เตรียมเปิดข้อตกลง 9 งานวิจัยมุ่งเป้า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปี 58

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สรรส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการวิจัยมุ่งเป้าด้านการแพทย์และสาธารณสุข ชุดโครงการการป้องกัน รักษา และการดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ครั้งที่ 3/2558 เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการวิจัย ประจำปี 2558 ซึ่งเปิดรับข้อเสนอโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 17 ตุลาคม 2557 เป็นต้นมา การประชุมครั้งนี้ มี นพ.ภูษิต ประคองสาย รักษาการผู้อำนวยการ สวรส. เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ และ นพ.ประวิช ตัญญสิทธิสุนทร เครือข่ายวิจัยกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมประชุม โดยผลการพิจารณาคัดเลือกโครงการวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุน จำนวน 9 โครงการที่เข้ากรอบโจทย์วิจัย NCD จากโครงการที่เสนอมาทั้งหมด 87 โครงการ เป็นงบประมาณที่เสนอขอการสนับสนุน รวมจำนวน 34 ล้านบาท ทั้งนี้ สวรส. ได้รับอนุมัติวงเงินเพื่อสนับสนุนทุนวิจัยปีงบประมาณ 2558 จาก วช. มาทั้งสิ้น 72 ล้านบาท ซึ่งวงเงินที่เหลือประมาณ 38 ล้านบาทนั้น จะนำไปใช้สนับสนุนทุนวิจัยต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2556 – 2557 ต่อไป
          สำหรับ จำนวน 9 โครงการที่เข้ากรอบโจทย์วิจัย NCD ประจำปีงบประมาณ 2558 ประกอบด้วย
          1.โครงการศึกษาการดำเนินโรคและผลลัพธ์ทางคลินิกของโรคไตเรื้อรังในประชากรไทย โดย รศ.ดร.พญ.อติพร อิงค์สาธิต สังกัดกลุ่มสาขาวิชาระบาดวิทยาคลินิกและชีวสถิติ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลที่คาดว่าจะได้รับ จะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการพยากรณ์โรคไตเรื้อรัง ที่จะนำไปสู่การวางแผนปรับปรุงวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคไต รวมทั้งการพัฒนาอุปกรณ์เพื่อสื่อการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไตเรื้อรัง โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการศึกษานำไปประยุกต์
          2.การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมัน อาหาร และการออกกำลังในหญิงให้นมบุตรและเด็กวัยเรียนเพื่อการป้องกันภาวะอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดย รศ.ดร.พัตธนี วินิจจะกูล สังกัดสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผลที่คาดว่าจะได้รับคาดว่า จะได้ข้อแนะนำและรูปแบบการส่งเสริมโภชนาการในช่วง 1,000 วันแรกของชีวิต ที่สอดคล้องและปฏิบัติจริงได้ในระบบบริการอนามัยแม่และเด็กในระบบสาธารณสุขของประเทศ
          3.การรักษาโรคมะเร็งปอดแบบมุ่งเป้าและการค้นหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพเชิงเมตาบอลอมิคส์ในคนไทย จากการวิจัยเบื้องต้นสู่การศึกษาวิจัยทางคลินิกระยะที่สอง โดย พญ.ธัญนันท์ เรืองเวทย์วัฒนา สังกัดภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลที่คาดว่าจะได้รับ จะช่วยทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ในการใช้ยา Metformin และ Aspirin ว่าสามารถใช้ป้องกันหรือลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งปอดได้หรือไม่ และหากการวิจัยสำเร็จตามวัตถุประสงค์จะนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2 ในการพัฒนาชุดตรวจการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในโรคมะเร็งปอดในอนาคตที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดแบบมุ่งเป้าในประชากรไทยได้ เป็นต้น
          4.ประโยชน์ของการตรวจเพทสแกนด้วย F-18 florbetapir (F-18-AV-45) เพื่อประเมินการสะสมของ amyloid ในสมองในผู้ป่วยสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์, ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเล็กน้อยของความสามารถของสมองและผู้สูงอายุปกติ โดย พญ.ธัญญลักษณ์ เธียรธัญญกิจ สังกัดภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ผลที่คาดว่าจะได้รับ จะทำให้ทราบถึงการสะสมของ Beta-amyloid ในสมอง เพื่อเป็นการเปรียบเทียบกับผลการตรวจวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมจากอาการทางคลินิก รวมทั้งผลการตรวจรังสีอื่นๆ ในกลุ่มตัวอย่างประชากร เพื่อพิจารณาถึงความไวและความจำเพาะของการใช้เครื่องตรวจนี้ หากพบว่าการตรวจด้วย F-18 florbetapir มีประโยชน์ต่อการวินิจฉัยผู้ป่วยในระยะแรกเริ่มหรือระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้ จะสามารถใช้ในการประเมินผลก่อนและหลังการใช้การรักษาเพื่อพัฒนายาหรือวิธีการป้องกันต่อไป
          5.การทำนายการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษในกลุ่มสตรีตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี โดยการตรวจ ดอพเลอร์หลอดเลือดแดงยูเทอรีน ร่วมกับ การวัดระดับการทำนายการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษในกลุ่มสตรีตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี โดยการตรวจดอพเลอร์หลอดเลือดแดงยูเทอรีนร่วมกับ การวัดระดับของ fms-like tyrosine kinase (sflt-1), placental growth factor (PlGF) และ pregnancy-associated plasma protein-A (PAPP-A) ของ fms-like tyrosine kinase (sflt-1), placental growth factor (PlGF) และ pregnancy - associated plasma protein-A โดย รศ.นพ.ชำนาญ แท่นประเสริฐกุล สังกัดโครงการจัดตั้งภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ หากการทำนายในกลุ่มเสี่ยงได้แม่นยำจะช่วยลดการเกิดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ เพื่อจะช่วยนำการวางแผนรักษาดูและผู้ป่วยตั้งแต่ระยะแรกของโรค ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพชีวิตของประชากรของประเทศ
          6.การพัฒนารูปแบบการดูแลเด็กโรคสมาธิสั้นแบบบูรณาการระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปกครอง และครู ในเขตภาคเหนือ โดย นพ. สมัย ศิริทองถาวร สังกัดสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษาตัวอย่างเด็กก่อนวัยเรียนและวัยเรียนที่ได้รับการคัดกรอง ถ้าพบโรคสมาธิสั้นจะได้รับการรักษาพยาบาลและการปรับพฤติกรรม ช่วยลดการล่าช้าในการการรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง ทำให้เด็กมีโอกาสประสบคววามสำเร็จในการเรียนและพัฒนาการเชิงสังคม ซึ่งจะเกิดระบบการดูแลเด็กโรคสมาธิสั้นในแบบบูรณาการ ที่ต่อเนื่องในระดับโรงเรียน สถานพยาบาล และบ้าน
          7.การดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง: การรักษา การเฝ้าระวัง และการป้องกันการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับการล้างไตทางช่องท้องโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ และการสร้างฐานข้อมูล โดย ดร.ภญ.ชิดชนก เรือนก้อน สังกัดภาควิชาบริบาลเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลที่คาดว่าจะได้รับเพื่อให้อายุรแพทย์โรคไตและบุคลากรทางสาธารณสุข ทราบแนวทางประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการรักษาผู้ป่วย และป้องกันภาวะเยื่อบุช่องอักเสบจากการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับการล้างไตทางช่องท้อง อีกทั้งจะช่วยให้ทราบความเข้ากันได้ของยาต้านจุลชีพกับน้ำน้ำยาล้างไต เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
          8.อัตราการพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานและการศึกษาความสัมพันธ์เกี่ยวกับปัจจัยการนอนหลับและระดับกรดยูริคในเลือดต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานในผู้ที่มีภาวะ pre-diabetes โดย พญ. ธัญญรัตน์ อโนทัยสินทวี สังกัดภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลที่คาดว่าจะได้รับ จะทำให้ทราบถึงปัจจัยจากการนอนหลับและภาวะกรดยูริคในเลือดสูงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งถ้าพบถึงความสัมพันธ์จะมีประโยชน์ในการกำหนดมาตรการป้องกันเบาหวานในอนาคต
          9.ช่องว่างในการเข้าถึงบริการ จิตเวชและภาระทางเศรษฐศาสตร์: การศึกษาระยะยาวในชุมชน โดย ผศ.นพ. ตะวันชัย จิรประมุขพิทักษ์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลที่คาดว่าจะได้รับทำให้ทราบถึงข้อมูลด้านภาระทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อช่วยให้หน่วยงานด้านนโยบายวางแผนการลงทุนเรื่องระบบบริการสาธารณสุข เช่น สปสช. ตัดสินใจว่า ควรให้สิทธิในการรักษาโรคทางจิตเวชมากน้อยเพียงใด และลงทุนอย่างไรจึงจะคุ้มค่า
          ทั้งนี้ ระยะเวลาการดำเนินโครงการวิจัยฯ ปี 2558 เฉลี่ยการศึกษาอยู่ระหว่าง 2-3 ปี โดย สวรส. และ วช. จะเร่งดำเนินการประสานการสนับสนุนทุนและเริ่มดำเนินโครงการวิจัยให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้



เตรียมเปิดข้อตกลง 9 งานวิจัยมุ่งเป้า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปี 58 เตรียมเปิดข้อตกลง 9 งานวิจัยมุ่งเป้า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปี 58

ข่าวสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ+สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขวันนี้

แจงกรอบวิจัยปีงบ 61 มุ่ง เดินหน้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 หนุนเครือข่ายรัฐ-เอกชน พัฒนาสังคมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ในการประชุมชี้แจงกรอบการวิจัย ประจำปีงบประมาณ 2561 จัดโดยเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.) และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ร่วมน... สวรส. โชว์ 6 ผลงานวิจัยเด่น ในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2559 — สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ร่วมนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเชื่อมโยงบูรณาการองค์...

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทร... รมว.สธ. หนุนวิจัยมุ่งเป้า Thai CV Risk Score ประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ — ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเสนอผ...

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จัดเวทีส... สวรส. เปิดสานเสวนา พ.ร.บ.ส่งเสริมวิจัยสุขภาพประเทศ — สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จัดเวทีสานเสวนา “การขับเคลื่อนกลไกส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยสุขภาพขอ...

ศาสตราจารย์กียรติคุณ ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ... ภาพข่าว: เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไทย — ศาสตราจารย์กียรติคุณ ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม และกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติสาขาเคมีและเภสัช ...

จากแนวคิดการปฏิรูประบบวิจัย เพื่อเป้าหมาย... สวรส. จับมือ วช. พัฒนานักจัดการงานวิจัยสู่ระบบ — จากแนวคิดการปฏิรูประบบวิจัย เพื่อเป้าหมายการนำความรู้สู่การใช้ประโยชน์ในระบบสุขภาพและการพัฒนาประเทศ ด้วย...

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ร่วมกับส... ชงยุทธศาสตร์วิจัยด้านสมอง แก้ปัญหา "สุขภาพ – สังคม" — สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดสัมมนาวิชาการด้านว...

“สวรส.-วช.” จับมือทำงานใหญ่ สร้างงานวิจัยชาติ ตั้งเป้า 3 ปี พัฒนานโยบายสุขภาพ-ชีวเวชศาสตร์ มุ่งเปลี่ยนระบบสุขภาพคนไทย

สวรส. จับมือ วช. ยกเครื่องการวิจัยระบบสุขภาพของชาติ พร้อมทำงานร่วมกันอย่างมีทิศทางภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ปี หวังลดความซ้ำซ้อน ใช้ประโยชน์ได้จริง และสร้างคลังข้อมูลการวิจัยระบบสุขภาพ...

สามองค์กรผู้นำระบบเฮลท์แคร์และเฮลท์เทคของ... วิศวะมหิดล รวมพลัง 3 องค์กร เดินหน้า เฟส 3 พัฒนาระบบโลจิสติกส์และ Big Data สาธารณสุขไทย — สามองค์กรผู้นำระบบเฮลท์แคร์และเฮลท์เทคของไทย ได้แก่ กระทรวงสาธาร...