ต่อเนื่องจากการจัดกิจกรรม “SE Tour” ในงาน “คนไทยขอมือหน่อย ปี2” เมื่อวันที่ 17-18 มกราคมที่ผ่านมา ศูนย์นวัตกรรมสังคม GLab วิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับองค์กรภาคสังคมและภาคธุรกิจ ได้แก่ สถาบันเช้นจ์ฟิวชันฯ, กลุ่มทีวายพีเอ็น (Thai Young Philanthropist Network) , เจ.พี. มอร์แกน และมูลนิธิเพื่อคนไทย ร่วมกันจัดงาน “ตลาดนัด SE: ธุรกิจน้ำดีของนักลงทุนรักษ์โลก” เปิดพื้นที่การเชื่อมต่อให้นักธุรกิจและนักลงทุนได้เรียนรู้งาน “กิจการเพื่อสังคม” หรือ “Social Enterprise” ซึ่งหมายถึง กิจการที่ดำเนินการธุรกิจเต็มรูปแบบ แต่มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม นับเป็นเรื่องใหม่ในสังคมธุรกิจไทย เพื่อร่วมพัฒนาโอกาสทางธุรกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถร่วมกัน
ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยพัฒนาเศรษฐกิจมานานด้วยหวังว่าประเทศจะพัฒนาขึ้น แต่ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นกลับมีปัญหาสังคมตามมามากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงให้ความสำคัญกับการเข้ามาร่วมสร้างสังคมยั่งยืน ทั้งนี้ปัญหาสังคมจะแก้ได้ต้องมีคนที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่กิจการเพื่อสังคมหรือ Social Enterprise กำลังดำเนินการอยู่ก็เพื่อแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยนำหลักการทางธุรกิจมาใช้ เพื่อให้องค์กรสามารถอยู่รอดได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น กิจการเพื่อสังคมจึงต้องประกอบไปด้วย 3 P คือ People หรือคน Planet หรือสิ่งแวดล้อม และ Profit คือ กำไร หรือการสร้างรายได้ ซึ่งเป็นทั้งกำไรที่กลับคืนสู่สังคมและกำไรที่ช่วยให้กิจการเติบโตได้
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ให้การสนับสนุนกิจการเพื่อสังคมในหลายมิติด้วยกัน เช่น จับคู่กองทุนร่วมทุน หรือเวนเจอร์แคปปิตอลฟันด์ให้ได้พบกับกิจการเพื่อสังคม เพื่อมาร่วมลงทุนในกิจการที่นอกจากจะได้ผลตอบแทนทางการเงินแล้ว ยังได้ผลประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนให้กองทุนรวมออกกองทุนที่มาลงทุนในกิจการที่รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น รวมถึงกิจการเพื่อสังคมด้วย อย่างเช่น กองทุนรวมคนไทยใจดี ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด ร่วมกับมูลนิธิเพื่อคนไทย และสถาบันเช้นจ์ ฟิวชัน เปิดตัวไปเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว มีผู้สนใจร่วมลงทุนจนขนาดของกองทุนมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว นอกจากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ ยังได้สื่อสารอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่แบ่งงบประมาณมาลงทุนหรือสนับสนุนนกิจการเพื่อสังคมมากขึ้น รวมถึงพยายามสร้างเกณฑ์มาตรฐานการลงทุนอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นด้วย
นายวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า การจัดงานตลาดนัด SE ในวันนี้ทำให้มีความมั่นใจและรู้สึกว่ากิจการเพื่อสังคมมีโอกาสเติบโตสูงขึ้น เพราะมีทั้งองค์กรสำคัญและเป็นผู้นำในภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ประกอบการสังคม และผู้ลงทุน มาช่วยกันผลักดันให้กิจการเพื่อสังคมเป็นกลไกสำคัญที่มาช่วยแก้ปัญหาสังคมต่างๆ ของประเทศ
“กิจการเพื่อสังคมได้นำเรื่องของสังคมมาเป็นธุระ เป็นเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งกลไกที่จะทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้ก็ต้องอาศัยทรัพยากรทั้งทุน คน องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ระบบบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล งานในวันนี้เป็นช่องทางให้เกิดความร่วมมือ ผู้ที่เห็นโอกาสแก้ปัญหาสังคมยังต้องการการสนับสนุน ทุกวันนี้เราได้เห็นแล้วว่าการทำธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน เพียงแค่การสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ได้ก่อให้เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล้ำบ้าง การสร้างความยั่งยืนที่มองแค่การสร้างความมั่งคั่ง จึงไม่พอแล้ว แต่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนต่อสังคมด้วย”
รศ.ดร. นิตยา วัจนะภูมิ คณบดีวิทยาลัยโลกคดีศึกษา กล่าวว่า การจัดงาน “ตลาดนัด SE: ธุรกิจน้ำดีของนักลงทุนรักษ์โลก” ครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง จากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ที่สำคัญก็คือองค์กรที่มีนโยบายอย่างตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันขับเคลื่อนงานกิจการเพื่อสังคมรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้พยายามขยายผลความคิดให้ภาคธุรกิจและภาคตลาดทุนมาสนับสนุนองค์กรเหล่านี้ จึงมีความหวังว่า กิจการเพื่อสังคมในประเทศไทยจะเติบโตได้และมีส่วนในการแก้ปัญหาสังคม
“งานวันนี้เป็นการเปิดพื้นที่ให้สังคมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านหลักคิด และแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคส่วน เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสังคมในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การร่วมเป็นพันธมิตร ซื้อสินค้าและการบริการล่วงหน้า พัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความรู้และทักษะด้านการจัดการ รวมถึงลงทุนเพื่อขยายผลลัพธ์ทางสังคม น่ายินดีค่ะที่มีนักธุรกิจและนักลงทุนให้ความสนใจเข้าร่วมงาน ผู้ประกอบการเพื่อสังคมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ กลับไปพัฒนางานอีกด้วย”
ทั้งนี้ กิจการเพื่อสังคมจำนวน 28 องค์กรที่มาร่วมจัดงานในวันนี้ เป็นกิจการที่อยู่ภายใต้โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการสังคม GLab Scaling Impact ที่วิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดำเนินการมาเป็นเวลา 1 ปี โดย ได้รับการสนับสนุนจาก เจ.พี. มอร์แกน และมูลนิธิ เจ.พี. มอร์แกนเชส เพื่อดำเนินการอบรมสร้างเสริมความรู้และทักษะในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการสังคมรุ่นใหม่ให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและสร้างผลลัพธ์ให้กับสังคมไทยในวงกว้างได้
“ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่มีศักยภาพสูง มีความเป็นผู้ประกอบการในตัวสูงและกล้าที่จะริเริ่มสิ่งใหม่ รวมทั้งมีความตั้งใจดีที่จะลงมือทำเพื่อสร้างประโยชน์ที่ดีให้สังคมอย่างเป็นรูปธรรม แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร วิทยาลัยฯ จึงสนใจที่จะส่งเสริมคนเหล่านี้ ทาง GLab ได้คัดเลือกผู้ที่ริเริ่มพัฒนาแบบทดลองความคิดทางธุรกิจ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ หรือการบริการ (Prototype) แล้ว จากนั้นได้ส่งเสริมศักยภาพด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจจนจัดตั้งเป็นกิจการเพื่อสังคม”
สำหรับกิจการเพื่อสังคมที่มาร่วมจัดงาน เป็นกิจการที่ดำเนินการเพื่อแก้ไขประเด็นปัญหาสังคมที่หลากหลาย เช่น การศึกษา การเกษตรและสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการพัฒนาชุมชน เป็นต้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมได้พบปะกับนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้สนใจในธุรกิจ
?
TGE คว้าเรตติ้ง ESG ระดับ A จาก SET ปี 2568 ตอกย้ำผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดที่เติบโตอย่างยั่งยืน
เอ็ม บี เค คว้าคะแนนการประเมิน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องปีที่ 10
กลุ่มบริษัท "เสนา" ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน "SET ESG Ratings ระดับ A"
"โนเบิล" คว้าเรตติ้งสูงสุด AAA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก SET ESG Ratings 2025
TASCO คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ "AA"
JMART - JMT ยืน SET100 ครึ่งแรกปี 2569 พร้อมตอกย้ำศักยภาพ ESG กลุ่มเจมาร์ทยกระดับคะแนนความยั่งยืน
MSC ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2568
WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย
SO คว้า SET ESG Ratings ปี 68 ระดับ "BBB" พร้อมมุ่งมั่นสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน