ไทยพาณิชย์หนุนนโยบายรัฐ ร่วมลงนามปล่อยสินเชื่ออนุรักษ์พลังงานดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 4,500 ล้านบาท
ธนาคารไทยพาณิชย์ตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ร่วมโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Saving Loan) ของกระทรวงพลังงาน ด้วยการสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 3.5% หรือ Soft Loan เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยลดใช้พลังงานในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลดีต่อการอนุรักษ์พลังงานต่อประเทศชาติ
นายศิโรตม์ วิชยาภัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายผลิตภัณฑ์สินเชื่อลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า "ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานที่มีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากพลังงานถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และการดำรงชีวิตของประชาชน และตามที่กระทรวงพลังงานได้จัดทำโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Saving Loan) เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเงินสำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยธนาคารร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ระยะเวลาสินเชื่อสูงสุด 5 ปี วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาทต่อโครงการ ให้แก่ผู้ประกอบการ ที่สนใจลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดการใช้พลังงานไปจนถึงการลงทุนก่อสร้างอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งนี้ ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญต่อการอนุรักษ์พลังงานจึงได้เข้าร่วมให้การสนับสนุนโครงการมาอย่างต่อเนื่องและครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของธนาคารที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยรณรงค์ ให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน และประหยัดพลังงานให้กับประเทศ อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วยการลดต้นทุนในการทำธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยอีกด้วย"
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการคือ อาคาร/ โรงงานตามพรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในกรณีโรงงานผู้ที่เข้าข่ายการขอรับการสนับสนุนคือ การป้องกันการสูญเสียพลังงาน หรือนำพลังงานที่เหลือจากการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงระบบการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงตลอดจนระบบควบคุมการทำงานและวัสดุที่ช่วยในการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารผู้ที่เข้าข่ายการขอรับการสนับสนุนคือ การลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในอาคาร การใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่ช่วยอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) และอาคารก่อสร้างใหม่ที่ผ่านเกณฑ์อนุรักษ์พลังงาน
นายศิโรตม์ วิชยาภัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายผลิตภัณฑ์สินเชื่อลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า "ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานที่มีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากพลังงานถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และการดำรงชีวิตของประชาชน และตามที่กระทรวงพลังงานได้จัดทำโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Saving Loan) เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเงินสำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยธนาคารร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ระยะเวลาสินเชื่อสูงสุด 5 ปี วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาทต่อโครงการ ให้แก่ผู้ประกอบการ ที่สนใจลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดการใช้พลังงานไปจนถึงการลงทุนก่อสร้างอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งนี้ ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญต่อการอนุรักษ์พลังงานจึงได้เข้าร่วมให้การสนับสนุนโครงการมาอย่างต่อเนื่องและครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของธนาคารที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยรณรงค์ ให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน และประหยัดพลังงานให้กับประเทศ อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วยการลดต้นทุนในการทำธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยอีกด้วย"
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการคือ อาคาร/ โรงงานตามพรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในกรณีโรงงานผู้ที่เข้าข่ายการขอรับการสนับสนุนคือ การป้องกันการสูญเสียพลังงาน หรือนำพลังงานที่เหลือจากการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงระบบการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงตลอดจนระบบควบคุมการทำงานและวัสดุที่ช่วยในการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารผู้ที่เข้าข่ายการขอรับการสนับสนุนคือ การลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในอาคาร การใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่ช่วยอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) และอาคารก่อสร้างใหม่ที่ผ่านเกณฑ์อนุรักษ์พลังงาน
ข่าวสินเชื่ออนุรักษ์พลังงาน+ธนาคารไทยพาณิชย์วันนี้
กนง. ลดดอกเบี้ยมาที่ 1.75% และส่งสัญญาณว่านโยบายการเงินจะผ่อนคลายขึ้น SCB FM มอง กนง. จะลดดอกเบี้ยต่อ และบาทอาจอ่อนค่า
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า กนง. ลดดอกเบี้ยมาที่ 1.75% โดยหลังผลการประชุม เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพราะตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว สำหรับในระยะต่อไป กนง. ส่งสัญญาณว่าอาจลดดอกเบี้ยต่อได้ แต่ยังไม่ commit ว่าจะลดอีกเมื่อไหร่ ซึ่งทาง SCB FM มองว่า กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยอย่างเร็วอาจลดในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน มิ.ย. สำหรับมุมมองค่าเงินบาท SCB FM มองว่าในระยะสั้น เงินบาทอาจอ่อนค่าจาก Tariffs ที่อาจปรับสูงขึ้นอีก ทำให้เศรษฐกิจ
SCB WEALTHคว้า2รางวัลสุดยิ่งใหญ่บนเวทีระดับโลก3ปีซ้อน ตอกย้ำผู้นำด้านCIOและDigital innovation มุ่งสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนให้ลูกค้า
—
SCB WEALTH ประสบค...