“สุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี” ความร่วมใจของหลายมูลนิธิฯและทหารทุกเหล่าทัพ ทำฟันฟรีแก่เด็กพื้นที่ห่างไกล

22 Jun 2015
พ่อเคยบอกไว้ จะทำเรื่องใด ให้เสร็จดังฝันเส้นทางเหล่านั้น ไม่เคยลาดโรย ด้วยกลีบดอกไม้แต่แก้วดวงหนึ่งช่างงาม ยังมุ่งเดินตามรอยเท้าพ่อไปด้วยพลังที่ล้นดวงใจอันเปี่ยมศรัทธามือจับปากกา สมุดทุกหน้า พากเพียรสร้างสรรค์อุดมการณ์นั้น ยังคงยึดมั่น ไม่หวั่นปัญหาป่าเขาลำเนาห่างไกล ความรักรินไป ด้วยใจเมตตาเพื่อแผ่นดินที่กำเนิดมาร่มเย็นสืบไป ….“นารีรัตนา” เพลงเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา “เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร”สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา (คำร้อง)

เนื้อร้องของเพลง “นารีรัตนา” บทเพลงเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา “เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร” ที่มุ่งตามรอยเท้าพ่อ เสด็จพระราชดำเนินไปทุกตารางนิ้ว เพื่อเยี่ยมเยือนทุกข์สุขของประชาชน ขณะเดียวกันก็มีพระราชประสงค์ให้ พสกนิกรไทยอยู่เย็นเป็นสุข มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย นำโดย มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย, กองบัญชาการกองทัพไทย, กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ และ มูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ ร่วมแรง ร่วมใจสนองพระราชดำรัส ด้วยการเปิดตัวโครงการ “สุขภาพดีใต้ร่ม พระบารมี” ให้บริการด้านทันตกรรมแก่เยาวชนในถิ่นทุรกันดาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย!! แน่นอนว่าพื้นที่กว่า 513,000 ตารางกิโลเมตรของประเทศไทย มีพื้นที่ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล คงบุกไปไม่ถึงได้ง่ายๆ หากปราศจากความร่วมมือของทหารทุกเหล่าทัพและให้บริการไม่ได้หากปราศจากบุคลากรและงบประมาณจากมูลนิธิฯต่างๆ โครงการฯ นี้จึงถือเป็นอีกโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี ขณะนี้ตระเวนให้ความช่วยเหลือไปแล้ว 6 จังหวัด รวมกว่า 20 อำเภอ

ม.ร.ว. จิยากร เสสะเวช กรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เผยที่มาว่า “เราสำรวจความต้องการ โดยทำแบบสอบถามไปทุกจังหวัด พบว่าเด็กๆ ในถิ่นทุรกันดารยังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ อุปสรรคการเดินทาง ไม่มีความรู้ด้านการป้องกันรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านสุขภาพช่องปากและฟันนั้นเป็นเรื่องใหญ่และจำเป็นเร่งด่วน จึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่มีความรู้ ความสามารถ ในการดำเนินงานร่วมกัน ช่วยแก้ปัญหาแบบบูรณาการ โดย มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย, มูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ และ มูลนิธิทันตแพทย์เอกชน (ประเทศไทย) ดูแลเรื่องทันตกรรมเด็ก และ กองบัญชาการกองทัพไทย, กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ จัดทีมแพทย์ให้กับผู้สูงอายุ ให้ความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงเป็นแผนที่นำทางร่วมกับท่านผู้ว่าฯ ในแต่ละจังหวัดด้วย”

“โครงการฯ นี้ สำเร็จได้ด้วยความร่วมจิตร่วมใจของหลายๆ หน่วยงาน โดยเริ่มโครงการฯ ตั้งแต่เดือนมกราคม ร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทยให้บริการที่ จ.น่าน, จ.นครราชสีมา, จ.สตูล, จ.พัทลุง และ จ.ชุมพร โดยที่ จ.สุราษฎร์ธานีนี้ ได้รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศพร้อมด้วยหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศมาร่วมกับเรา ปรากฏสิ่งที่ได้ทำมาตลอดระยะเวลา 6 เดือน มีเสียงชื่นชม ทุกคนบอกว่าโครงการฯ นี้เกิดขึ้นได้จากการเชื่อมร้อยดวงใจทุกหน่วย ในการช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้มีโอกาสเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น วันนี้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ นำทีมทันตแพทย์ นำเครื่องมือมาให้บริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทุกคนในคณะ สมบุกสมบัน ตระเวนลงพื้นที่มากมายหลายแห่ง ทุกฝ่ายใจเกินร้อย ครึ่งปีหลังเราจะไปทางภาคอีสาน จ.ร้อยเอ็ด จ.ขอนแก่น และภาคตะวันออก จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปราจีนบุรี สำหรับบุคคลทั่วไป ที่อยากมีส่วนร่วมกับโครงการฯ สามารถร่วมเป็นอาสาสมัคร ทำงานร่วมกัน หรือชื่นชมด้วยการร่วมบริจาค ท่านก็ได้บุญร่วมกัน”

มร.เฮสเตอร์ ชิว รองประธานกรรมการ มูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ กล่าวเสริมว่า “หน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ ให้บริการช่วยเหลือ บรรเทา ปัญหาสุขภาพต่างๆ มุ่งเน้นเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีอุปสรรคทั้งค่าใช้จ่ายและการเดินทาง โดยเริ่มดำเนินโครงการแรกระยะที่ 1 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 และสิ้นสุดในปีพ.ศ.2556 เป็นโครงการตรวจวัดสายตาและตัดแว่นสายตาฟรีให้กับเด็ก เพิ่มโอกาสด้านการมองเห็นและการใช้ชีวิตที่ดี ซึ่ง 5 ปีก่อน

หน่วยรถฯออกเดินทางไปแล้วทั้งสิ้น 99 ทริป ตรวจวัดสายตาเด็กไปกว่า 42,661 คนและมอบแว่นสายตาให้ไปแล้ว 13,692 อัน จากความสำเร็จในโครงการระยะที่ 1 จึงได้หารือกับมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เดินหน้าสานต่อสู่โครงการระยะที่ 2 ในปีพ.ศ. 2558 พร้อมด้วยพันธมิตรสำคัญได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย, กองทัพบก, กองทัพเรือและกองทัพอากาศ ในการจัดทำหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ (Dental Care Unit) ให้บริการด้านทันตสุขภาพ ทั้งด้านการรักษาและป้องกันให้กับเด็กในถิ่นทุรกันดาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น หน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ นี้ ได้รับการออกแบบจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการจัดวางอุปกรณ์เครื่องมือรักษาฟัน ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ให้เหมาะสมและเอื้อต่อการรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทุกยูนิตเป็นไฟฟ้า เก้าอี้ขนาดใหญ่ เด็กนอนสบาย ไฟมีตัวสะท้อนแสง ทำให้สว่างชัด ระบบน้ำเป็นหัวกรอทั้งหมด แถมมีเครื่องปั๊มลม รอบของความเร็วได้หนึ่งแรงม้าต่อหนึ่งยูนิต ซึ่งเกินมาตรฐาน รวมไปถึงมีเครื่องเอ็กซ์เรย์ สามารถทำทันตกรรมได้ครบทุกอย่าง ที่ผ่านมาเคสใหญ่สุดคือ ผ่าฟันคุด ฯลฯ ภายในตกแต่งด้วยรูปภาพการ์ตูน พร้อมสีสันสวยงาม ช่วยเปิดประสบการณ์ที่ดีในการทำฟัน ทำให้เด็กเข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ไม่หวาดกลัวการทำฟัน ระยะเวลาโครงการทั้งหมด 5 ปี ตั้งเป้าให้การช่วยเหลือเด็ก 3,240 คนต่อปี หรือประมาณ 16,200 คนตลอดระยะเวลาโครงการ โดยมีทันตแพทย์จิตอาสาลงพื้นที่ให้การรักษาและให้ความรู้ด้านสุขภาพฟันอันจะเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและยั่งยืน”

ด้าน ทพญ.สุพัตรา เนาวนิรุทธ์ เลขาธิการมูลนิธิทันตแพทย์เอกชน (ประเทศไทย) เผยว่า “โครงการนี้มีประโยชน์โดยตรงกับเด็ก เพราะว่าได้รับการรักษา ไม่ต้องเดินทางไปข้างนอกและได้รับรู้ว่ามีปัญหาอะไรในสุขภาพช่องปากที่ต้องดูแล ได้รับการรักษาเบื้องต้น สิ่งที่เป็นความทุกข์ได้แก้ไขในทันที พร้อมให้การศึกษาว่าดูแลช่องปากยังไง ซึ่งมันเป็นอนาคตของเขา เมื่อเขาโตไปจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพที่ดี จากการสังเกตเด็กไม่ว่าจะกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ถ้าเป็นเด็กอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่เอาใจใส่ สุขภาพฟันมักจะดี แต่ถ้าฐานะด้อย พ่อแม่ทำงาน ให้เวลากับเด็กน้อย สุขภาพฟันจะแย่ ที่ผ่านมาเด็กในพื้นที่ต่างจังหวัดทุกคนอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงแย่ มีปัญหาสุขภาพฟันที่ต้องรักษาทุกเคส ส่วนใหญ่ฟันผุ เคสแรกที่เจอ ไม่ได้แปรงฟันหลังทานอาหาร เศษอาหารติด ถ้ามีฟันผุ ติดตามซอกฟัน ยิ่งเพิ่มปัญหาฟันผุให้ลุกลามมากขึ้น จุดสำคัญคือต้องแปรงฟันหลังอาหาร และเคสหนักสุดที่เจอ น่าเป็นห่วงคือ ฟันผุถึงโพรงประสาท ติดเชื้อรากฟัน ถึงปลายราก หนองท้น มีไข้ ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วไม่ได้รับการรักษา ต่อไปจะแก้มบวม กดหลอดอาหาร หลอดลมได้ บอกให้เด็กเข้าใจและไปหาหมอ ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ผู้ปกครอง ไม่ว่าง หรือไม่รู้จักใคร ทำตัวไม่ถูก โรงพยาบาลกับบ้านไกล ไปลำบาก หรือต้องเสียค่าเดินทาง บางทีผู้ปกครองคิดว่า เด็กปวดฟัน กินยาก็หาย ซึ่งการทานยา แค่ระงับ ทำให้อาการเจ็บหายไป ทำให้ฟันตายไม่รู้สึก ขณะที่อาการฟันผุ ไม่ได้รับการรักษา ทำให้ทะลุไปถึงรากฟัน ทางแก้คือต้องถอนแล้วใส่ฟันปลอมอย่างเดียว แล้วเป็นฟันคู่หน้า เลวร้ายมากสำหรับเด็กไม่ถึงสิบขวบ เวลาลงพื้นที่ งานที่ทีมทำควบคู่กัน คือ รักษารากฟัน ป้องกันแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะเด็กป.หนึ่งถึงป.สอง ฟันแท้เพิ่งงอก เราเคลือบฟัน อุดร่องฟันไม่ให้ผุเสียก่อน จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาอื่นๆตามมา”

ท้ายสุด นาวาอากาศเอกธนินรัฐ ภูพงศ์พยัคฆ์ รองผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือนทหารอากาศ / หัวหน้าหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศ จ.สุราษฎร์ธานี เผยว่า “ภารกิจของกองทัพคือช่วยเหลือประชาชน ทั้งภัยพิบัติและปัญหาขาดแคลน เช่น บริการทางการแพทย์ที่ไม่เข้าถึง ในส่วนนี้เหล่าทัพต่างๆ มีพื้นที่ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ ครอบคลุมทั่วราชอาณาจักร ในส่วนกองทัพอากาศมีกองกิจการพลเรือน คอยดูแลพื้นที่ต่างๆ ที่ยังขาดแคลน มีความต้องการด้านสาธารณสุขเพิ่มเติม การได้ร่วมมือกันระหว่างเครือข่าย องค์กร หรือมูลนิธิต่างๆ ซึ่งมีความแข็งแกร่งคนละด้าน ยิ่งช่วยทำ ช่วยพัฒนาให้การแก้ปัญหาต่างๆ บรรลุผลสำเร็จมากขึ้น เชื่อมั่นว่าโครงการฯ นี้จะเป็นตัวอย่างของความร่วมมือร่วมใจ ให้ทุกหน่วยงานหันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือกัน ทำงานสนองพระราชดำรัส เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนที่อยู่ใต้ร่มพระบารมีอย่างเต็มที่”

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการลงพื้นที่ครั้งต่อไปได้ที่ www.rmhc.or.th และ facebook.com/rmhcthailand แผ่นเอ๋ยแผ่นดิน ในแถบถิ่นนี้ไซร้กว้างหนักหนาแลดูไกลสุดลูกหูลูกตา ล้านไร่นาเขียวขจีพงพีไพรเหมือนมารดาเลี้ยงดูบุตรให้สุขศรี แผ่นดินนี้นี่แหล่ะข้าอาศัยข้าตั้งจิตสนองเขตประเทศไทย รักษาให้ยั่งยืนคู่ฟ้าเอยบทกลอนสร้อยจากหนังสือ “ดั่งดวงแก้ว”พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี?

  • หน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ (Dental Care Unit) ภายใต้โครงการ “สุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี” ให้บริการด้านทันตสุขภาพทั้งด้านการรักษาและป้องกันให้กับเด็กในถิ่นทุรกันดาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
  • หน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ ให้บริการทันตกรรมแก่เด็กอายุ 8-18 ปี
  • อัตราค่าบริการทันตกรรมโดยเฉลี่ยดังนี้ ถอนฟันน้ำนม 400-500 บาท, อุดฟันน้ำนม 500-1,200 บาท, ขัดฟัน เคลือบฟลูออไรด์ 400-450 บาท, ถอนฟันแท้ 600-1,200 บาท ฯลฯ (ตัวเลขจากมูลนิธิทันตแพทย์เอกชน (ประเทศไทย))
  • นับตั้งแต่ออกหน่วยรถให้บริการฯ (รวม 6 จังหวัด) ให้บริการเด็กไปแล้วทั้งสิ้น 2,006 คน ให้บริการตรวจและรักษาฟัน ทั้งอุด ขูด ถอน เคลือบหลุมร่องฟัน ฯลฯ แก่เด็กๆ จำนวนทั้งสิ้น 4,049 เคส
  • ตั้งเป้าให้ความช่วยเหลือเด็กจำนวน 3,240 คนต่อปีหรือประมาณ 16,200 คนตลอดระยะเวลาโครงการฯ

*** นอกจากช่วยให้เด็กเลิกทรมานจากปัญหาฟันผุแล้ว ยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองอีกด้วย