นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่านอกจากนี้พื้นที่ที่เป็นจุดร่วมของรถไฟฟ้าสองสายที่มาบรรจบกันได้กลายเป็นพื้นที่ทำเลทองในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้ในบริเวณนั้นจะเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนามากอยู่ก่อนแล้วก็ตาม เช่น สยาม อโศก เป็นต้น ซึ่งอาจจะส่งผลห้ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สำหรับจุดตัดของเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายต่างๆ นั้นกลับเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการมากกว่า โดยจุดตัดที่น่าสนใจ 3 จุดใหญ่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาของโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ ในอนาคต คือ
บริเวณสามแยกเตาปูน จุดตัดของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง เป็นทางแยกของรถไฟฟ้าทั้งสองสายดังกล่าว โดยสายสีม่วงจะขึ้นไปทางทิศเหนือตามแนวถนนกรุงเทพ – นนทบุรี สายสีน้ำเงินจะไปทางถนนประชาราษฎร์สาย 2 และเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารของทั้งสองเส้นทาง ตรงจุดแยกนี้ในปัจจุบันมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นหลายโครงการ รวมทั้งราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าทั้งสองเส้นทาง แต่ตรงจดุที่เป็นทางแยกนี้มีราคาเพิ่มขึ้นกว่าพื้นที่อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด จากที่เมื่อก่อนซื้อขายกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางวา แต่ในปัจจุบันน่าจะมากกว่า 350,000 บาทต่อตารางวาไปแล้ว ซึ่งรวมทั้งตลอดเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสีน้ำเงินที่แยกจากเตาปูนไปก็เป็นเช่นเดียวกันที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น ราคาขายคอนโดมิเนียมก็เช่นกันจากที่ก่อนหน้านี้ช่วงที่เริ่มมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งสองสายใหม่ๆ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น แต่ในปัจจุบันโครงการใหม่ๆ ราคาขายเริ่มต้นที่มากกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว และเกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรในบางโครงการ
บางหว้า จุดตัดของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีลมที่ต่อขยายมาจากสะพานตากสิน ในปัจจุบันมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นที่จุดนี้ 3 – 4 โครงการ ราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ก็ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเช่นกัน โดยก่อนที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจะเปิดให้บริการนั้นราคาขายของคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 55,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ในปัจจุบันหลังจากที่สถานีบางหว้าเปิดให้บริการแล้วราคาขายเฉลี่ยของโครงการเดียวกันนี้อยู่ที่ประมาณ 70,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นมากกว่า 25% ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่เปิดขายหลังจากสถานีบางหว้าเปิดให้บริการนั้นมีราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 75,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว ในส่วนของราคาที่ดินในปัจจุบันเสนอขายกันที่มากกว่า 350,000 บาทต่อตารางวาไปแล้วสูงกว่าเมื่อก่อน มากกว่า 20% ในพื้นที่บริเวณนั้นยังคงมีที่ดินว่างเปล่าเหลืออีกหลายแปลงที่พร้อมจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมในอนาคต
บริเวณสีแยกท่าพระ ที่ในอนาคตจะเป็นจุดบรรจบของรถไฟฟ้าสายสีน้ำงิน 2 เส้นทาง คือ สายที่มาจากบางซื่อ และจากหัวลำโพง ในปัจจุบันอาจจะยังไม่เป็นที่สนใจของผู้ประกอบการมากนักเมื่อเทียบกับสถานีบางหว้า แต่ในอนาคตน่าจะเป็นอีพื้นที่หนึ่วที่น่าสนใจเพราะด้วยการที่เป็นจุดรวมของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้ง 2 สาย สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ารอบๆ สถานีท่าพระเป็นอาคารพาณิชย์ที่มีการทำธุรกิจการค้ากันมานานมากกว่า 20 ปีแล้ว ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการสนใจจะต้องซื้ออาคารพาณิชย์เหล่านี้เพื่อรวมที่ดินให้มีขนาดใหญ่พอในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งสาเหตุนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตามแนวถนนจรัลสนิทวงศ์ และเพชรเกษมไม่ค่อยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากนักเมื่อเทียบกับเส้นทางสายสีน้ำเงิน ราคาขายที่ดินในบริเวณนี้มีการเสนอขายกันในบางแปลงที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ที่ประมาณ 200,000 - 300,000 บาทต่อตารางวา ปรับเพิ่มขึ้นมาจากปีก่อนหน้านี้ประมาณ 20% ราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ก็ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% โดยในปัจจุบันคอนโดมิเนียมมือสองในบริเวณนี้ขายกันที่ประมาณ 58,000 บาทต่อตารางเมตร จากราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 38,000 บาทต่อตารางเมตร
ห้าแยกลาดพร้าว จุดตัดของรถไฟใต้ดินกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต – คูคต) ซึ่งตรงจุดนี้จะกลายเป็นทำเลที่น่าสนใจในอนาคต เพราะคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดิน ตามแนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต – คูคต โดยในปัจจุบันรอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่งทันทีที่มีการออกข่าวว่าคณะรัฐมนตรีอนุมัติร่างพระราชบัญญัตินี้ ห้าแยกลาดพร้าวทวีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะบริเวณนี้ในปัจจุบันมีความพร้อมมากกว่าจุดตัดอื่นๆ ทั้ง 4 แห่งค่อนข้างมาก เนื่องด้วยมีทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานหลายอาคาร สวนสาธารณะ และมีรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการแล้ว อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากศูนย์คมนาคมพหลโยธินที่จะเป็นศูนย์กลางการขนส่งในอนาคต ดังนั้นบริเวณนี้หลายฝ่ายจึงมีความมั่นใจว่าจะพัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครในอนาคต ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ก็มากกว่า 100,000 บาทไปแล้ว ส่วนของราคาที่ดินก็อยู่ในช่วง 400,000 – 600,000 บาทต่อตารางวาปรับขึ้นมากกว่า 50% ในช่วงปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมากกว่านี้อีกแน่นอนในอนาคต
รัชดา – ลาดพร้าว จุดตัดอีกแห่งบนถนนลาดพร้าวที่มีความน่าสนใจมากขึ้นหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดินเพื่อการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว – สำโรง ที่มีจุดเริ่มต้นที่สถานีลาดพร้าวของรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณนั้นเป็นอีกจุดตัดของเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีความสำคัญในอนาคต เพราะถนนลาดพร้าวเป็นถนนที่มีความเจริญ และพื้นที่ทั้งทั้งสองฝั่งถนนเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นมากในปัจจุบัน แต่อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต หลังจากที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
เส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และที่กำลังจะเริ่มพัฒนาในอนาคตนั้นเป็นเหมือนตัวเร่งการพัฒนาของพื้นที่ที่อยู่ตามแนวเส้นทางการพัฒนาเหล่านี้ เพราะที่ดินตามแนวเส้นทางการพัฒนารถไฟฟ้าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น และจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนมือของที่ดินในบริเวณดังกล่าว เพราะว่าราคาที่ดินมันสูงเกินกว่าจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ประโยชน์แบบอื่นๆ ที่สอดคล้องกับราคาที่ดิน เช่นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน เป็นต้น และการที่ราคาคอนโดมิเนียมปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าก็เป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในบริเวณเหล่านี้ แม้ว่าราคาที่ดินจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม เพราะราคาคอนโดมิเนียมเองก็ขึ้นไปแล้วเช่นกัน นายสุรเชษฐ กล่าวสรุป
ธอส. กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ปลายปี อัดโปรสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่มต้น 2.70% ต่อปี ในงาน "มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48
ส่องเทคนิคเลือกซื้อ "บ้านมือสอง" อย่างไรให้คุ้มค่า
"CG Capital" Private Equity Fund อันดับ 1 ของประเทศจาก Central Group ทุ่มต่อจิ๊กซอว์กรุงเทพฯ สู่ "World Class City" เตรียมเปิด InterContinental Residences Bangkok Asoke มูลค่า 5,500 ล้านบาท เร็ว ๆ นี้
อนันดาฯ เปิดตัวแคมเปญ ลุยไตรมาส 4 #ดีลใหญ่ย้ายด่วน ช่วงเวลาดีที่สุดย้ายเข้าโครงการพร้อมอยู่ ดีลแรงจัดเต็ม!!! ลดสูงสุด 8 ลบ. รับเงินคืนสูงสุด 4 ลบ.
A5 ตอกย้ำผู้นำตลาดบ้านหรูกรุงเทพกรีฑา เปิดแบรนด์ใหม่ "Cinquieme" Private Pool Villa เดินหน้าลุย 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,130 ล้านบาท ภายในปี 2571
แสนสิริ ผู้นำอสังหาฯ เผยยอดขาย 9 เดือน อยู่ที่ 39,000 ลบ. รุกโค้งสุดท้ายเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 18,000 ลบ.
MMM นำเสนอข้อมูลนักวิเคราะห์ ก่อนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น โชว์ศักยภาพ "ผู้นำด้านการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร"
EnCo ชวนอัปเดตทิศทางอสังหาฯ ไทย ปี 2569 ในงานสัมมนา "Thailand's Real Estate Outlook 2026" ฟรี!
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดกลยุทธ์หนุนธุรกิจ Property Management โตต่อครึ่งปีหลัง โชว์ผลความพึงพอใจลูกค้าทะลุ 90%