เติมสารอาหารบำรุงสมอง “กิงโกะ” สารสกัดจากใบแปะก๊วย ลดเสี่ยงสมองเสื่อมก่อนวัย

08 May 2015
“สมอง” ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เพราะเป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ทั้งด้านสติปัญญา ความคิด ความจำ และการเรียนรู้ ซึ่งสมองมีการเจริญเติบโตและพัฒนาต่อเนื่องจนถึงอายุ 25 ปี และจะเริ่มเสื่อมลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น[i] แต่ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต้องเผชิญภาวะเครียดและกดดันจากการทำงาน ทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระ(Anti-oxidant) มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมอง ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น มีงานวิจัยพบว่า การใช้อุปกรณ์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่องมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวันจะทำลายสมองมากขึ้น ในขณะที่อุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาช่วยคิด ช่วยจำ ทำให้การทำงานของสมองสองซีกไม่สมดุล เซลล์ประสาทขาดการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาสมองเสื่อมก่อนวัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีการวิจัยพบว่า การใช้อุปกรณ์ไอทีเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ความจำเสื่อมก่อนวัยถึงร้อยละ 15

แต่คงเป็นเรื่องยากที่เราจะหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ข้างต้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น วิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงของสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรนั้น นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเลือกรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสมองถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะสารอาหารบางอย่างถือเป็นกลไกสำคัญของการทำงานของสมอง ซึ่งในวันนี้ เราจะมาแนะนำสารอาหารบำรุงสมองสำคัญให้รู้จักกัน คือ

สารสกัดจากใบแปะก๊วย เพราะแปะก๊วยถือเป็นพืชสมุนไพรที่มีมานานแล้ว มีกำเนิดอยู่ในช่วงยุคพาลีโอโซอิคหรือมีอายุมากว่าสองร้อยล้านปี ต้นกิงโกะ (Ginkgo) หรือแปะก๊วยเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมจึงเป็นพืชที่มีอายุยืน และเชื่อกันว่าต้นแปะก๊วยนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งคนส่วนมากมักจะทราบกันดีว่าเมล็ดของแปะก๊วยนั้นมีประโยชน์ และนำมาใช้เพื่อการรักษาสุขภาพและเป็นยาอายุวัฒนะมากว่าพันปีในประเทศจีน[iv]แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะสนใจถึงประโยชน์ของใบแปะก๊วย จนกระทั่งเมื่อมีการทำการศึกษาถึงองค์ประกอบต่างๆ ทางเคมีของต้นแปะก๊วย กลับพบว่าใบแปะก๊วยนั้นมีประโยชน์ และมีการนำมาศึกษาในด้านนี้มากกว่าการทำในเมล็ด ราก เปลือกหรือผลของมันเสียอีก โดยในสารสกัดจากใบแปะก๊วยมีสารสำคัญ คือ สารกลุ่มฟลาโวน ไกลโคไซด์ (Flavone Glycoside) และสารกลุ่มเทอร์ปีน แลคโตน (Terpene Lactone) ซึ่งสารทั้งสองกลุ่มนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อสมองอย่างยิ่ง

สารกลุ่มฟลาโวน ไกลโคไซด์ (Flavone Glycoside) มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของสมองเสื่อมได้ ส่วนสารกลุ่มเทอร์ปีน แลคโตน (Terpene Lactone)ซึ่งประกอบด้วย กิงโกไลด์ (Ginkgolide) และบิโลบสไลด์ (Bilobalide) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด และการนำพาออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น และยังต่อต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของภาวะสมองเสื่อม จึงเห็นได้ว่าสารสกัดจากใบแปะก๊วยมีส่วนช่วยบรรเทาอาการและชะลอความเสื่อมของสมอง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากใบแปะก๊วยยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำระยะสั้น จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ ความคิด และการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สารอาหารอีกตัวที่สำคัญได้แก่ วิตามินบี เพราะวิตามินบี มีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานจากสารอาหารให้กับสมอง ยิ่งในขณะที่ร่างกายต้องเผชิญกับความเครียด สมองต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก และต้องใช้วิตามินบีมากขึ้นด้วย ดังนั้น ขณะเครียดร่างกายและสมองจึงต้องการใช้วิตามินบีมากขึ้น มีการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่รับประทานวิตามินบีต่อเนื่องมีอารมณ์ที่พัฒนาดีขึ้น ทำให้สมองปลอดโปร่ง อารมณ์ดีขึ้น มีสมาธิและการเรียนรู้ดีขึ้นด้วย

วิตามินบี มีหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่มีการศึกษาพบว่าวิตามินบี 12 หรือไซยาโนโคบาลามิน เป็นวิตามินบีที่มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์ที่สร้างระบบประสาท ดังนั้น หากได้รับวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ จะช่วยบำรุงประสาท ทำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และการทรงตัว และยังช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิด และลดความเครียดได้ โดยปริมาณที่แนะนำสำหรับการรับประทานวิตามินบี 12 คือ 25-300 ไมโครกรัมต่อวัน

จะเห็นได้ว่าสารอาหารมีความสำคัญต่อการทำงานของสมองเป็นอย่างมาก ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่สำคัญในการบำรุงสมอง ย่อมเป็นตัวช่วยสำคัญให้คุณสามารถดูแลสมองให้พร้อมรับความท้าทายที่ต้องเจอในแต่ละวัน เพราะสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญ ดูแลอย่าให้เสื่อมก่อนวัยอันควร