้น
          ทุนมนุษย์และการพัฒนาศักยภาพยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญในลำดับต้น ๆ สำหรับทุกกิจการน้ำมันและก๊าซ เอคเซนเชอร์จึงแนะนำให้องค์กรใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นทางนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการฝึกอบรม ทำให้ต้นทุนที่ลงทุนไปเกิดประโยชน์สูงสุด
          ทุนมนุษย์เป็นสินทรัพย์สำคัญสำหรับกิจการน้ำมันและก๊าซ องค์กรชั้นนำยังคงมีการพัฒนาทักษะด้านเทคนิค ทักษะงานเฉพาะ และทักษะในการบริหารงานอย่างต่อเนื่อง ในด้านเทคโนโลยีเช่น ห้องเรียนเฉพาะ การเรียนรู้เคลื่อนที่ การฝึกอบรมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยออนไลน์ และการสอนงาน ต่างทำให้การลงทุนคุ้มค่าและมีการฝึกอบรมตรงตามเป้าหมาย

9. ประเมินพอร์ตใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่า
          บริษัทน้ำมันและก๊าซหลายแห่งได้ขยายพอร์ตไปยังต่างประเทศ และเข้าสู่อุตสาหกรรมน้ำมันที่ต่างจากแบบดั้งเดิม ควรมีการประเมินผลได้ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการขยายกิจการเพื่อให้แน่ใจว่า แนวทางและเป้าหมายการเติบโตจะสร้างมูลค่าที่สูงขึ้น การมีวิกฤตเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเติบโตอย่างมีเป้าหมาย
          ท่ามกลางภาวะน้ำมันถูก บริษัทต่างแข่งกันประเมินแนวทางการขยายธุรกิจและโครงการที่ต้องใช้การลงทุนต่าง ๆ การประเมินหรือทบทวนใหม่ ควรกระทำกับทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ด้วย
          การทบทวนในเชิงลึกเข้มข้น ควรทบทวนด้านต่าง ๆ รวมถึง วิศวกรรม การเงิน เครื่องมือและความสามารถในการบริหารโครงการ เมตริกตัวชี้วัดผลงานหลัก การจัดซื้อ กลยุทธ์การจ้างช่วงวัตถุดิบและบริการต่าง ๆ เมื่อมีแนวปฏิบัติใหม่เกิดขึ้น การทบทวนก็ขยายไปถึงการระบุและวัดมูลค่าความเสี่ยงจากการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลกระทบว่าการขยายตัวและโครงการลงทุนนั้นส่งผลต่อพอร์ตองค์กรอย่างไร เมื่อประเมินเชิงปริมาณถูกต้องแล้ว ก็จะทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับพอร์ตบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงง่ายขึ้น และสมเหตุสมผลที่สุด เช่น การตัดสินใจว่าควรทำโครงการใดต่อ ควรชะลอหรือยกเลิกหรือไม่ ควรตัดทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ชิ้นใดออกไป เป็นต้น

10. เพิ่มขีดความสามารถในการทำให้ต้นทุนโปร่งใส ตรวจสอบได้
          บริษัทจะได้ประโยชน์จากการมองเห็นต้นทุนสินทรัพย์ทั้งพอร์ตชัดเจน อีกทั้งยังเป็นอินเซนทีฟกระตุ้นให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนให้ต่ำลง
          ผู้ประกอบการน้ำมันและก๊าซหลายแห่งได้ร่วมกันทำให้ต้นทุนมีการประหยัดสูงสุด แต่ทว่า ยังมีกิจการจำนวนไม่มากที่สามารถจัดการเรื่องความโปร่งใสของต้นทุนได้อย่างคงเส้นคงวาสำหรับสินทรัพย์ทั้งพอร์ต การมีความโปร่งใสในเรื่องต้นทุนจะทำให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถเพิ่มสัดส่วนการแชร์ต้นทุนระหว่างกันในทุกรายการทรัพย์สินได้
          
ช่วงยากลำบากอาจเป็นยาแรงช่วยกระตุ้น
          ขณะที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจนั้นยากลำบากและคาดการณ์ไม่ได้ บริษัทน้ำมันและก๊าซสามารถดำเนินการในหลายด้านเพื่อลดผลที่จะทำให้งบเตี้ยติดดิน และทำให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
          แทนที่จะลดต้นทุนอย่างง่าย ๆ หรือลดต้นทุนทั้งกระดานซึ่งจะทำให้สถานะระยะยาวสั่นคลอนและบริษัทอ่อนแอลง กิจการชั้นนำต่างมุ่งเน้นไปที่การทำให้ต้นทุนมีความโปร่งใสในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารและใช้ต้นทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทยังสามารถใช้ประโยชน์จากภาวะน้ำมันราคาตก ในการลงทุนด้านฝึกอบรมพนักงาน และนำโซลูชั่นดิจิทัลเข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาอัตราผลิตภาพ และการทำกำไร
          ในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบตกต่ำ กิจการน้ำมันและก๊าซเจ็บปวดแน่นอน ผู้บริหารควรใช้ความเจ็บปวดในวันนี้เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้กิจการน้ำมันและก๊าซมีความยืดหยุ่นและรับมือต่อความผันผวนของวัฏจักรราคาน้ำมันดิบได้ดีขึ้น

ข่าวราคาน้ำมันดิบ+กิจการน้ำมันวันนี้

พีทีที สเตชั่น ขานรับนโยบายใหม่ ปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซล จาก B7 เป็น B5 พร้อมส่งมอบน้ำมันคุณภาพสู่ผู้บริโภค เริ่ม 21 พฤศจิกายน นี้

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ประกาศพร้อมปรับสัดส่วนการผสม ไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา จากสูตร B7 เป็น B5 ตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ภายในประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตไบโอดีเซล โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567เป็นต้นไป นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน OR เปิดเผยว่า "พีทีที สเตชั่น พร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลอย่าง

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด ... SPRC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2567 — บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานว่าบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 64 ล้าน...

ในยุคที่ความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้นอย่าง... เชื้อเพลิงสังเคราะห์ อีกความหวังเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน — ในยุคที่ความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นแหล่งพลังงา...

ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสปรับฐานในเร็ว ๆ นี้ หลั... "ตลาดหุ้นจีน" ส่งสัญญาณปรับฐานเร็ว ๆ นี้ เป็นโอกาสนักลงทุนซื้อลงทุนระยะยาว — ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสปรับฐานในเร็ว ๆ นี้ หลังราคาดีดขึ้นมาแรงและนักลงทุนอาจเปลี่...

จากราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากคว... SFLEX คุมต้นทุนอยู่หมัด! — จากราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ทำให้หลายบริษัทได้รับผลกระทบ แต่สำหรับ บมจ.สตาร์...