สรุปเนื้อหาจากงานสัมมนา Capital Market Research Forum ครั้งที่ 1/2558 หัวข้อ “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy)”

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           สรุปประเด็นสำคัญจากงานสัมมนา Capital Market Research Forum 1/2558 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558
          จัดโดยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
          “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัล”

          ในงานสัมมนา Capital Market Research forum 1/2558 ศ.ดร. สิทธิชัย โภไคยอุดม รศ.ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ และคุณอริยะ พนมยงค์ ได้เปิดมุมมองในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยโดยให้ความสำคัญกับแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะโลกเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้นด้วยเครือข่ายการสื่อสาร ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจโลก 

          เศรษฐกิจดิจิทัลมีรูปแบบที่เป็นรูปธรรมและมีความหมายครอบคลุมแนวคิดเศรษฐกิจที่อาศัยองค์ความรู้ (Knowledge economy) และแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative economy) หากไม่มีเครือข่ายการสื่อสาร องค์ความรู้ก็ไม่อาจแพร่ขยายไปได้ในวงกว้าง หรือการสร้างนวัตกรรมอาจเกิดขึ้นได้ยากเมื่อไม่มีเทคโนโลยีสนับสนุน ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีส่วนที่เป็นเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่มากแต่ยังไม่เป็นระบบหรือมีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด การประกันความปลอดภัยในการใช้ระบบเครือข่ายยังไม่เพียงพอ ส่งผลให้การเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายการสื่อสารในประเทศไทยยังขาดประสิทธิภาพ
          ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จของเศรษฐกิจดิจิทัลมี 3 ประการได้แก่ ประการที่ 1 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในด้านของ wireline มีเป้าหมายที่สำคัญ เช่น ขยายโครงข่าย fiber optic ให้ถึงทุกครัวเรือนภายใน 3 ปี ในอนาคตค่าใช้ internet ของไทยจะต่ำที่สุดในอาเซียน ในด้าน wireless จะจัดให้มีการประมูลระบบ 4G ภายในระยะเวลาอันใกล้ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคอาเซียน ประการที่ 2 การปรับปรุงกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากลเพื่อปกป้องสิทธิ และป้องกันการกระทำผิดจากการใช้ระบบเครือข่ายการสื่อสารในประเทศไทย โดยกฎหมายที่สำคัญคือการตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งมีใจความสำคัญที่ระบุว่าหากมติใดๆ ของคณะกรรมการฯ เกี่ยวข้องกับกระทรวงใด ถ้ากระทรวงนั้นละเลยไม่ตอบสนองในเวลาที่กำหนด จะมีบทลงโทษสำหรับรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงตามที่ระบุไว้ในมาตรา 157 เพื่อให้สามารถผลักดันการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างต่อเนื่อง ประการที่ 3 การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการสื่อสารทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน
          หากการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยจะได้รับประโยชน์ทุกภาคส่วน ในภาคเกษตรกรรม ปัจจุบันเกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารมากขึ้น หากภาครัฐให้การสนับสนุนการใช้งานเพื่อประโยชน์ในภาคเกษตรกรรม เช่น การสนับสนุนข้อมูลด้านตลาด เทคโนโลยีการเกษตร ภูมิอากาศฯ ผ่านเครือข่ายการสื่อสาร จะสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคเกษตรได้อีกมาก นอกจากนี้ในด้านการศึกษา เครือข่ายการสื่อสารจะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเดียวกันได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านระยะทาง ด้านธุรกิจการค้าจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งจากเครือข่ายการสื่อสารที่เชื่อมโยงสินค้าและบริการของไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ไปสู่ตลาดโลกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เครือข่ายการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และการพัฒนานวัตกรรมโดยการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมจะเกิดได้ง่ายขึ้นด้วยการเชื่อมโยงผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ากับผู้ที่มีเงินทุนพร้อมให้การสนับสนุนในรูปแบบของ venture capital
          อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดยังต้องประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ 3 ประการได้แก่ ประการที่ 1 การปลูกฝังวิธีคิด (mind set) ใหม่ให้กับคนไทยให้กล้าคิด กล้าทำ และตระหนักถึงประโยชน์จากระบบเครือข่ายการสื่อสารว่าเป็นเครื่องมือที่จะนำองค์ความรู้มาเพื่อสร้างสรรค์เศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคล องค์กร และประเทศชาติ นอกเหนือไปจากการใช้ระบบเครือข่ายการสื่อสารเพียงเพื่อความบันเทิง ประการที่ 2 การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ถูกจำกัดด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล และประการสุดท้าย สร้างค่านิยมของการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และแบ่งปัน ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยเพื่อให้เกิดการขยายตัวขององค์ความรู้ ความคิดเห็น ซึ่งต้องประกอบด้วยการรู้จักยอมรับความเห็นที่แตกต่างของคนอื่นด้วย เศรษฐกิจไทยจึงจะเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
 
 
 

ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศวันนี้

MSC ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2568

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC ผู้นำด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจรของประเทศไทย มีความภูมิใจที่จะประกาศว่า บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ AA เป็นครั้งแรก ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) การประเมิน SET ESG Ratings ในปีนี้ เป็นปีสุดท้ายที่จัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีบริษัทจดทะเบียนที่สมัครใจเข้าร่วมการประเมินและ

นายนันทิยะ ดารกานนท์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้... WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย — นายนันทิยะ ดารกานนท์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายราชันย์ อารยะวงศ์ชัย (ขวา) ประธานเจ้าหน้า...

บมจ.สยามราชธานี หรือ SO ได้รับการจัดอันดั... SO คว้า SET ESG Ratings ปี 68 ระดับ "BBB" พร้อมมุ่งมั่นสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน — บมจ.สยามราชธานี หรือ SO ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ปี 2568 ระดับ "BBB...

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีค... ดิ เอราวัณ กรุ๊ป คว้าอันดับ "A" ในการประเมิน SET ESG Ratings 2025 — บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทฯ ได้รับการจัดอั...

นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ... NL ขึ้นแท่นหุ้นยั่งยืนประจำปี 2568 ระดับ "BBB" เป็นปีแรก จาก SET — นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หร...

บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ห... PRTR ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A ประจำปี 2568 — บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR ผู้นำด้านการให้บริการทรัพยากรบุค...

บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มห... ASIMAR ขยับมาตรฐานความยั่งยืน สู่ SET ESG Ratings ระดับ "BBB" ประจำปี 2568 — บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR ได้รับการประเมินด้า...

บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL ผู... PHOL คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ที่ระดับ "A" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 — บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL ผู้ประกอบธุรกิจสินค้าและบริกา...