ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์” ที่ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BBB+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ "BBB" โดยแนวโน้มยังคง "Stable" หรือ "คงที่" ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัท ตลอดจนความหลายหลายของธุรกิจ และงบการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้นหลังจากการเพิ่มทุน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง การลดลงอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมันดิบซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการให้บริการวิศวกรรมใต้ทะเลและการขุดเจาะนอกชายฝั่ง รวมถึงความเสี่ยงและผลงานที่ค่อนข้างสั้นในการซื้อกิจการของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตตราสารหนี้มีระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับเกินกว่า 20% หลังจากบริษัทรับมอบเรือวิศวกรรมใต้ทะเลและเรือขุดเจาะลำใหม่แล้ว
          แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจบริการนอกชายฝั่งจะสามารถรองรับความผันผวนของอุตสาหกรรมได้ในระยะปานกลาง ผลการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอ่อนแอลงในปี 2559 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและเมื่อบริษัทสามารถหาสัญญาจ้างสำหรับเรือวิศวกรรมใต้ทะเลและเรือขุดเจาะได้
          โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทนั้นค่อนข้างจำกัดจากมุมมองต่ออนาคตของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าและการให้บริการนอกชายฝั่งที่ยังคงอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากผลประกอบการของบริษัทดีกว่าที่ประมาณการเป็นระยะเวลานาน
          อันดับเครดิตของบริษัทหรือแนวโน้มอาจได้รับการปรับลดลงหากผลประกอบการของบริษัทหรือกระแสเงินสดถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวอาจเกิดได้จากสภาวะอุตสาหกรรมของเรือขนส่งสินค้าและการให้บริการนอกชายฝั่งที่อ่อนแอเป็นระยะเวลานาน หรือการรับเรือวิศวกรรมใต้ทะเลและเรือขุดเจาะในขณะที่ยังไม่มีสัญญาจ้าง และอัตราค่าจ้างเรือหรืออัตราการใช้งานของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งที่แย่กว่าที่ประมาณการไว้
          บริษัทโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ ก่อตั้งในปี 2525 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2538 ณ เดือนกันยายน 2558 ตระกูลมหากิจศิริมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นประมาณ 28% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นบริษัทลงทุนในธุรกิจหลัก 4 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลและขุดเจาะนอกชายฝั่งสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยในประเทศเวียดนาม และธุรกิจซื้อขายถ่านหิน โดยบริษัทมีรายได้เต็มปี ณ สิ้นปีบัญชีเดือนกันยายน 2558 อยู่ที่ประมาณ 21,400 ล้านบาท และมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งทะเลมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งสินค้ามีสัดส่วนคิดเป็น 30% โดยส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจค้าปุ๋ยและลงทุนต่าง ๆ
          สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยาวนานในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง โดย ณ เดือนกันยายน 2558 บริษัทมีเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวน 38 ลำ ในจำนวนนี้ 24 ลำเป็นเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของ และอีก 14 ลำเป็นเรือที่บริษัทเช่าใช้งาน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของค่าระวางเรือเป็นสำคัญ ภาวะชะลอตัวของการค้าในตลาดโลกและอุปทานส่วนเกินของเรือขนส่งสินค้าส่งผลให้ค่าระวางเรือลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยเฉพาะเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของนั้นลดลง 26% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งอยู่ที่ 6,752 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสดคิดเป็นประมาณ 5,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าระวางเรือจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในปี 2560 เนื่องจากสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีอัตรากำไร (จากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ของธุรกิจเรือขนส่งสินค้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงประมาณ 10% จาก 16% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
          ส่วนธุรกิจให้บริการวิศวกรรมนอกชายฝั่งของบริษัทนั้นดำเนินการโดย บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสิงค์โปร์ โดย ณ เดือนกันยายน 2558 บริษัทถือหุ้นในบริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ คิดเป็นสัดส่วน 58.2% บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ เป็นเจ้าของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลจำนวน 7 ลำและเรือขุดเจาะแบบ Tender จำนวน 2 ลำ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2558 บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ มีปริมาณงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ในธุรกิจให้บริการวิศวกรรมใต้ทะเลประมาณ 256 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในระหว่างปี 2558-2560 นอกจากนี้ บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ ยังมีบริษัทร่วมที่เป็นเจ้าของเรือขุดเจาะแบบ Jack-up อีกจำนวน 3 ลำ โดยเรือขุดเจาะทั้ง 3 ลำนั้นทำสัญญาจ้างงานกับ Saudi Aramco Oil Company และสามารถสร้างส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2556-2559 พร้อมทั้งมีทางเลือกในการต่อสัญญาอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในช่วงการขยายกองเรือโดยได้สั่งต่อเรือขุดเจาะแบบ Tender ลำใหม่จำนวน 2 ลำซึ่งคาดว่าจะได้รับการส่งมอบในปี 2559 อย่างไรก็ตาม เรือขุดเจาะดังกล่าวยังไม่มีสัญญาจ้างงานแต่อย่างใด
          จากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ณ ปัจจุบัน บริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซหลายแห่งได้เริ่มตัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการขุดเจาะนอกชายฝั่งลงพร้อมทั้งเริ่มเจรจากับผู้ให้บริการเพื่อขอลดอัตราค่าบริการ หากราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปเป็นระยะเวลานาน บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์จะเผชิญกับความยากลำบากในการหาสัญญาจ้างงานเพื่อชดเชยกับปริมาณงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบที่ลดลง และการหางานสำหรับเรือขุดเจาะลำใหม่ สถานะทางเครดิตของบริษัทจะได้รับผลกระทบในทางลบหากบริษัทเมอร์เมด มาริไทม์รับมอบเรือวิศวกรรมใต้ทะเลและเรือขุดเจาะลำใหม่โดยที่ยังไม่มีสัญญาจ้างงาน ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ นำส่งกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในสัดส่วนที่มากที่สุดแก่บริษัท
          ความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินของบริษัทเป็นปัจจัยบวกที่จะปกป้องบริษัทจากวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 7,300 ล้านบาทในช่วงต้นปี 2558 บริษัทยังมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมประมาณ 14,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณเงินกู้รวมของบริษัทที่ 14,600 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายส่วนทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 14,000-15,000 ล้านบาทในปี 2559 เพื่อใช้ซื้อเรือวิศวกรรมใต้ทะเล 1 ลำและเรือขุดเจาะ 2 ลำที่สร้างใหม่ โดยบริษัทวางแผนจะใช้เงินกู้ในการจ่ายชำระค่าเรือดังกล่าว
          สมมติฐานกรณีฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและการให้บริการนอกชายฝั่งน่าจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2560 โดยสถานะการเงินที่แข็งแรงของบริษัทน่าจะช่วยรองรับผลกระทบและทำให้บริษัทผ่านพ้นช่วงขาลงของอุตสาหกรรมไปได้ อัตรากำไรของบริษัทคาดว่าจะอ่อนแอลงในปี 2559 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 11%-13% ภายใต้สมมติฐานว่าบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ ได้รับสัญญาจ้างงานสำหรับเรือวิศวกรรมใต้ทะเลและเรือขุดเจาะลำใหม่ได้ในปี 2560 ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอย่างน้อย 2,000 ล้านบาทต่อปีโดยเฉลี่ย ในระหว่างปี 2559-2560 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 35%-38% หลังจากบริษัทซื้อเรือขุดเจาะแล้ว อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับเกินกว่า 4 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่สูงกว่า 10% โดยเฉลี่ย

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TTA176A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB
TTA187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
 
 

ข่าวโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์+ทริสเรทติ้งวันนี้

TRIS คงอันดับเครดิต TTA อยู่ที่ BBB+/Stable ต่อเนื่อง ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินและผลประกอบการที่ดีของธุรกิจหลัก

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด หรือ TRIS Rating ยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ TTA ที่ระดับ "BBB+" พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่งของ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง และธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง พร้อมคาดการณ์ว่าธุรกิจ ดังกล่าวจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริส

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาช... TRIS คงอันดับเครดิต TTA อยู่ที่ BBB+/Stable สะท้อนความแข็งแกร่งของ 2 ธุรกิจหลัก — บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ประกาศให้ทราบว่า บร...

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาช... TTA ยืนยันฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมลงทุนตามแผน — บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ตอกย้ำความมั่นคงทางการเงิน เพียงพอต่อแผนการลงท...

บริษัท วี เวนเจอร์ส เทคโนโลยี จำกัด (VVT)... วี เวนเจอร์ส ในเครือ TTA จับมือ DITTO ร่วมขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อบลูคาร์บอนเครดิต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions — บริษัท วี เวนเจอร์ส เทค...

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาช... TTA ประกาศผลประกอบการ ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,323.2 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งทำกำไรดีต่อเนื่อง — บริษัท โทรีเซนไทย เอเยน...

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาช... TTA ประกาศความสำเร็จขายหุ้นกู้หมดเกลี้ยง 800 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน — บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ประกาศความสำเร็จใน...

บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ กรุ... GreenWin (วินเขียว กทม.) โครงการเพื่อขับเคลื่อนการขับขี่อย่างยั่งยืนและลดมลพิษในกรุงเทพฯ — บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, บริษัท วีเ...

บริษัท พี80 โก จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท โท... พี 80 โก เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้า King Long รุ่น Dracon กระบะพันธุ์แท้ EV 100% พร้อมให้คุณสัมผัสก่อนใครที่งาน Motor Expo 2024 — บริษัท พี80 โก จำกัด ภายใต้กลุ่...

บริษัท พี80 โก จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท โท... P80 Go แต่งตั้งผู้จำหน่าย KING LONG กระบะพันธุ์แท้ EV 100% อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัวครั้งแรกในงาน Motor Expo 2024 — บริษัท พี80 โก จำกัด ภายใต้กลุ่มบริ...

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 บริษั... TTA ส่งเสริมเยาวชน ฝึกทักษะจัดการอารมณ์ของตนเอง เปิดใจกว้าง เคารพความแตกต่าง ผ่าน App Buddy Thai — เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 บริษัท โทรีเซนไทย เ...