กรณีปัญหาหมอกควันในภาคเหนือในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 20,000 ล้านบาทต่อปี สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิชีววิถี เครือข่ายเกษตรพันธสัญญา ได้จัดเวทีเสวนาวิชาการเรื่อง “ปลาป่น ข้าวโพด หมอกควัน น้ำท่วม และ อาหาร” ขึ้น ณ ห้องประชุมสถาบันวิจัยสังคม เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา
ดร.สฤณี อาชวานันทกุล กรรมการผู้จัดการด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด ในฐานะผู้ทำวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์ การจัดการห่วงโซ่อุปทานของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อส่งเสริมการจัดการลุ่มน้ำอย่างยั่งยืนในจ. น่าน กล่าวว่า จากการศึกษาภาพถ่ายดาวเทียม GISTDA พบว่าระหว่างปี 2545-2556 มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเพิ่มขึ้น 109% และ 61% เป็นพื้นที่ป่า ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ระบบนิเวศเสื่อมโทรม หน้าดินถูกชะล้าง เกิดมลภาวะจาการเผา เพราะเกษตรกรต้องเผาเตรียมพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกที่เป็นที่ดอน ขณะที่พื้นที่ ที่เป็นที่ราบยังไถกลบได้ ดังนั้นปัญหาหมอกควันจึงเกิดจากการเผาในที่ดอน
นอกจากนี้เกษตรกรเพาะปลูกบนพื้นที่ชันยังยากจน มีอำนาจต่อรองน้อย ขณะที่ในประเทศมีความต้องการอาหารสัตว์สูง ที่ผ่านมานโยบายของรัฐเพิ่มแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ ทั้งการรับจำนาข้าวโพด ประกันราคา นอกจากมลภาวะจากเผาแล้วยังใช้สารเคมี เพราะเมื่อปลูกบนที่ดอนการปลูกจะยากกว่าที่ราบ จำเป็นต้องใช้สารเคมีในปริมาณมากขึ้น เกิดส่งผลกระทบต่อสุขภาพตามมา มีโรคทางเดินหายใจ ผิวหนัง
ดร.สฤณี กล่าวอีกว่า ปัญหาหาการทำเกษตรในพื้นที่ในป่ายังก่อให้เกิดให้ดินถล่ม น้ำท่วมรุนแรง ซึ่งหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของธกส.หากปล่อยสินเชื่อประมาณ 70% ตามกฏระเบียบต้องมีเอกสารสิทธิ์ของที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย แต่พบว่าแม้เกษตรกรไม่มีโฉนดถูกต้องก็ขอสินเชื่อได้ และอีกแรงจูงใจที่ทำให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดมาจาก พ่อค้าคนกลาง อำนวยความสะดวกรับซื้อผลผลิตถึงไร่
“ทั้งนี้ โรงงานที่เป็นผู้กำหนดราคาข้าวโพด โดยไม่นำประเด็นผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาพิจาณาด้วย ขณะที่อุตสาหกรรมปลาป่นเริ่มไม่รับซื้อจากการประมงที่ทำลายทะเล ซึ่งบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความคิดจะพัฒนามาตรฐานนี้โดยได้รับทุนจากสกว.จึงต้องติดตามต่อไปจะให้รับความสำคัญขนาดไหน ทั้งนี้แนวโน้มการทำไร่บนภูเขาน้อยลง เพราะไม่มีป่าให้บุกรุกแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการใช้วิธีการขยายไปที่ประเทศเพื่อนบ้านแทน” ดร.สฤณี กล่าว
ด้าน นายเตโช ไชยทัพ ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ) กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันเกิดจากพื้นที่บุกรุกพื้นที่เพาะปลูกใหม่ เพราะมีชีวมวลในแปลงเกษตร 20,000-50,000 กก.ต่อไร่ขณะที่พื้นทีป่ามีชีวมวล 2,000 กก.ต่อไร่ดังนั้นถ้าจัดการปัญหาหมอกควันต้องหยุดการบุกรุกป่าเพื่อขยายพื้นที่การเกษตรใหม่ นอกจากยังพบปัญหาว่าเชียงใหม่มีพื้นป่า 10 ล้านไร่ แต่จำนวนเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่มีอย่างจำกัดสามารถดูแลป่าได้เพียง 2 ล้านไร่
นายเตโช กล่าวว่า ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาการบุกรุกป่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่สามารถจำแนกพื้นป่าทับซ้อนกับพื้นที่ทำกินได้ ดังนั้นจึงเสนอให้ลดเชื้อเพลิงก่อนเดือนมี.ค.-เม.ย. หรือการชิงเผา เพราะเคยทดลองในพื้นที่ป่าแปลงออบหลวง1 แสนไร่สามารถช่วยลดปัญหาหมอกควันได้
ด้านนายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์นอกจากมีข้าวโพดเป็นส่วนผสมแล้วยังมีปลาป่นผสมอยู่ 65 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสารให้โปรตีน ดังนั้นเมื่อมีโรงงานรับซื้อ เรือประมงได้ใช้อวนขนาดเล็กจับปลาตัวเล็กตัวน้อยหรือปลาเป็ดขึ้นมาวันละ 300,000 ตัน ส่งขายโรงงานปลาป่นที่มีอยู่ 149 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่หากปล่อยให้สัตว์น้ำชนิดนี้เช่นลูกปลาทู ลูกปลาอินทรี เติบโตต่อไปจะเป็นอาหารทะเลให้คนทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 18 % ด้วย ระบบนี้ทำให้คนทั้งประเทศไม่เชื่อมั่นในระบบทะเล เปลี่ยนความนิยมไปบริโภคปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารอย่างปลาทับทิม และปลานิลแทน ดังนั้นบริษัทซีพี เบทาโกร ต้องหยุดโรงงานปล่าป่นให้ได้
ด้านนายวิฑูรย์ เลี่ยงจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) กล่าวว่า จากข้อมูลฮ็อตสปอต (Hotspot) หรือจุดเผาไหม้ มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ปลูกข้าวโพด เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเผาไม่เกี่ยวกับชาวบ้านที่หาผักหวานป่า หาเห็ด พบว่าในปี 2550 ข้าวโพดมีราคาสูงจาก 5 บาทเป็น 7 บาทจนกระทั่งปี 2555ราคาข้าวโพดเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 9.35 บาททำให้เกิดฮ็อตสปอตเพิ่มเป็น 27,000 จุดเพราะมีแรงจูงใจจากข้าวโพด ขณะที่บริษัทที่เกษตรยักษ์ใหญ่ที่ส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดได้ประโยชน์จากขายเมล็ดพันธุ์ เฉลี่ยปีละ 1,200 ล้านบาท การปลูกข้าวโพดมีต้นทุน 2,631 บาทต่อไร่ ซึ่งการสร้างยุทธศาสตร์ครัวของโลกต้องแลกกับธุรกิจอาหารสัตว์ที่ทำลายป่า
ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า ได้เสนอให้มีการผลิตข้าวโพดเชิงเดี่ยวไปสู่การผลิตที่ยั่งยืน แก้ปัญหาผูกขาดด้วยการปลูกข้าวโพดไปเป็นอาหารสัตว์ เปลี่ยนเป็นปลูกข้าวโพดเพื่อเป็นวัตถุดิบในการเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่เอง
ด้าน นายไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์จากศูนย์ศึกษาความเป็นธรรม คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมมหาวิทยาลัยมีแนวคิดในการแก้ปัญหาหมอกควันแบบเดียวกับสิงคโปร์ โดยใช้พลังงของนศ.คนรุ่นใหม่ จะจับมือกันไม่ซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นต้นเหตุของหมอกควัน เพราะในอนาคตหากประเทศไทยโดนกลุ่มอียูไม่ให้ส่งออกสินค้า ความเสียหายอยู่ที่คนทั้งประเทศต้องแบกรับ ขณะที่ต้นตออยู่ที่บริษัทเกษตรรายใหญ่ของประเทศ ทั้งนี้เพราะระบบกฏหมายไม่สามารถเอาผิดไปถึงต้นตอของผู้ก่อมลพิษ เพราะคนเผาไม่ใช่บริษัท แต่เป็นชาวบ้าน ต้องแบกรักความเสี่ยงไว้เองทั้งถูกจับดำเนินคดี ทั้งเรื่องของภัยธรรมชาติ การกดราคาข้าวโพดเป็นต้น
สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ จัดสัมมนา "AI เพื่อสังคม 2025" เปิดพื้นที่เสนอแนวทางการใช้ AI ในสังคมไทยอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
อักษรฯ จุฬาฯ เปิดสอนรายวิชา "Dracula and Modern Culture" จากวรรณกรรมสยองขวัญสู่กระจกสะท้อนวัฒนธรรมร่วมใหม่
จุฬาฯ จับมือ NIA ปั้น "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย" สร้างเวทีบ่มเพาะนวัตกรรมและธุรกิจ Startup จากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดตัว "Green Social Enterprise Catalog"
ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ชวนเปิดโลกเทรนด์และเทคโนโลยีสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จัดเปิดตัวหนังสือ "กูละเบื่อ" เขียนโดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา
คณะจิตวิทยา จุฬาฯ ร่วมกับ TIMS รับสมัครองค์กรร่วมคัดเลือก สุดยอดองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะทางจิต "Thai Mind Awards" รุ่นที่ 2
ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จัดเสวนา "รัฐศาสตร์ ในโลกแห่งอำนาจและการเมือง"
จุฬาฯ หนึ่งเดียวของไทย ASEAN Top 10 การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย THE World University Rankings 2026