นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯกล่าวว่า อุตสาหกรรมหนังสือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว เพราะเป็นกระบวนการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมหนังสือจึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯเล็งเห็นว่าควรจะมีการวิจัย เพื่อให้เห็นถึงสภาวะความเป็นจริงของการอ่านในสังคมไทย จึงได้รวบรวมข้อมูลผู้บริโภคทั่วประเทศ ในประเด็นพฤติกรรมการอ่านหนังสือและการเลือกซื้อหนังสือ โดยวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการซื้อหนังสือ และวิเคราะห์ถึงผลกระทบของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต e-book/digital content ที่มีผลต่อการอ่านหนังสือเล่มของคนไทยอีกด้วย
“ในแง่ของพฤติกรรมการอ่านหนังสือ จากผลการวิจัยพบว่าร้อยละ 88 ระบุว่าอ่านหนังสือ โดยกลุ่มที่อ่านหนังสือประจำคือความถี่มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์มีเพียงร้อยละ 40.2 ของประชากร ระยะเวลาของคนไทยเฉพาะที่อ่านหนังสือใช้ในการอ่านหนังสือนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 46 นาทีต่อวัน โดยคนที่อ่านหนังสือมากที่สุดคือคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ใช้ระยะเวลาการอ่านเฉลี่ยอยู่ที่ 49 นาทีต่อวันและค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ในคนที่มีอายุสูงขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งคนที่มีอายุมากกว่า 61 ปีจะกลับมาอ่านเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งส่วนประเภทเนื้อหาที่ชอบอ่าน อันดับหนึ่งคือ การ์ตูน/นิยายภาพ คือ ร้อยละ 34.4
โดยภาพรวมพบว่าปัจจัยเพศ อายุ สถานภาพ และรายได้มีผลต่อพฤติกรรมในการอ่านหนังสือ โดยหากเป็นเพศหญิง อายุน้อย สถานภาพโสด และรายได้สูง จะมีผลทำให้อ่านหนังสือบ่อยขึ้น โดยเพศหญิงมีระยะเวลาในการอ่านหนังสือเฉลี่ยสูงกว่าเพศชาย 4 นาทีต่อวัน และผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม หอพัก หรืออพาร์ทเมนท์ จะมีระยะเวลาในการอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าผู้อาศัยในบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือทาวน์โฮม เล็กน้อย”
นายจรัญยังกล่าวด้วยว่าแม้ว่าอัตราการอ่านหนังสือจะค่อนข้างสูง ทว่าสัดส่วนร้อยละ 12.0 หรือ 1 ใน 10 ของประชากรที่ระบุว่าไม่อ่านอะไรเลยก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงทีเดียว โดยให้เหตุผลหลักว่าไม่มีเวลาอ่านถึงร้อยละ 63.0
“ในแง่ของพฤติกรรมการซื้อหนังสือนั้น ซื้อเฉลี่ยปีละ 4 เล่ม โดยคนกลุ่มที่ซื้อหนังสือมากที่สุดคือคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี โดยซื้อเฉลี่ยปีละ 9 เล่ม รองลงมาคือคนที่อายุ 21-30 ปี ซื้อเฉลี่ยปีละ 6 เล่ม และค่อยๆลดจำนวนลงในคนที่มีอายุมากขึ้น จนกระทั่งคนที่มีอายุมากกว่า 61 ปีขึ้นไปจะกลับมาซื้อเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 4 เล่มต่อปีซึ่งเด็กไทยอ่านหนังสือปีละ 9 เล่มนั้น จำนวน 4 เล่มเป็นการ์ตูน/นิยายภาพ และอีก 3 เล่มเป็นคู่มือเตรียมสอบ
ซึ่งในส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่อ่านหนังสือนั้น จำนวนร้อยละ 68.3 เคยเข้าร้านขายหนังสือ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.8 ซื้อไม่เกินครั้งละ 2 เล่ม มีค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือโดยเฉลี่ยต่อครั้งไม่เกิน 500 บาทขณะที่สถานภาพของคนโสดมีแนวโน้มซื้อนวนิยายทั้งไทยและต่างประเทศมากกว่าคนที่แต่งงานแล้วแต่คนที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มจะซื้อหนังสือสุขภาพ อาหาร ธรรมะ และศาสนามากขึ้น และคนโสดเต็มใจในการซื้อหนังสือสูงกว่าคนที่แต่งงานแล้ว 42 บาท เพราะฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายในการขายหนังสือคือผู้ที่โสดและรายได้สูง
ทั้งนี้ ร้านหนังสือคือแหล่งที่ทำให้ทราบข่าวการออกหนังสือที่สำคัญที่สุด คิดเป็นร้อยละ 63.6 แต่ที่น่าสนใจคือ การแชร์ต่อจาก social media เช่น Facebook, twitter มีสัดส่วนการทำให้ทราบข่าวสูงถึงร้อยละ 24.2 จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีความสำคัญในแง่การประชาสัมพันธ์”
นายจรัญยังกล่าวด้วยว่าในส่วนของอี-บุ๊คนั้น ผลสำรวจพบว่าตลาดยังเล็กมากเมื่อเทียบกับตลาดหนังสือกระดาษในไทย ทว่าอินเตอร์เน็ตกลับส่งผลกระทบต่อการอ่านอย่างสูง เพราะจำนวน 2 ใน 5 ยอมรับว่าการใช้อินเตอร์เน็ตมีผลให้อ่านหนังสือเล่มน้อยลง โดยคนไทยกว่าร้อยละ 71 ใช้อินเตอร์เน็ตและใช้เกือบทุกวัน ซึ่งคนที่อายุน้อยกว่า 20ปีใช้เวลากับอินเตอร์เน็ตมากกว่าอ่านหนังสือถึง 4.5 เท่า
เคทีซีพร้อมส่งเสริมคนไทยรักการอ่าน ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28
PUBAT ชวนทุกคนเป็น "Bookfluencer" ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51ฯ พิเศษ 3 วันแรกเปิดเอาใจนักอ่านถึงเที่ยงคืน
ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ขอเชิญร่วมพิธีเปิดงาน "จัตุรัสจามจุรีบุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 14 : มหัศจรรย์วันหนังสือ"
ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดกิจกรรม ตั้งวงเล่า เม้าท์เรื่องอ่าน ในหัวข้อ "อ่านหนังสือ VS อ่านอีบุ๊ก" อ่านแบบไหน ดีต่อใจนักอ่าน
นักอ่านต้อนรับงานมหกรรมหนังสือครั้งที่ 27 กลับบ้าน ด้วยยอดขาย 347 ล้านบาท 12 วันผู้เข้าชมงาน 1.3 ล้านคน
มูลนิธิหนึ่งอ่านล้านตื่นมอบรางวัล "อ่านได้ เล่าสนุก ปลุกไอเดีย ครั้งที่ 2"
"นักอ่านเตรียมพร้อมลุย Booktopia ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27"
ฟังเหล่าพลเมืองนักอ่าน…หนังสือเล่มไหนจุดประกายความเป็นนักสร้าง