โครงการนี้ประกอบด้วยการฝึกอบรม 2 ส่วน โดยนักเรียนที่มีปัญหาทางการได้ยินและที่หูหนวกจะได้เรียนรู้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และสื่อดิจิทัล ขณะที่ นักเรียนผู้ด้อยโอกาสจะได้เรียนรู้ทักษะการแปลล่ามภาษามือไทย ซึ่งตลอดระยเวลาการอบรมนั้น นักเรียนทุกคนจะต้องฝึกงานจริง เพื่อให้ได้รับประสบการณ์อันประเมินค่าไม่ได้และสร้างเครือข่ายสำหรับโอกาสในอนาคต
'เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ถวายงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และร่วมงานกับมูลนิธิราชสุดา เพื่อช่วยเหลือเยาวชนด้อยโอกาสและผู้มีปัญหาทางการได้ยินให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงาน เราเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเสริมสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็น จนนำไปสู่อนาคตที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนได้ในที่สุด' ม.ล. ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการและเจ้าหน้าที่อาวุโสบริษัท เจ.พี.มอร์แกน ประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวของมูลนิธิราชสุดามีขึ้นท่ามกลางการเติบโตและตลาดงานที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อสารมวลชนไทย โดยผลวิจัยของบริษัทบัญชี พีดับเบิ้ลยูซี ในปี 2558 นี้ ระบุว่า การสะพัดของเงินทุนในอุตสาหกรรมประเภทนี้จะเติบโตถึงร้อยละ 27.8 ภายในปี 2562 ขณะเดียวกัน ความต้องการในโฆษณาออนไลน์ การสมัครสมาชิกทีวี และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะเป็นปัจจัยกระตุ้นหลัก ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลก็เพิ่งออกมาตรการให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดหาล่ามภาษามือ เพื่อช่วยเหลือคนหูหนวกในท้องถิ่นต่างๆ แล้วด้วย โครงการล่าสุดของมูลนิธิราชสุดาจึงต้องการสร้างแรงงานคุณภาพให้กับอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตดังกล่าวเพื่อสอดรับกับตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ นอกจากนี้ การฝึกอบรมยังมีขึ้นเพื่อรองรับการบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งกำหนดให้ทุกบริษัทต้องจ้างงานคนพิการ อย่างน้อย 1 คน จากพนักงาน 100 คน หรือร่วมบริจาคในกองทุนเพื่อคนพิการ
'มูลนิธิราชสุดารู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับบริษัทเจ.พี.มอร์แกนในโครงการนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตของผู้มีปัญหาทางการได้ยินและผู้ด้อยโอกาส ในแง่โอกาสการทำงานที่เพิ่มขึ้น' ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ พูนพิศ อมาตยกุล เลขาธิการมูลนิธิราชสุดา กล่าว 'ด้วยพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปถัมภ์ และหลักการของมูลนิธิ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2535 มูลนิธิราชสุดายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและดำเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและเท่าเทียมในสังคม และเราหวังว่าโครงการล่าสุดนี้ จะช่วยต่อยอดให้เกิดการพัฒนาอย่างทั่วถึงด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรภาคเอกชน'
การเปิดตัวโครงการครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของบริษัท เจ.พี.มอร์แกน ที่จะช่วยเหลือชุมชนทั่วโลก โดยในแต่ละปี ทางบริษัทและมูลนิธิได้บริจาคให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ทั่วโลกราว 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อให้พนักงานในองค์กรได้ช่วยเหลือชุมชนของตนเองอีกด้วย ด้วยการใช้ทรัพยากรด้านต่างๆ ของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเงินทุน จุดแข็งของบริษัท ความครอบคลุมของเครือข่ายทั่วโลก และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
