ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยา ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2558

18 Aug 2015
ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องแม้ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นบ้าง แต่การเปิดขายโครงการใหม่ยังคงน้อยกว่าช่วงก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก อ้างอิงจากรายงานวิจัยฉบับล่าสุดของ คอลลิเออร์ส อินเอตร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่จำแนกรายทำเลที่ตั้ง ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2558

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

ในช่วงหกเดือนแรกของปีพ.ศ.2558 ในพัทยามีคอนโดมิเนียมประมาณ 2,130 ยูนิตสร้างเสร็จ และจดทะเบียนอาคารชุด ซึ่งในปัจจุบันทำให้มีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จ และจดทะเบียนอาคารชุดแล้วในพัทยา ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2558 อยู่ที่ประมาณ 60,885 ยูนิต โดยที่ยังมีอีกประมาณ 10,000 ยูนิตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2558

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2558 มีคอนโดมิเนียม 10 โครงการเปิดขายใหม่โดยมีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดประมาณ 5,280 ยูนิต ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ.2557 เนื่องจากปัจจัยลบหลายอย่างทั้งในและนอกประเทศไทย จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในพัทยามีจำนวนลดลงโดยเฉพาะชาวรัสเซียซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักในตลาดคอนโดมิเนียม เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัวลง แม้ว่าในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ชาวจีนยังไม่ใช่ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในพัทยา ประมาณ 93% หรือ 4,930 ยูนิตของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในครึ่งแรกปี พ.ศ.2558 อยู่ในทำเลนาจอมเทียน เนื่องจากว่ามีคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่มีจำนวนยูนิตมากกว่า 1,300 ยูนิต เปิดขายในทำเลนี้”

แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการชาวจีนบางรายมีแผนจะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาภายในปีพ.ศ.2558 โดยเฉพาะในทำเลจอมเทียน และนาจอมเทียน แต่ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยายังคงไม่ฟื้นตัวและยังได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องโอเวอร์ซัพพลาย

แม้ว่าอัตราการขายจะกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ว่ายังมียูนิตเหลือขายอยู่ในตลาดอีกค่อข้างมาก ดังที่นายสุรเชษฐ อธิบายว่า “อัตราการขายเฉลี่ยของตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาอยู่ที่ประมาณ 75% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีพ.ศ.2557 ในช่วงระหว่างปีพ.ศ.2554 – ครึ่งแรกปีพ.ศ.2558 มีคอนโดมิเนียมมากกว่า 68,400 ยูนิตเปิดขาย และส่วนใหญ่มีคนซื้อหรือจองไปแล้ว แต่ว่ายังมีอีกมากกว่า 18,000 ยูนิตที่ยังคงขายไม่ได้และเหลือขายอยู่ในตลาด และถ้ารวมกับยูนิตของนักเก็งกำไร นักลงทุนทังหลายก็อาจจะมากกว่า 22,000 ยูนิต”

ทำเลจอมเทียนเป็นทำเลยอดนิยมในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากที่ถนนจอมเทียนสาย 2 เปิดให้บริการ เนื่องจากมีที่ดินว่าเปล่าอยู่เป็นจำนวนมาก และราคาก็ยังคงต่ำกว่าทำเลอื่นๆ ผู้ประกอบการในพัทยาให้ความสนใจในกลุ่มผู้ซื้อชาวไทย และชาวต่างชาติบางกลุ่มมากขึ้น เช่น จีน อินเดีย และชาวเอเซียอื่นๆ เพื่อทดแทนกำลังซื้อชาวรัสเซียที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าไปใช่วงปีพ.ศ.2557 – ครึ่งแรกปีพ.ศ.2558

ทำเลจอมเทียนมีคอนโดมิเนียมเหลือขายมากกว่า 5,480 ยูนิต มากที่สุดในพัทยา ในขณะที่นาจอมเทียนมาเป็นลำดับที่สองที่ประมาณ 4,680 ยูนิต ลหังจากที่มีโครงกาคคอนโดมิเนียมเปิดขายหลายโครงการในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา

ประมาณ 8745 ยูนิตของคอนโดมิเนียมที่เหลือขายอยู่ในระดับ 50,001 – 100,000 บาทต่อตารางเมตร และอีกประมาณ 6,040 ยูนิตขายในระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร มีแค่ประมาณ 1,540 ยูนิตเท่านั้นที่ขายในระดับราคามากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร

“เรื่องของการโอนกรรมสิทธิเป็นเรื่องที่ผุ้ประกอบการไทย และต่างชาติทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต่างให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะว่ามีคอนโดมิเนียมประมาณ 10,000 ยูนิต มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม พ.ศ.2558 และการที่มีนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยา รวมทั้งการที่ชาวรัสเซียประสบกับปัญหาเรื่องค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลง ทำให้หลายฝ่ายกังวลเรื่องของการทิ้งดาวน์ และยื้อการโอนกรรมสิทธิ์ออกไปให้นานที่สุด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยตรง ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาน่าจะยังคงไม่ฟื้นตัวภายในปีนี้” นายสุรเชษฐ กล่าวสรุป