เนื่องด้วยอาชญากรรมสัตว์ป่าที่มากขึ้นได้กลายเป็นวาระการประชุมที่สำคัญในการประชุมของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ที่จัดขึ้น ณ กรุงเจนีวา ในสัปดาห์นี้การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของคณะกรรมการในการประชุมครั้งนี้สามารถผลักดันความพยายามยุติการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายเหล่านี้ในระดับสากลได้
          "การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาไซเตสครั้งที่ผ่านมาถือเป็นการประชุมที่มีประสิทธิผลที่สุดครั้งหนึ่ง แต่การประชุมที่กำลังจะจัดขึ้นในสัปดาห์นี้จะต้องมีประสิทธิผลมากยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ตราบเท่าที่เหล่าคณะกรรมการยังคงแน่วแน่และจริงจังในการดำเนินการเช่นเดิม" นายคาร์ลอส ดรูวส์ ผู้อำนวยการด้านงานอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ของโลกแห่ง WWF กล่าว
          โดยการประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาไซเตส ครั้งที่ 66 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 มกราคมนี้ จะเป็นการประชุมที่แน่นที่สุดจากทั้งสถิติผู้เข้าร่วมประชุมและวาระของการประชุมที่รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลากชนิดพันธุ์อย่าง ช้าง แรด เสือโคร่ง และฉลาม
          เนื่องจากในแต่ละปี มีช้างแอฟริกาถูกฆ่าเพื่อเอางากว่า 30,000 ตัว ทำให้ประเด็นการดำเนินการต่อต้านการค้างาช้างผิดกฎหมายถูกยกกลับมาเป็นวาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติใน 19 ประเทศ และเขตปกครองที่ถูกระบุว่ามีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการค้างาช้างผิดกฎหมายนี้
          "แผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับช้าง ซึ่ง WWF ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลอย่างมากต่อปัญหาการลักลอบล่าและค้าขายงาช้างผิดกฎหมาย" นายดรูวส์ หัวหน้าคณะผู้แทน WWF กล่าว "ถึงแม้ว่าในบางประเทศ อย่างประเทศไทย จะมีความก้าวหน้าในการดำเนินการอย่างมากแล้ว แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าประเทศใดทำได้ดีเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่แทบจะไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย"
          ในครั้งนี้ WWF ได้ยื่นรายการข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการ CITES ทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลแทนซาเนียและโมซัมบิก กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินงานตามแผนอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเรื่องบทลงโทษสำหรับประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญา อย่างไนจีเรีย แองโกลา และลาว
          นอกจากนี้ คณะกรรมการยังจะปรึกษาหารือกันถึงวิกฤตการลักลอบล่าแรดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย เหตุเพราะล่าสุดนามิเบียได้ออกมาประกาศว่าในปี 2558 ที่ผ่านมา ได้สูญเสียประชากรแรดให้กับการลักลอบล่าอย่างผิดกฎหมายถึง 80 ตัว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสถิติเดิมเพียง 25 ตัวในปีก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน รายงานเบื้องต้นเองก็บ่งชี้ว่าประชากรแรดในแอฟริกาใต้ถูกล่ามากกว่า 1,000 ตัว ติดต่อกันเป็นปีที่สามแล้วอีกด้วย
          "ถึงเวลาแล้วที่ CITES ควรจะเริ่มนำแนวทางดำเนินการอนุรักษ์พันธุ์ช้างมาประยุกต์ใช้กับการอนุรักษ์พันธุ์แรด โดยเร่งผลักดันและกดดันให้เกิดการดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง" ดร. โคลแมน โอ คริโอเดน ผู้เชี่ยวชาญการค้าสัตว์ป่า ของ WWF กล่าว"อย่างเช่นประเทศเวียดนามและโมซัมบิก ที่ควรจะตกลงกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการต่อต้านการค้านอแรดผิดกฎหมายได้เสียที และเร่งดำเนินการลดอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศเวียดนาม "
          นอกเหนือจากการอนุรักษ์พันธุ์ช้างและแรด คณะกรรมการจะทำการหารือกันถึงปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐในการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย การออกกฎระเบียบควบคุมการเพาะพันธุ์สัตว์ การเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายในประเทศเพื่อการอนุรักษ์พันธุ์และการค้าขายชนิดพันธุ์หายากอย่างตัวนิ่มและเสือชีตาห์ รวมถึงการค้าไม้ผิดกฎหมายจากมาดากัสการ์อีกด้วย
          "การค้าไม้ซุงผิดกฎหมายอย่างพืชตระกูลไม้พะยูง และ พืชตระกูลไม้พลับจากมาดากัสการ์นั้นร้ายแรงเทียบเท่ากับการค้างาช้างผิดกฎหมายจากแอฟริกา" ดร. โอ คริโอเดน กล่าว "มาดากัสการ์จะต้องเร่งหยุดยั้งการค้าผิดกฎหมายเหล่านี้ หรือถูกคว่ำบาตรการค้าภายใต้อนุสัญญา CITES"
                    
                            
                            "SMO" จับมือ "APM-FSS" โรดโชว์ จ.สุราษฎร์ธานี โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ
                        
                            "SMO" จับมือ "APM-FSS" ล่องใต้โรดโชว์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ
                        
                            "SMO" จับมือ "APM-FSS" ขึ้นเหนือโรดโชว์ จ.เชียงใหม่ โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ
                        
                            IN2IT (อินทูอิท) บริษัท เอเซียแปซิฟิค คอสเมติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) ประจำปี 2568
                        
                            "SMO" จัดงาน Analyst Meeting โชว์ศักยภาพธุรกิจ เตรียมความพร้อมก่อนเสนอขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น
                        
                            EXIM BANK เปิดตัว "หลักสูตร EXIM 2X รุ่นที่ 1 ปี 2568" ปั้น SMEs ไทยสู่เวทีการค้าโลก
                        
                            เผยโฉม "Macao week" ณ พาวิลเลียนประเทศจีน ในงาน World Expo 2025 เมืองโอซาก้า เริ่ม 2 ตุลาคมนี้
                        
                            กระทรวงการต่างประเทศร่วมขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล