ก.พลังงาน เข้มบังคับใช้กฎหมายหากพบการบรรจุก๊าซหุงต้ม ใส่ในถังไม่ได้มาตรฐานหรือเกิดจากการบรรจุข้ามยี่ห้อ พร้อมกำชับพลังงานจังหวัดทุกแห่ง ออกตรวจตราให้โรงบรรจุก๊าซเพิ่มความระวังตรวจสภาพถังก๊าซหุงต้มก่อนออกสู่ผู้บริโภคพื่อความปลอดภัยสูงสุด หลังหัวหน้าสำนักงานพลังงานจังหวัดสระบุรีพบผู้กระทำผิดลักลอบปลอมถังก๊าซหุงต้ม และคาดว่าจะมีโทษหลายกระทง
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้รับรายงานจากหัวหน้าสำนักงานพลังงานจังหวัดสระบุรี ถึงการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมผู้กระทำผิดลักลอบปลอมแปลงถังบรรจุก๊าซหุงต้ม รวมทั้งการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าที่ไม่ตรงกับตัวถัง โดยคาดว่าน่าจะมีเจตนาที่จะปลอมแปลงถังก๊าซหุงต้มในลักษณะข้ามยี่ห้อ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายมาตรฐานความปลอดภัยตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า โดยเบื้องต้นกระทรวงพลังงานจะได้หารือให้ผู้ค้าก๊าซที่เสียหายให้ ดำเนินการฟ้องร้องผู้ต้องหาต่อไป
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว กระทรวงพลังงาน ได้เร่งกำชับไปยังสำนักงานพลังงานจังหวัดทุกแห่ง ให้ออกทำความเข้าใจกับโรงบรรจุก๊าซในพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการตรวจสภาพถังก๊าซหุงต้มก่อนบรรจุก๊าซหุงต้ม เพื่อเป็นการป้องกันการนำถังที่ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าว กลับมาใช้บรรจุก๊าซหุงต้มซ้ำอีกครั้งโดยไม่ผ่านการทดสอบ โดยถังที่ไม่ได้มาตรฐานนี้ จะไม่มีผู้รับผิดชอบซ่อมบำรุง เก่าเป็นสนิม อาจมีลักษณะมีรอยเชื่อมที่ไม่เรียบร้อยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากใช้หมุนเวียนอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยและเกิดอันตรายต่อผู้ใช้โดยตรง ซึ่งหากพบโรงบรรจุก๊าซละเลยการตรวจสอบและมีการบรรจุก๊าซหุงต้มในถังข้ามยี่ห้อดังกล่าว จะมีโทษสูงสุดคือถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตการค้าก๊าซ
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน เชิญผู้ค้าก๊าซตามมาตรา 7 หรือกลุ่มผู้ทำธุรกิจก๊าซหุงต้มรายใหญ่ของประเทศ เช่น บริษัท ยูนิคแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ให้มาประชุมทำความเข้าใจหารือร่วมกัน ถึงมาตรฐานความปลอดภัย และการให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราถังก๊าซหุงต้มของแต่ละยี่ห้อ รวมทั้งให้เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพถังก๊าซหุงต้มตามกฎหมายต่อไป
จากกรณีที่แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย (เจดีเอ–เอ 18) จะมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ในช่วงวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2558 นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้ประชาชน ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่ภาคใต้ได้ทราบเพื่อเตรียมพร้อมในการจัดการใช้พลังงานในช่วงดังกล่าวเนื่องจากก๊าซธรรมชาติจะหายไปจากระบบประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบกับโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 จ.สงขลา กำลังการผลิตไฟฟ้า 800 เมกะวัตต์