เอสซีจี โลจิสติกส์ ชูกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ลูกค้า พร้อมพัฒนาบริการรองรับ SMEs มุ่งสู่ผู้นำด้านโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน

24 Feb 2015
เอสซีจี โลจิสติกส์ ผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า และพัฒนาบริการเพื่อรองรับ SMEs เน้นระบบการบริหารจัดการทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร มุ่งมั่นให้บริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลักดันธุรกิจเติบโตอีก 12% ตั้งเป้ายอดขาย 17,300 ล้านบาทภายในสิ้นปี

นายสยามรัฐ สุทธานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ในเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบันยังคงมีการแข่งขันสูง และตลาดต่างจังหวัดมีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศและส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เอสซีจี โลจิสติกส์ จึงวางกลยุทธ์โดยให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ประกอบด้วย กลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า โดยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของธุรกิจทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มระดับการบริการ การสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ โดยเน้นการบริหารสินค้าขาไปและขากลับ (Headhaul-Backhaul Management) และการขนส่งโดยใช้พาหนะหลายรูปแบบ (Multimodal) นอกจากนี้ ยังขยายเครือข่ายการกระจายสินค้า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจลูกค้าทั้งในประเทศและขยายไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเครือข่ายการขนส่งข้ามประเทศ (Cross Border Transportation) โดยเน้นพัฒนาด่านที่สำคัญ 3 ด่าน ได้แก่ อรัญประเทศ แม่สอด และมุกดาหาร การสร้างฐานและขยายเครือข่ายการขนส่งในกลุ่มประเทศ GMS และอินโดนีเซีย และการศึกษาการจัดตั้งบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศพม่าและอินโดนีเซีย

เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์การพัฒนาบริการเพื่อรองรับธุรกิจ SMEs โดยเปิดตัว “Nationwide One stop service” บริการกระจายสินค้าครบวงจร ทั้งการรับ-เก็บ-จ่ายสินค้า การบริหารสินค้าคงคลัง การจัดส่งถึงที่หมายทั่วประเทศภายในวันรุ่งขึ้น และสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อรองรับธุรกิจ SMEs ที่ต้องการกระจายสินค้าที่ไม่เต็มเที่ยว แต่สามารถกระจายไปยังทั่วประเทศได้ เช่น กลุ่มสินค้าเคหะภัณฑ์และตกแต่งบ้าน (Home Improvement) นอกจากนี้ ยังพัฒนาบริการให้สามารถส่งถึงทั่วประเทศได้ภายในวันรุ่งขึ้น เพื่อตอบสนองสินค้าที่ไม่สะดวกจัดเก็บที่ปลายทาง สินค้าที่ต้องการใช้งานอย่างเร่งด่วน และสินค้าที่มีอายุการเก็บสั้น (Short life products) เช่น กลุ่มอะไหล่ยนต์ (Auto part) โดยค่าขนส่งที่สูงขึ้นจะคุ้มค่าเนื่องจากได้ลดต้นทุนสินค้าคงคลัง (Inventory) และการไม่สูญเสียโอกาสทางการขาย ทั้งนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ตั้งเป้าเพิ่มยอดรายได้ Nationwide One Stop Service จากลูกค้านอกเครือฯ 10 เท่า ภายใน 5 ปี

“เราลงทุนศูนย์กระจายสินค้า ทั้งในส่วนกลางและในภูมิภาค รวมถึงระบบบริหารที่ใช้ควบคุมตั้งแต่ ต้นทางถึงปลายทาง ตั้งแต่กระบวนการรับคำสั่งซื้อจนถึงการส่งมอบสินค้าและการชำระเงิน อาทิ ศูนย์กระจายสินค้าภาคกลาง วังน้อย ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ลงทุนระบบที่ทันสมัยด้วยเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท มีพื้นที่ให้บริการ 18,000 ตร.ม. เชื่อมต่อภูมิภาคต่างๆ ทั่วไทย ลงทุนระบบต่างๆ ประกอบด้วย AS-RS (Automated Storage and Retrieval System) ระบบจัดเก็บและหยิบสินค้าอัตโนมัติบนชั้นวางสูง 13 ชั้น จัดเก็บและหยิบสินค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัยให้กับสินค้า ชั้นวางสินค้าแบบ Selective Rack สูง 6 ชั้น พร้อมรถยกสินค้าแนวสูง และระบบจัดการคลังสินค้า SAP – EWM เวอร์ชั่นล่าสุดควบคุมการเก็บ/จ่ายสินค้าและจัดการทรัพยากรภายในคลัง” นายสยามรัฐ กล่าว

นอกจากนี้ ยังผลักดันกลยุทธ์การสร้างมาตรฐานและความยั่งยืนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยดำเนินโครงการถนนสร้างสุข ที่มุ่งมั่นลดอุบัติเหตุและสร้างถนนปลอดภัยให้กับสังคม โดยมีการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเส้นทางที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อประสานงานกับภาครัฐในการปรับปรุงให้ปลอดภัยต่อไป เริ่มต้นจากพื้นที่ที่เอสซีจีมีโรงงาน และมีรถขนส่งของเอสซีจี โลจิสติกส์วิ่งผ่านจำนวนมาก อีกทั้งยังยกระดับมาตรฐานธุรกิจโลจิสติกส์ โดยฝึกทักษะและสร้างจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัยให้กับพนักงานขับรถของบริษัทฯ ด้วยการจัดอบรมและกิจกรรมต่างๆ อาทิ สร้างศูนย์ฝึกอบรมทักษะการขับขี่ที่ม่วงน้อย พัฒนาความสามารถของพนักงานขับรถด้วยการอบรมจากครูฝึกมืออาชีพ กิจกรรมสุภาพบุรุษนักขับ แข่งขันทักษะการขับขี่ประจำปี เสริมสร้างพนักงานขับรถให้มีทักษะการขับขี่ที่ชำนาญและปลอดภัย“เอสซีจี โลจิสติกส์ เชื่อมั่นว่าการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้ลูกค้า ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี โลจิสติกส์ ให้เติบโตขึ้นตามแผน โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 17,300 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้น 12% ” นายสยามรัฐ กล่าวในตอนท้าย

เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง นำเสนอบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยมุ่งเน้นการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจในระยาว เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน