เลื่อนรอบทำนาเขตชลประทานยมน่านเร็วขึ้น 1 เดือน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          เกษตรกรในเขตโครงการชลประทาน ยม-น่าน และเขื่อนนเรศวร เฮ..หลังกรมชลประทาน ขยับเวลาการส่งน้ำเร็วขึ้น 1 เดือน เพื่อเริ่มทำนาปีให้เร็วขึ้น หลีกน้ำหลากป้องกันข้าวเสียหาย ด้านโครงการตำบลละล้านคืบ มีโครงการที่ผ่านการอนุมัติทั้งหมด จำนวน 6,598 โครงการ 3 พันล้านบาท
          นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มองเห็นความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านตอนกลาง ในเขตของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน ที่มักจะประสบกับปัญหาน้ำท่วมขัง ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ จะเริ่มทำการเพาะปลูกข้าวนาปีในช่วงเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเดือนlสิงหาคม หรือบางปีหากมีการเลื่อนการเพาะปลูก ก็อาจจะเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน ส่งผลให้ผลผลิตเสียหายเป็นจำนวนมาก จากสภาวะน้ำท่วมขัง
          กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการปรับระยะเวลาการทำนาปีในพื้นที่ดังกล่าว ให้เร็วขึ้นอีก 1 เดือน ตามความต้องการของเกษตรกรส่วนใหญ่ จากเดิมที่จะเริ่มทำการเพาะปลูกในเดือนพฤษภาคม เป็นเดือนเมษายน เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จเรียบร้อยในเดือนกรกฎาคม ก่อนเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก ที่มักจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งการปรับระยะเวลาการทำนาปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ได้ดำเนินการ โดยได้เริ่มส่งน้ำมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นมา ทำให้ตลอดฤดูฝนนี้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร จะได้รับการจัดสรรน้ำทั้งสิ้นประมาณ 94 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 95,750 ไร่ ส่วนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน ได้รับการจัดสรรน้ำจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 264 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 290,694 ไร่
          นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า “พื้นที่ส่งน้ำทั้งสองโครงการเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำโดยธรรมชาติและไม่มีคันปิดกั้น เมื่อถึงช่วงฤดูน้ำหลากประมาณเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป มักจะเกิดน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำเกือบทุกปี สร้างความเสียทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม และผลผลิตด้านการเกษตร ตลอดจนความเป็นอยู่ของราษฎรเป็นอย่างมาก จึงได้ประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับกลุ่มเกษตรกรและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จนได้ข้อสรุปว่า ต้องปรับระยะเวลาการปลูกพืชในพื้นที่ให้เร็วขึ้น โดยเริ่มเพาะปลูกตั้งแต่ 1 เมษายน เป็นต้นไป เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะเป็นแก้มลิงตามธรรมชาติ จึงจะต้องให้เกษตรกรทำนาปีก่อนพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2558 ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมขัง” 
          ด้าน ม.ล.อนุมาศ ทองแถม ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคกลางตอนบน คือ จังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ว่า ขณะนี้สภาพน้ำท่าในลำน้ำปิง ยม และน่าน มีปริมาณน้ำเฉลี่ยราวร้อยละ 15 ของลำน้ำ ซึ่งน้อยกว่าแผนที่วางไว้ ส่วนปริมาณน้ำต้นทุน ที่มาจาก 3 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล ขณะนี้มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,140 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 8 ของปริมาณการกักเก็บ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,612 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17 ของปริมาณการกักเก็บและเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำใช้การ 179 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 19 ของปริมาณการกักเก็บ 
          สำหรับการจัดสรรน้ำเพื่อเพาะปลูกพืชในฤดูฝนปีนี้ โดยเฉพาะการทำนาปีในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานได้เริ่มส่งน้ำ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เป็นต้นมา เพื่อให้เกษตรกรเริ่มการเพาะปลูก ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ คาดว่าเกษตรกรจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันก่อนฤดูน้ำหลากในเดือนกันยายนนี้
          นายปีติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมหลังจากลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง โครงการขุดลอกลำรางสาธารณะ หมู่ 5 โดยกลุ่มผู้ปลูกข้าวโพด หมู่ 5 ณ ตำบลทับยายเชียง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลกอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง มีโครงการที่ผ่านการอนุมัติทั้งหมด จำนวน 6,598 โครงการ งบประมาณ 3,004.513 ล้านบาท ซึ่งมีตำบลที่ไม่เสนอโครงการ 7 ตำบล คิดเป็นจำนวนครัวเรือนเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 2,605,283 ครัวเรือน เกษตรกรที่ใช้แรงงาน 365,328 ราย คิดเป็น 5,479,926 แรงงาน (manday) ลักษณะของกิจกรรมแบ่งเป็น กิจกรรมเพื่อจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรของชุมชน จำนวน 3,331 โครงการ คิดเป็น 50.48% อาทิ กิจกรรมกำจัดวัชพืชน้ำ คลองส่งน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติ, กิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำแบบกึ่งถาวร, กิจกรรมซ่อมแซมและขุดฝังท่อน้ำดิบ, กิจกรรมฝายดินเรียงหินยาแนว เป็นต้น กิจกรรมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จำนวน 2,370 โครงการคิดเป็น 35.92% อาทิ กิจกรรมลานตากข้าวชุมชน, กิจกรรมผลิตและขยายศัตรูธรรมชาติเพื่อป้องกันกำจัดหนอนหัวดำมะพร้าว, กิจกรรมผลิตปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น กิจกรรมการผลิตทางการเกษตรและการแปรรูปผลผลิตเกษตรเพื่อสร้างรายได้ในฤดูแล้ง จำนวน 636 โครงการ คิดเป็น 6.94% อาทิ ผลิตเห็ดนางฟ้า, นางรม, ส่งเสริมการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เป็นต้น กิจกรรมเพื่อลดความสูญเสียผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 261 โครงการ คิดเป็น 3.96% อาทิ กิจกรรมเพิ่มศักยภาพศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน เป็นต้น
          โดยในส่วนของความคืบหน้าโครงการสร้างรายได้ฯ สำหรับจังหวัดพิษณุโลก เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ทางการเกษตรที่กระทบภัยแล้ง จำนวน 6 อำเภอ 16 ตำบล ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามความต้องการของชุมชน จำนวน 28 โครงการ งบประมาณ 15,842,781 บาท คิดเป็นจำนวนครัวเรือนเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 20,398 ครัวเรือน ค่าจ้างแรงงาน 8,340,028 บาท และค่าวัสดุ 7,502,753 บาท
          สำหรับในหมู่ 5 ตำบลทับยายเชียง อำเภอพรหมพิราม เป็นที่ราบสูง มักจะประสบปัญหาภัยแล้งทุกปี แหล่งน้ำธรรมชาติมีน้อย ส่วนมากจะเป็นคลองสาธารณะที่มีลำราง และพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นดินร่วนปนทราย จึงทำให้เกิดการทับถมและตื้นเขินของลำราง ทำให้ทางเดินน้ำไม่สะดวก ดังนั้น ชุมชนในพื้นที่จึงได้ดำเนินการจัดทำโครงการขุดลอกลำรางสาธารณะ หมู่ 5 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นการสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในฤดูแล้งอีกด้วย โดยการขุดลอกลำรางสาธารณะมีขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 570 เมตร ลึก 1.5 เมตร จำนวน 1 จุด คิดเป็นค่าจ้างแรงงานจำนวน 256,500 บาท ค่าวัสดุ 27,000 บาท งบประมาณรวม 283,500 บาท ซึ่งการดำเนินโครงการนี้ หวังเพื่อให้ชุมชนหมู่ 5 ในตำบลทับยายเชียง มีลำรางที่พัฒนาและมีประสิทธิภาพ และทำให้เกษตรกรในชุมชนมีงานทำ มีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง ทั้งยังมีเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนอีกด้วย


ข่าวการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์+กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วันนี้

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงเตรียมจัดงาน "วันดินโลก 2568" เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 "นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม" 5-9 ธันวาคมนี้ ณ กรมพัฒนาที่ดิน กรุงเทพฯ

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานงานแถลงข่าวเตรียมการจัดงาน "วันดินโลก (World Soil Day) ประจำปี 2568" ภายใต้หัวข้อ "Healthy soils for healthy cities ดินที่สมบูรณ์ สู่เมืองที่สมดุล เกื้อกูลชีวิต" เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์นักพัฒนา พระผู้ทรงมีพระอัจฉริยภาพ พระมหากรุณาธิคุณด้านการจัดการดินอย่างยั่งยืน โดยมี ดร. สุมิตรา วัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการก... "รมช.นเรศ" เปิดโครงการทำหมัน ฉีดวัคซีนสุนัข-แมว ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ จ.เชียงใหม่ — นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสห...

สั่งเร่งซ่อมสะพานแม่ปูนล่าง ฟื้นดินฟื้นนา... "รมช.นเรศ" ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า ตรวจแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตรเสียหายจากพายุยางิ — สั่งเร่งซ่อมสะพานแม่ปูนล่าง ฟื้นดินฟื้นนา 350 ไร่ ดันโครงการอ่างเก็บน้ำ เกษ...

มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น ใช้... มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น — มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น ใช้เครื่องหมาย Q ผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน พร้อมต่อยอด...

แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอ... "รมช.อัครา" ลุยพะเยาต่อเนื่อง! มอบนโยบายจัดทำการเกษตรแบบเป็นระบบ — แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอมาตรการช่วยเหลือไร่ละ 1,400 บาท พร้อมเตรียมสร้...

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกร... กระทรวงเกษตรฯ ตั้ง "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา" — นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ค...