ปี 2559 จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุค DX ในประเทศไทย: ไอดีซีคาดดิจิตอล ทรานส์ฟอร์เมชันและการใช้งานแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 จะก้าวกระโดด

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ไอดีซีประเทศไทยได้เปิดเผยการคาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญของภาคธุรกิจและภาคเทคโนโลยีของประเทศไทยในปี 2559 โดยไฮไลต์ว่าการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันนั้นจะช่วยให้องค์กรในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 และ เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรต้องทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาความเป็นผู้นำเอาไว้
          ไอดีซีคาดว่าภายในสิ้นปี 2560 กว่า 50% ของ 100 องค์กรชั้นนำในประเทศไทย (T100) จะมีดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์องค์กร และจะมีการตั้งผู้บริหารตำแหน่งใหม่ขึ้นมา เพื่อกำกับดูแลการดำเนินกลยุทธ์ DX โดยเฉพาะ
          "ในปี 2559 นี้ การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอซีทีของไทยจะช่วยส่งเสริมแผนแม่บทเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศได้ โดยในปัจจุบันเราได้พบเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในยุคแห่งการทำทรานส์ฟอร์เมชัน ที่บริษัทต่าง ๆ จะเพิ่มความพยายามในการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน และจะลงทุนในเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน" นายไมเคิล อาราเน็ตตาผู้จัดการประจำไอดีซีประเทศไทยกล่าว 
          เทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 นั้นประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ คลาวด์ โมบิลิตี้ บิ้กดาต้าอนาไลติกส์ และ โซเชียล ตลอดจนตัวเร่งนวัตกรรม 6 อย่าง ได้แก่ อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ ระบบคอกนิทีฟคอมพิวติ้ง เทคโนโลยีหุ่นยนต์ การพิมพ์ 3 มิติ เวอร์ชวล หรือออกเม้นต์เรียลลิตี้ และระบบเน็กซ์เจนเนอเรชันซีเคียวริตี้
          สำหรับในปีนี้ การคาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญของไอดีซี มีการเปลี่ยนชื่อเป็น IDC FutureScapes สำหรับทั้งผู้ใช้เทคโนโลยี และ ซัพพลายเออร์ด้านไอซีที
          นายอาราเน็ตตายังกล่าวเสริมว่า "ในภาวะที่สภาพการแข่งขันเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ องค์กรที่ปรับตัวไม่ทันอาจจะสูญเสียความเป็นผู้นำในตลาด ดังนั้นซีไอโอจะต้องปรับเปลี่ยนแผนกไอทีให้กลายเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างแท้จริง"
นอกจากนี้ไอดีซีได้พัฒนากรอบแนวคิดความเป็นผู้นำ ทางด้านดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ภายใต้ชื่อ "Leading in 3D" ร่วมกับการแถลง IDC FutureScapes สำหรับปี 2559 นี้
          3D นั้นมาจากสามมิติของการ "รังสรรค์ ผสาน และ รวมศูนย์" ที่ผู้นำฝ่ายไอทีจำเป็นที่จะทำให้สำเร็จลุล่วง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
รังสรรค์: ในฐานะผู้ช่วยสร้างความคล่องตัวสร้างนวัตกรรมให้กับธุรกิจผ่านการใช้ไอที
          ผสาน: ในฐานะผู้นำในการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ให้กลายเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจ
          รวมศูนย์: ในฐานะผู้ให้บริการและจัดหาสินค้าหรือบริการไอทีที่เชื่อถือได้
          ในการแถลงข่าวประจำปีในวันนี้ ไอดีซีประเทศไทยจะอธิบายถึงแนวโน้ม 10 อย่างที่จะกำหนดการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ของประเทศไทย
          #1: ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ภายในสิ้นปี 2560 กว่าครึ่งขององค์กรในประเทศไทยจะเริ่มกระบวนการดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน
ดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชัน จะเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการลงทุนทางไอทีขององค์กรในปี 2559 เป็นต้นไป โดยดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชันนั้นเป็นการนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 นำมาพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภค และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น ไอดีซีเชื่อว่ากลยุทธ์ทรานส์ฟอร์เมชันจะมุ่งเน้นไปที่ความชำนาญด้านดิจิตอลทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์ การปฏิบัติงาน และสินค้าหรือบริการที่มีฐานมาจากข้อมูล
          ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ร้านค้า โรงแรม หรืออุตสาหกรรมบริการบางประเภทใช้การผสมผสานกันของเทคโนโลยีโมบิลิตี้ บิ้กดาต้า และ คลาวด์เพื่อเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจที่ดีที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้า องค์กรจำนวนมากจะมีการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชันในระดับที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างมากมายให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป
          #2: คลาวด์จะกลายเป็นการลงทุนพื้นฐานทางด้านไอที ภายในปี 2561 การลงทุนด้านคลาวด์จะมีสัดส่วนเป็นอย่างน้อยหนึ่งในสี่ของค่าใช้จ่ายด้านไอทีทั้งหมด และภายในปี 2563 30% ของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับคลาวด์ ในขณะที่สัดส่วนของคลาวด์จะสูงถึง 30-35% ของค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ เซอร์วิส และเทคโนโลยีทั้งหมด
          ในปี 2559 นั้นองค์กรต่าง ๆ มีความจำเป็นจะต้องพัฒนาขีดความสามารถในการใช้งานบริการผ่านคลาวด์ โครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 หรือดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันในเชิงธุรกิจนั้นจะเกิดขึ้นได้ยาก หากไม่มีคลาวด์เป็นพื้นฐาน ซึ่งหมายความว่าองค์กรเหล่านั้น จะต้องเพิ่มการใช้บริการผ่านคลาวด์ขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีข้างหน้า
          ภายในปี 2563 การใช้จ่ายขององค์กรสำหรับบริการผ่านคลาวด์ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อซัพพอร์ทบริการผ่านคลาวด์ และการบริการเพื่อใช้งานและจัดการบริการผ่านคลาวด์จะมีมูลค่าสูงกว่า 350 ล้านดอลลาห์สหรัฐซึ่งถือเป็นการเติบโดขึ้น 100% จากปัจจุบัน ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่เวนเดอร์ผลิตก็จะเป็นแบบ "คลาวด์เฟิร์ส" เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของบริการผ่านคลาวด์จากความเป็นสถาปัตยกรรม "ใหม่" ไปสู่ความเป็นเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานนั้นจะมีนัยสำคัญสำหรับผู้นำด้านไอทีและธุรกิจ
          #3: ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะเพิ่มขึ้นอีก 25 ล้านคน ภายในปี 2561 ประเทศไทยจะมีผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์แรกเป็นจำนวน 50 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 73% ของประชากรทั้งหมด
          การที่มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกว่า 50 ล้านคนนั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นวงกว้างต่อองค์กรต่างๆ ไอดีซีคาดว่าจะพบเห็นการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางธุรกิจภายในองค์กร เช่น กลยุทธ์และการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้องค์กรต่าง ๆ ต้องสร้างวิธีใหม่ๆ ในการนำเสนอสินค้าและบริการโดยผ่านแนวคิดแบบโมบายล์เฟิร์ส การปรับให้เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่น และการนำเครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้เป็นมิติใหม่ในการมีส่วนร่วมของลูกค้า การเปลี่ยนแปลงนี้ยังผลักดันให้เกิดการใช้ระบบคอกนิทีฟในการวิเคราะห์ การรองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และประสิทธิภาพของบิ้กดาต้าอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลทั้งที่มีอยู่ และที่เกิดขึ้นใหม่นั้นจะถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิตอลซึ่งพร้อมใช้งานได้ทันทีเพื่อตอบสนองผู้ใช้ 50 ล้านราย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          #4: รูปแบบธุรกิจแบบใหม่จะประสบความสำเร็จ ภายในปี 2560 กว่า 20% ขององค์กรขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบจากนวัตกรรมทางโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่นี้ และจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานอย่างแน่นอน
          ในอดีตนั้นผลกระทบต่าง ๆ มักเกิดจากนวัตกรรมทางสินค้าและบริการ แต่อินเทอร์เน็ตและองค์ประกอบของแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 นั้น จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างรูปแบบการนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างไปจากเดิมได้ ในไม่ช้าธุรกิจแบบเดิมจะได้รับผลกระทบจากธุรกิจแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกิดจากการนำทรัพยากรที่ไม่ได้รับการใช้งานเต็มที่ต่าง ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน จนก่อให้เกิดสินค้า บริการ และตลาดใหม่ที่ตัวเองเป็นเจ้าของผู้เดียวได้
          Uber และ Airbnb เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของธุรกิจแบบใหม่ที่มีการขยายฐานลูกค้า และ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และกำลังสร้างผลกระทบต่อธุรกิจรูปแบบเดิม ไอดีซีคาดว่าจะพบเห็นธุรกิจใหม่ในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น และธุรกิจรูปแบบเดิมต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
          #5: รูปแบบใหม่ของการชำระเงิน ภายในปี 2560 ผู้นำในภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก 10 อันดับแรก จะมีการใช้การตรวจสอบหลายขั้นตอนสำหรับการชำระเงินในร้าน โดยระบบ Near Field Communication (NFC) สแกนนิ้วมือ และไร้สัมผัสจะมีบทบาทที่สำคัญ
ภายในตุลาคม 2561 นโยบาย "การปรับภาระความรับผิดชอบ" จะมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย และทำให้ร้านค้าทั่วประเทศต้องระวางโทษต่อการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตในร้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าการละเมิดความปลอดภัยนั้น ส่งผลกระทบต่อลูกค้านับล้านรายและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งร้านค้าปลีกในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นขนาดใดต่างก็มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
          เนื่องจากการซื้อขายส่วนมากนั้นเกิดขึ้นภายในร้าน แน่นอนว่าร้านค้าปลีกมีหน้าที่ป้องกันการฉ้อโกง ทั้งนี้ยังมีร้านค้าออนไลน์อีกหลายร้านต้องทำให้การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัยด้วย หนึ่งในช่องโหว่ที่พบบ่อยคือการตรวจสอบตัวตนโดยเฉพาะกระบวนการการตรวจสอบการชำระเงินและการอนุมัติ การตรวจสอบหลายขั้นตอนนี้สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการฉ้อโกงได้ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการเข้าถึงลูกค้าใดๆ ก็ตาม
          ในปี 2560 ร้านค้าปลีกรายใหญ่ต่าง ๆ จะนำระบบชำระเงินในบริเวณใกล้เคียงมาใช้โดยเฉพาะระบบที่ใช้ NFC ระบบดังกล่าวนี้จะช่วยผลักดันความสะดวกให้แก่การตรวจสอบหลายขั้นตอนอย่างมีนัยสำคัญ
          #6: เครื่องพิมพ์ประเภทสมาร์ทมัลติฟังก์ชัน ภายในปี 2561 เครื่องพิมพ์ประเภทสมาร์ทมัลติฟังก์ชัน (Multifunction Printers - MFPs) จะกลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ตอบโจทย์โซลูชันการพิมพ์จำนวนมากที่ใช้ในออฟฟิศขนาดใหญ่
          ไม่นานมานี้ องค์กรต่างๆ เริ่มนำเอารูปแบบความสามารถขั้นสูงเข้าไปใช้กับกลุ่มเครื่องพิมพ์ประเภทมัลติฟังก์ชันผ่านสถาปัตยกรรมโครงสร้างของอุปกรณ์ ซึ่งเริ่มต้นจากความสามารถในการสแกนแบบพื้นฐาน และ/หรือสามารถรองรับการจัดการด้านเอกสารทั่วไป อย่างไรก็ตาม ไอดีซีคาดว่าโซลูชันดังกล่าวจะได้รับการใช้งานแพร่หลายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนอุปกรณ์สำหรับพิมพ์หรือทำสำเนามาเป็นอุปกรณ์สำหรับดำเนินงานแบบอัจฉริยะของเครื่องพิมพ์ประเภทมัลติฟังก์ชัน จะเด่นชัดมากขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อองค์กรต่างๆ เริ่มคำนึงถึงขอบเขตความสามารถที่กว้างขึ้นของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้
          การซัพพอร์ทด้านความปลอดภัย โมบิลิตี้ และคลาวด์จะกลายเป็นมาตรฐานหลัก โดยฟีเจอร์เหล่านี้ต่างช่วยส่งเสริมโครงสร้างอุปกรณ์การพิมพ์ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุน และในขณะเดียวกันก็ยังผลักดันประสิทธิภาพขององค์กร องค์กรต่างๆ ที่ใช้งานเครื่องพิมพ์ประเภทนี้นั้นจะได้รับประโยชน์ทางธุรกิจสูงสุด
          #7: การเปลี่ยนสถานะของซัพพลายเออร์และพาร์ทเนอร์ ในปี 2563 กว่า 30% ของเวนเดอร์จะเปลี่ยนไปจากที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันที่กำลังเกิดขึ้นจะสร้างผลกระทบและแนวโน้มใหม่ๆ ตลอดจน ผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นในตลาด ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อซัพพลายเออร์ไอทีแบบดั้งเดิมและผลักดันให้ผู้เล่นรายใหม่กลายเป็นผู้นำในตลาด ในช่วงหลายปีข้างหน้านั้นเราจะพบเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเวนเดอร์ โดยหนึ่งในสามของซัพพลายเออร์ชั้นนำในปัจจุบันจะมีการควบรวมกิจการ ลดขนาด หรือเปลี่ยนสถานะอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างดังนี้
          จะมีผู้ให้บริการผ่านคลาวด์อยู่เพียงไม่กี่รายซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 75-80%
          กลุ่มเทคโนโลยีไอโอทีจะมีการควบรวมกิจการ
          บริษัทสตาร์ทอัพจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอีกมาก
          เนื่องจากแพลทฟอร์มที่ 3 และดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีข้างหน้า ซัพพลายเออร์บางส่วนนั้นจะประสบความสำเร็จ ในขณะที่บางส่วนนั้นจะดับสูญไป
          #8: การเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคที่มากขึ้นในวงกว้าง ในปี 2560 บริษัทไทยจะใช้บิ้กดาต้าเพื่อเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
          จากการใช้งานโมบิลิตี้ ออมนิแชนแนล และโซเชียลมีเดีย องค์กรในไทยนั้นประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น ผ่านการสร้างความผูกพันทางดิจิตอลกับลูกค้า ช่องทางเหล่านี้นั้นมีข้อมูลจำนวนมากซึ่งพร้อมสำหรับการวิเคราะห์เนื่องจากโครงสร้างและเครื่องมือที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกกว่าเมื่อก่อน หากแต่ว่าช่องทางเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เพราะขาดวิสัยทัศน์ และ ความรู้ความชำนาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ในเรื่องวิทยาศาสตร์ข้อมูลนี้ องค์กร และสถาบันการศึกษาได้รับรู้ถึงการขาดแคลนความชำนาญดังกล่าว และ เริ่มสร้างความเชี่ยวชาญที่จำเป็นออกสู่ตลาด ในขณะเดียวกันมีเพียงไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่เพิ่งจะเริ่มดำเนินกลยุทธ์บิ้กดาต้า ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2560 บริษัทจะสามารถนำแนวความคิด "การเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคที่มากขึ้นในวงกว้าง" มาใช้อย่างมีนัยสำคัญได้มากขึ้น
#9: เน็กซ์เจนเนอเรชันซีเคียวริตี้และการจัดการความเสี่ยง ภายในปี 2560 กว่า 30% ของฝ่ายไอที่ในองค์กรจะเปลี่ยนความสนใจจากการวางแนวกันด้านซีเคียวริตี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีระบบ มาเป็นการมุ่งเน้นการ "จำกัดและควบคุม" ความเสียหายแทน
          เมื่อองค์กรเริ่มกระบวนการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ย่อมมีการใช้งานเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 อย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งถึงแม้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะสามารถสร้างประโยชน์อย่างมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงขึ้นด้วย เนื่องจากทำให้ "พื้นที่" ที่สามารถถูกโจมตีได้ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งภัยคุกคามเองก็อันตรายขึ้นเรื่อย ๆ 
          นั่นหมายความว่าการสร้าง "แนวกั้น" เพื่อป้องกันการโจมตีนั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป ไอดีซีเชื่อว่าองค์กรจะเปลี่ยนแนวคิดเป็นการ "จำกัดและควบคุม" ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแทน ผ่านการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและเพิ่มการตรวจตราด้านซีเคียวริตี้มากขึ้น
          #10: กลุ่มธุรกิจประกันภัยจะเป็นผู้นำด้านไอโอที ภายในปี 2560 การเพิ่มขึ้นของงบประมาณด้านไอที และ จำนวนนวัตกรรมในกลุ่มธุรกิจประกันภัยจะสูงกว่ากลุ่มธุรกิจธนาคาร เนื่องมาจากโครงการไอโอทีในกลุ่มธุรกิจประกันภัยนั้นจะได้การลัดขั้นตอน
เราจะพบกรณีตัวอย่างการใช้งานไอโอทีในกลุ่มธุรกิจประกันภัยรถยนต์เป็นครั้งแรก ไอดีซีคาดว่าโซลูชันสำหรับรถยนต์นั้น จะเติบโตอย่างมากในอีกห้าปีถัดไป ซึ่งจะก่อให้เกิดสินค้าประกันภัยจากเทคโนโลยีเทเลมาติกส์ โปรเจคนำร่องที่ประสบความสำเร็จโดยบริษัทประกันภัยในระดับภูมิภาคจะส่งผลให้เกิดการนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้อย่างแพร่หลาย กรณีตัวอย่างอื่นๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีไอโอทีเพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและเชื่อมโยงกับเบี้ยประกันสุขภาพ และ การใช้เซ็นเซอร์ในการประกันอัคคีภัยและการขนส่งสินค้า
          นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวอีกด้วย การใช้งานคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในสำนักงาน และ บริการการจัดการนั้นช่วยผลักดันกลุ่มธุรกิจประกันภัยเข้าสู่แพลทฟอร์มที่ 3 ?ภายในปี 2559 นี้ ไอดีซีคาดว่าจะมีการอัพเกรดระบบหลักของภาคอุตสาหกรรมสามครั้ง ซึ่งจะผลักดันการใช้จ่ายด้านไอทีของกลุ่มอุตสาหกรรมให้เติบโตถึง 10% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจการธนาคารจะเติบโตเพียง 6%
          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการข้อมูลของไอดีซี กรุณาติดต่อ คุณจตุพร ศุภมงคลเศรษฐ์ที่ +662-645-2370 หรือ [email protected] หากต้องการนัดสัมภาษณ์กับคุณไมเคิล อาราเน็ตตา กรุณาติดต่อคุณศศิธร แซ่เอี้ยวที่ +662-645-2370 หรือ [email protected]


ข่าวไอดีซีประเทศไทย+ทรานส์ฟอร์เมชันวันนี้

ไอดีซีเผย 10 แนวโน้มดิจิทัลที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ในยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน

ไอดีซีประเทศไทยได้เปิดเผยการคาดการณ์ 10 แนวโน้มที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป ภายใต้รายงานชื่อ "FutureScapes 2018" โดยเน้นถึงผลกระทบจากการใช้งานเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 ที่มีต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อก้าวไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ไอดีซีประเทศไทยคาดการณ์ว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของทั้งองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อน

ไอดีซีประเทศไทยเปิดเผยการคาดการณ์ทางด้านไอทีชั้นนำสำหรับปี 2562 และปีต่อไป

ไอดีซีเปิดเผยการคาดการณ์อุตสาหกรรมทางด้านไอทีที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในปี 2562 และปีต่อไปว่า ภายในปี 2565 จีดีพีของประเทศจะเติบโตเป็น 61% ของ GDP ทั้งประเทศ ซึ่งเกิดจากการผลักดันให้มีการใช้จ่ายด้านไอที ประมาณ 72,000...

ไอดีซีจัดอันดับภูเก็ตและขอนแก่นติดอันดับท็อปสมาร์ทซิตี้ในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2561

ไอดีซีประเทศไทย ประกาศให้โครงการเมืองอัจฉริยะของจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัลโครงการเมืองอัจฉริยะยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ในการประกาศรางวัล IDC Smart City Asia Pacific ...

ไอดีซีคาดว่าปี 2559 จะเป็นปีแห่งคุณภาพของบริการ สำหรับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศไทย

ไอดีซีประเทศไทยคาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศจะทำให้เหล่าผู้ให้บริการหันมาแข่งขันด้านคุณภาพของการบริการ (Quality of Service – QoS) ภายหลังจากการแข่งขันด้านราคาในเบื้องต้น...

ไอดีซีประเทศไทยเผย ตลาดพีซีไทยหดตัวต่อเนื่องจนถึงจุดต่ำสุดในรอบ 7 ปีแล้ว

ไอดีซี ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดไอทีชั้นนำของโลก ได้เปิดเผยผ่านรายงานชื่อ IDC’s Asia/Pacific Quarterly PC Tracker ว่าตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในประเทศไทยนั้นได้หดตัวลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยในปี 2557...

ไอดีซีคาด แพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 จะกระตุ้นให้ตลาดไอซีทีไทยฟื้นตัวในปี 2558

ไอดีซีประเทศไทยได้เปิดเผยข้อมูลการคาดการณ์ 10 แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในภาคธุรกิจและภาคเทคโนโลยีของประเทศไทยในปี 2558 ในงานแถลงข่าวประจำปี โดยพบว่าตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) ในประเทศไทยในปีหน้านั้นมีแนวโน้มเติบโต...

ตลาดไอซีทีของไทยต้องหาแนวทางทำธุรกิจใหม่เพื่อพ้นจากความขัดแย้งด้านการเมือง – ไอดีซี ประเทศไทย

ตลาดไอซีทีของประเทศไทยจำเป็นจะต้องปรับตัวขนานใหญ่ โดยการเลี่ยงการพึ่งพางบลงทุนทางด้านไอซีทีจากภาครัฐฯ ให้ไปสู่แหล่งอื่นๆ ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตด้านการลงทุนใช้จ่ายแทน การปรับเปลี่ยนนี้เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำ...

ไอดีซีชี้ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้ตลาดแท็บเล็ตไทยโตสูงเป็นประวัติการณ์

ไอดีซีเปิดเผยผลการศึกษาตลาดแท็บเล็ตของประเทศไทยล่าสุดภายใต้รายงาน IDC's Worldwide Quarterly Tablet Tracker, 2Q 2012 พบว่าตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 127% และคิดเป็นการเติบโต 300% เมื่อเทียบกับช่วง...

ไอดีซีระบุตลาดมือถือไทยหดตัว 7% ตามปัจจัยทางฤดูกาลและการห้ามการนำเข้า

ไอดีซีเปิดเผยผลการศึกษาตลาดโทรศัพท์มือถือไทยล่าสุด ภายใต้รายงาน Asia/Pacific Quarterly Mobile Phone Tracker ซึ่งพบว่ายอดจัดส่งโทรศัพท์มือถือในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อยู่ที่ 5.3 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลา...