กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพปี 2559 คาดไข้เลือดออกยังแรงจะพบผู้ป่วยถึง 1.6 แสนราย และไข้หวัดใหญ่กว่า 7.2 หมื่นราย ย้ำต้องเฝ้าระวังพิเศษใน 5 โรคและ 4 ภัยสุขภาพ โดยกำชับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าดูแลสุขภาพประชาชน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พยากรณ์โรคที่ต้องจับตามองและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในปี 2559 มี 5 โรคที่สำคัญ ได้แก่ ไข้เลือดออก อหิวาตกโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก และโรคไข้กาฬหลังแอ่น ส่วนภัยสุขภาพ 4 เรื่อง ได้แก่ ภัยจากเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส เด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำ ปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากหมอกควัน และการบาดเจ็บจากการจราจร
          วันนี้ (28 ธันวาคม 2558) ที่กรมควบคุมโรค นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมคณะผู้บริหารกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าว เรื่อง "กรมควบคุมโรค สรุปสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญปี 2558 และพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญ ปี 2559"
          นายแพทย์อำนวย กล่าวว่า ในปี 2558 มีเหตุการณ์สำคัญหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนไทย ดังนี้ 1.โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส ที่เกิดการระบาดขึ้นในเกาหลีใต้ และประเทศไทยก็พบผู้ป่วย 1 ราย 2.ปัญหาหมอกควันจากไฟป่าในอินโดนีเซีย ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนีในพื้นที่ภาคใต้ของไทย 3.โรคไข้เลือดออก ซึ่งพบผู้ป่วยสูงถึง 129,000 ราย 4.การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปี ทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในพื้นที่เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5.ปัญหาการบาดเจ็บจากการจราจร โดยมีผู้เสียชีวิต 341 รายในช่วงเทศกาลปีใหม่ และ 364 รายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และ 6.เหตุการณ์ในต่างประเทศ ได้แก่ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในภูมิภาคอาฟริกาตะวันตก ไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้าน และการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้วิเคราะห์สถานการณ์โรคในระบบเฝ้าระวังต่างๆ ที่ผ่านมา โดยวิธีอนุกรมเวลา (time series analysis) เพื่อวิเคราะห์จำนวนและช่วงเวลาการเกิดโรคต่างๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของการเกิดโรค และนำมาพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญในปี 2559 เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ของโรคที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 การพยากรณ์โรคติดต่อ และกลุ่มที่ 2 โรคไม่ติดต่อและภัยสุขภาพ โดยการพยากรณ์โรคติดต่อ มี 5 โรคสำคัญ
          ดังนี้ 1.โรคไข้เลือดออก ผลการวิเคราะห์คาดว่าปี 2559 จะมีผู้ป่วยประมาณ 166,000 ราย โดยจะพบผู้ป่วย 5,000-7,500 รายต่อเดือน และสูงขึ้นในฤดูฝนช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. อาจมากกว่า 25,000 รายต่อเดือน อำเภอที่เสี่ยงต่อการระบาดสูงทั้งสิ้น 228 อำเภอ ใน 56 จังหวัด กระจายอยู่ทุกภาค โดยเฉพาะพิ้นที่แหล่งชุมชน ซึ่งมีปัญหาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและการสุขอนามัยส่วนบุคคล 2.อหิวาตกโรค ในปี 2558 (1 ม.ค.-30 พ.ย. 58) พบผู้ป่วย 166 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยพบผู้ป่วยใน 13 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลและจังหวัดชายแดน ส่วนในปี 2559 คาดว่าจะยังพบผู้ป่วยอหิวาตกโรคต่อเนื่องโดยแบ่งความเสี่ยงเป็น 3 กลุ่มจังหวัด ดังนี้ 1) จังหวัดที่พบการเกิดโรคต่อเนื่อง คือ สงขลา ตาก และระยอง 2) จังหวัดเสี่ยงสูง คือจังหวัดชายแดนไทย-ตอนกลาง และตอนล่างของพม่า, จังหวัดชายฝั่งทะเล และจังหวัดใหญ่ที่เป็นจุดกระจายอาหารทะเล 3) จังหวัดอื่นๆ อาจเกิดโรคได้ หากประชาชนยังรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ 3.โรคไข้หวัดใหญ่ ในปี 2558 (1 ม.ค.-8 ธ.ค. 58) พบผู้ป่วย 69,798 ราย เสียชีวิต 37 ราย ส่วนในปี 2559 คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 72,000 ราย ซึ่งจะมีผู้ป่วย 5,000-8,000 รายต่อเดือนในช่วงฤดูหนาว ม.ค.-มี.ค. และปลายฝนต้นหนาว ส.ค.-พ.ย.) มี 9 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการระบาด ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา จันทบุรี ระยอง ตราด และภูเก็ต 4.โรคมือ เท้า ปาก ในปี 2558 (1 ม.ค.-8 ธ.ค. 58) พบผู้ป่วย 37,330 ราย เสียชีวิต 3 ราย ส่วนในปี 2559 คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 70,000 ราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน(มิ.ย.-ก.ค.) อาจพบผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายต่อเดือน และ 5.โรคไข้กาฬหลังแอ่น ในปี 2558 (1 ม.ค.-8 ธ.ค. 58) พบผู้ป่วย 28 ราย เสียชีวิต 12 ราย ซึ่งเป็นปีที่มีผู้ป่วยมากสุดในรอบ 5 ปี แยกเป็น คนไทย 24 ราย พม่า 3 ราย และกัมพูชา 1 ราย ส่วนในปี 2559 จากการประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรค มี 15 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เชียงใหม่ ตาก กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สระแก้ว ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สตูล สงขลา กระบี่ ปัตตานี และยะลา
          นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการพยากรณ์โรคไม่ติดต่อและภัยสุขภาพ มี 4 เรื่อง ดังนี้ 1.ภัยจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส โดยตั้งแต่ปี 2551-2558 พบผู้ป่วยหมดสติขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊ส รวม 13 เหตุการณ์ พบผู้ป่วย 23 ราย เสียชีวิต 6 ราย ส่วนในปี 2559 คาดว่าในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวของทุกปี (ม.ค.-ก.พ. 59) ประชาชนต้องระมัดระวังและเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงที่อาจจะเกิดภัยดังกล่าว 2.เด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำ โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2552-2557 มีแนวโน้มลดลงจาก 1,207 ราย เหลือ 812 ราย จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงคือจังหวัดที่มีคนจมน้ำเสียชีวิต 20 รายขึ้นไปต่อปี มีจำนวน 40 จังหวัด แม้ว่าการจมน้ำเสียชีวิตในเด็กจะมีแนวโน้มลดลง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2559 ก็ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะฤดูร้อนที่เป็นช่วงปิดเทอม(มี.ค.-พ.ค.) จะมีเด็กตกน้ำ จมน้ำสูงที่สุดในรอบปีของทุกปี และประมาณครึ่งหนึ่งเป็นการเกิดเหตุการณ์ที่แหล่งน้ำธรรมชาติ 3.การเสียชีวิตด้วยโรคทางเดินหายใจในช่วงปัญหาหมอกควัน ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2556-2557 พบว่าอัตราตายด้วยโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ หอบหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน (เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน พะเยา และแพร่) มีแนวโน้มสูงในเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งในภาคเหนืออากาศจะหนาวเย็นและมีหมอกควันหนาขึ้น อาจทำให้โรคดังกล่าวมีอาการกำเริบรุนแรงได้ และในปี 2559 ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าว และ 4.การบาดเจ็บจากจราจร ซึ่งพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์มีแนวโน้มคล้ายคลึงกัน คือช่วงปี 2549-2553 จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีแนวโน้มลดลง แต่หลังจากปี 2553 จำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มคงที่ประมาณ 321–366 รายในช่วงเทศกาลปีใหม่ และประมาณ 271–364 รายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และในปี 2559 ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 268–372 ราย และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 308–387 ราย
          สำหรับมาตรการในการดำเนินงานเพื่อปกป้องประชาชนจากโรคและภัยสุขภาพดังกล่าว กรมควบคุมโรค ได้มอบหมาย ให้หน่วยงานในสังกัด ทั้งหน่วยงานในส่วนกลางและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินการพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ตรวจจับ และคัดกรองโรคและภัยสุขภาพให้ได้อย่างรวดเร็ว การตอบโต้โรคและภัยอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พัฒนาศักยภาพด่านควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการพัฒนานักระบาดวิทยาภาคสนาม และการพัฒนาทีมสอบสวนโรคสหสาขาวิชาชีพเคลื่อนที่เร็ว ที่สำคัญการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคในปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด โรงเรียน และประชาชนทั่วไป เพื่อป้องกันและควบคุมโรค รวมถึงลดการระบาดของโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพปี 2559 คาดไข้เลือดออกยังแรงจะพบผู้ป่วยถึง 1.6 แสนราย และไข้หวัดใหญ่กว่า 7.2 หมื่นราย ย้ำต้องเฝ้าระวังพิเศษใน 5 โรคและ 4 ภัยสุขภาพ โดยกำชับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าดูแลสุขภาพประชาชน


กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพปี 2559 คาดไข้เลือดออกยังแรงจะพบผู้ป่วยถึง 1.6 แสนราย และไข้หวัดใหญ่กว่า 7.2 หมื่นราย ย้ำต้องเฝ้าระวังพิเศษใน 5 โรคและ 4 ภัยสุขภาพ โดยกำชับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าดูแลสุขภาพประชาชน กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพปี 2559 คาดไข้เลือดออกยังแรงจะพบผู้ป่วยถึง 1.6 แสนราย และไข้หวัดใหญ่กว่า 7.2 หมื่นราย ย้ำต้องเฝ้าระวังพิเศษใน 5 โรคและ 4 ภัยสุขภาพ โดยกำชับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าดูแลสุขภาพประชาชน

ข่าวสำนักงานป้องกันควบคุมโรค+อำนวย กาจีนะ อธิบดีวันนี้

ลุยน้ำ ย่ำโคลน เสี่ยง เลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) สคร. 12 สงขลา เตือน มีไข้ ปวดน่อง อย่าซื้อยาทานเอง ให้รีบพบแพทย์

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชน ระวัง โรคเลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมขัง หลังน้ำลด ไม่ควรเดินลุยน้ำ ย่ำดินโคลน พื้นที่ชื้นแฉะด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน แนะสวมรองเท้าบูททุกครั้ง หากมีไข้เฉียบพลันหลังลุยน้ำ 1-2 สัปดาห์ มีอาการปวดศีรษะ ปวดน่องและกล้ามเนื้อโคนขา อย่าซื้อยากินเอง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที โรคเลปโตสไปโรสิส (Leptospirosis) หรือโรคไข้ฉี่หนู เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย "เลปโตสไปร่า" (Leptospira) เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา เตือน ระวังป่วยโรค มือ เท้า ปาก พบบ่อยในเด็กเล็ก — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนระวังเด็กเล็กป่วยโรคมือ เท...

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา เตือน ระวังป่วยโรคเมลิออยโดสิส เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้...