บางกอกแร้นช์ (BR) เคาะราคาไอพีโอ 8.80 บาท เจ้าตลาดเนื้อเป็ดครบวงจร เตรียมนำเงินสร้างโรงงานเพิ่ม รองรับตลาดเออีซี

02 Jul 2015
บมจ. บางกอกแร้นช์ (BR) หนึ่งในผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายใหญ่ของไทย และหนึ่งใน 10 ผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายสำคัญของโลก เปิดจองซื้อ หุ้นไอพีโอ 8.80 บาท ที่ปรึกษาการเงิน คาดเติบโตสูง ตามแผนขยายตลาดรองรับเปิดตลาดเออีซี

นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR Group ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อเป็ดครบวงจรรายใหญ่ของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ ฟาร์มพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์เป็ด โรงฟักไข่เป็ด ฟาร์มเป็ดเนื้อ โรงงานชำแหละและแปรรูปอาหารจากเนื้อเป็ด และธุรกิจอาหารสัตว์ ดำเนินกิจการมากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญ (IPO) ทั้งหมด 360.40 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน ที่ราคา 8.80 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายกิจการ ด้วยการลงทุนสร้างโรงงานชำแหละและแปรรูปเนื้อเป็ด เพิ่มอีก 1 โรงงานที่ทางภาคตะวันออก โดยในระยะแรก โรงงานแห่งใหม่จะสามารถผลิตเนื้อเป็ดได้ประมาณ 9-10 ล้านตัวต่อปี ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากเดิมที่ทั้งกลุ่มมีกำลังการผลิต 22 ล้านตัวต่อปี โดยโรงงานนี้ ได้รับการออกแบบให้รองรับการขยายกำลังการผลิตต่อไปได้อีกในอนาคต

"เรามีความเชื่อมั่นในแผนการขยายธุรกิจอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ด้วยการขยายธุรกิจจำหน่ายผลิต ภัณฑ์เนื้อเป็ดสด และเนื้อเป็ดปรุงสำเร็จ เข้าสู่ตลาดใหม่ที่สำคัญในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม และจีน ซึ่งมีประชากรรวมกันมากกว่า 1,600 ล้านคนและมีกำลังซื้อที่สูงขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่งซึ่งเป็นตลาดนำเข้าเนื้อเป็ดที่สำคัญ ซึ่งเราเป็นบริษัทแรกในไทยที่เริ่มส่งออกเนื้อเป็ดไปยังประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้เราจะขยายตลาดในไทยไปยังจังหวัดใหญ่ๆ ที่สำคัญ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สงขลา เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น" คุณโจเซฟกล่าว

นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกลุ่ม บมจ. บางกอกแร้นช์ กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะ เป็น 0.4 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1.5 เท่า และช่วยให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน และมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น

คุณวีณา เลิศนิมิตร Head of Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอขอบคุณบริษัทฯ และรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทฯ อีกครั้ง หลังจากได้ช่วยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ผู้บริหารในการซื้อหุ้นคืนจากทางกองทุน Navis Capital Partners ผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิมเมื่อปี 2555 และสำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการร่วมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ดิฉันเชื่อมั่นว่า ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เป็น 1 ใน 10 ผู้ผลิตเนื้อเป็ดครบวงจรระดับโลก และความพร้อมในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ จะได้รับการตอบรับอย่างสูงจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย

นายพิเชษฐ์ สิทธิอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บมจ. บางกอกแร้นช์ จะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 360,400,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 8.80 บาทต่อหุ้น ที่ราคาพาร์ 5 บาท ซึ่งประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 228,000,000 หุ้นและ หุ้นสามัญเดิมจำนวน 132,400,000 หุ้น และจะระดมทุนให้บริษัทฯ ได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยหุ้นจำนวน 348,850,000 หุ้นหรือ 96.8% จะเสนอขายนักลงทุนทั่วไป และหุ้นจำนวน 11,550,000 หุ้นหรือ 3.2% จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม กรรมการ และผู้บริหารของ บมจ. บางกอกแร้นช์ โดยนักลงทุนที่สนใจ สามารถติดต่อขอจองซื้อหุ้นไอพีโอ ของ BR ได้ตั้งแต่ศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม จนถึง พุธที่ 8 กรกฎาคม (ครึ่งวัน) ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบีที จำกัด (มหาชน)

บมจ. บางกอกแร้นช์ เป็น 1 ในผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายใหญ่ของประเทศ และเป็น 1 ใน 10 ผู้ผลิตเนื้อเป็ดแบบครบวงจรรายสำคัญของตลาดโลก มีจุดเด่นในการผลิตเนื้อเป็ดคุณภาพสูง และอาหารแปรรูปจากเป็ดพร้อมรับประทาน ระดับพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีกำลังการผลิตเป็ดเนื้อรวมกันกว่า 25 ล้านตัวต่อปี โดยมีฐานการผลิตใหญ่ใน 2 ประเทศคือ ประเทศไทย และประเทศเนเธอร์แลนด์ (ผ่านบริษัทย่อยชื่อ บจ. ดั๊ค โท โฮลดิง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเป็ดครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อเป็ดมากที่สุด เป็นอันดับ 3 ในกลุ่ม EU) โดยภาพรวม บริษัทฯ ส่งออกผลิตภัณฑ์เป็ดไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ เยอรมัน สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลัก

โดยปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากรายได้รวม 7,573 ล้านบาทในปี 2556 โดยบริษัทฯ มี กำไรขั้นต้น 1,705 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้น 40% จากกำไรขั้นต้น 1,218 ล้านบาทในปี 2556 และบริษัทฯ มี EBITDA ในปี 2557 เพิ่มขึ้น 55 % เป็น 1,384 ล้านบาท จาก EBITDA จำนวน 891 ล้านบาทในปี 2556 และมีกำไรสุทธิ 661 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้น 416 % จากกำไรสุทธิ 128 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งบริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรในปี 2557 สูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจาก บริษัทฯ มีจุดเด่นในการควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง บริษัทฯ ยังสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น"