ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งขับเคลื่อนคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพและมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต (Super Cluster) ประกอบด้วย1.คลัสเตอร์ยานยนต์และชิ้นส่วน 2. คลัสเตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์โทรคมนาคม 3. คลัสเตอร์ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4. คลัสเตอร์ดิจิทัล 5. คลัสเตอร์นวัตกรรม ด้านอาหาร และ 6. คลัสเตอร์เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical hub) ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการSMEs ทั่วประเทศอย่างครบวงจรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นข้อต่อให้กับอุตสาหกรรมหลักและเชื่อมโยงกับแต่ละสาขาของอุตสาหกรรมของประเทศ เช่น ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ หรือผู้ผลิตเครื่องจักร เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs ในภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนกว่า 400,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นของคนไทย แต่พบว่ายังประสบปัญหาการกดดันด้านต้นทุนราคาเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนหรืออะไหล่ทดแทน ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตหรือผู้ผลิตแบรนด์สินค้าของตนเอง (OEM/REM) และจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากนัก รวมถึงการบริหารจัดการทั้งในด้านการผลิต การตลาด ทักษะแรงงาน และเงินทุน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของ SMEs ดังนั้น การส่งเสริมผู้ประกอบการจึงต้องวางแผนอย่างเป็นระบบครอบคลุมจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในมิติของการเพิ่มระดับผลิตภาพ อาทิ เทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหารจัดการ หรือระบบคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน รวมทั้งการส่งเสริมการรวมกลุ่มในรูปแบบคลัสเตอร์เพื่อให้เกิดการสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเข้มแข็งและยั่งยืน
ดร.สมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า กสอ. ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนเติมเต็มและแก้ปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการ โดยในปี 2558 กสอ. ได้ดำเนินโครงการที่หลากหลายเพื่อพัฒนาสถานประกอบการและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสนับสนุน จำนวน 9 โครงการ ด้วยงบประมาณกว่า 23 ล้านบาท สามารถพัฒนาสถานประกอบการจำนวน 155 กิจการ และพัฒนาบุคลากรจำนวน 3,600 คน ประกอบด้วย 1.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต 2.โครงการเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ทดแทน 3.โครงการให้คำปรึกษาแนะนำแก่ SMEs ด้วยระบบ Lean 4.โครงการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมสู่ผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม 5.โครงการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมเพื่อเข้าสู่ AEC 6.โครงการพัฒนาเครื่องจักรและยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของ SMEs 7.โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีวิศวกรรมสู่ผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม 8.โครงการพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม และ 9.โครงการส่งเสริมและพัฒนาสถานประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตด้านกระบวนการจัดการ Logistics and Supply Chain ซึ่งผลการดำเนินโครงการดังกล่าว สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท รวมถึงได้เครื่องต้นแบบเครื่องจักรจำนวน 14 เครื่อง โดยผู้ประกอบการสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อผลิตในเชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการในการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และสุขภาพได้อีก 1 กลุ่ม ตลอดจนส่งเสริมผู้ประกอบการในการหาช่องทางการตลาดใหม่ ๆ ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ผลงาน การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งรูปแบบการจัดนัดหมายการจับคู่เจรจาและการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ภายใต้เว็บไซต์ J-GoodTech ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกับองค์การเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมภูมิภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น (SMRJ)
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 นี้ กสอ.จะดำเนินการต่อยอดโครงการที่มีอยู่เดิมและดำเนินโครงการใหม่ ด้วยงบประมาณกว่า 37 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนอีกกว่า 300 กิจการ 1,100 คน อย่างครบวงจร ใน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต 2.โครงการพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม(Cluster) ชิ้นส่วนยานยนต์ 3.โครงการพัฒนาขีดความสามารถ OEM/REM และ 4.โครงการส่งเสริมการใช้โปรแกรมCAD/CAM/CAE ในสถานประกอบการ ในลักษณะการบูรณาการการทำงานแบบ 3 ประสาน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย โดยมีภารกิจเชิงนโยบายและเชิงกำกับดูแล เชิงตรวจสอบ และเชิงปฏิบัติ การเชื่อมโยงการดำเนินกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายหน่วยบริการด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสนับสนุน นอกจากนี้ ยังได้มีการดำเนินโครงการพิเศษนอกงบประมาณร่วมกับหน่วยงาน สมาคม และสถาบัน เพื่อขยายความร่วมมือและส่งเสริมการดำเนินโครงการตามแนวทางงบประมาณ คาดว่าจากการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ จะสามารถช่วยผู้ประกอบการให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 15 และคาดว่าจะมีอุตสาหกรรมใหม่ ๆเข้าสู่อุตสาหกรรมสนับสนุนไม่น้อยกว่า 150 ราย หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ดร.สมชาย กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจโครงการต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 4414-17 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือwww.facebook.com/dip.pr
"พลอยลภัสร์" เปิดตัวภาพยนตร์ "สำรับ สลับศตวรรษ My Century" ผนึกพลังสร้างสรรค์ ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารไทย ผ่านภาพยนตร์ก้าวไกลสู่เวทีสากล
"ดีพร้อม" โชว์ความสำเร็จสร้าง Hidden Gems ยกระดับร้านอาหารเชฟชุมชนฯ ตอกย้ำเสน่ห์อาหารไทย รังสรรค์ 93 เมนู เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 140 ล้านบาท
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย และ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี
กระทรวงอุตฯ ชูผลสำเร็จ 1 ทศวรรษ "Angel Fund" ดีพร้อม-เดลต้า ปั้น "ผู้ประกอบการอัจฉริยะ" 237 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจทะลุ 1,000 ล้านบาท พร้อมรุก 3 กลยุทธ์ใหม่ ดันดีพเทคดาวรุ่งสู่ตลาดอุตสาหกรรม
"ธนกร" สั่งการ "ดีพร้อม" Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ "เงินไว by DIPROM" ดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นสั้น โค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%
"ดีพร้อม" ปลุกพลังสร้างสุข ดัน SMEs เข้าร่วมกิจกรรม เลิกเหล้า-บุหรี่ ออมเงิน ได้ผลกว่า 17 ล้าน ขึ้นแท่น วิสาหกิจต้นแบบ SHAP ประจำปี 2567
"ดีพร้อม" เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสายแฟชั่น ดึงซอฟต์พาวเวอร์ เสริมอัตลักษณ์ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมชี้ 3 เทรนด์ที่ต้องเร่งปรับตัวตาม
ดีพร้อมจัดใหญ่ 'มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM' โชว์ซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย สร้างอนาคตใหม่ให้ SMEs คาดดึงคน 30,000 รายเข้างาน กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ วว. / THACCA เชิญชวนร่วมกิจกรรมการเชื่อมโยงสู่เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการตลาด ฟรี!!