"KOOL"เข้าเทรดวันแรก! แจกความสุขกันถ้วนหน้า ปิดตลาดทะยานแตะ2.74บาท ให้ผลตอบแทนกว่า52.22%

23 Sep 2015
"นพชัย วีระมาน"สุดปลื้ม หุ้น KOOL เข้าเทรดตลาด MAI วันแรก สร้างผลตอบแทนสุดประทับใจ ปิดตลาดที่ 2.74 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 52.22% เทียบจากราคา IPO1.80 บาท สะท้อนปัจจัยพื้นฐานแกร่ง สินค้าพัดลมไอน้ำ-พัดลมไอเย็น ยอดขายพุ่งทุกปี วางแผนปี"59 เตรียมเปิดตัวสินค้าพัดลมไอเย็นรุ่นใหม่ เจาะตลาดในครัวเรือน โชว์นวัตกรรมใหม่ ที่ทำความเย็นได้มากขึ้น กินไฟน้อยลง แต่ราคาถูกกว่าเดิม ยอดขายเติบโตโดดเด่น หลังได้เงินทุนเสริมความแข็งแกร่ง ด้าน บล.ทรีนีตี้ ชี้ราคายืนเหนือจองและให้ผลตอบแทนที่ดี เหตุนักลงทุนเชื่อมั่นอนาคตสดใส และมีราคาที่เหมาะสม
"KOOL"เข้าเทรดวันแรก! แจกความสุขกันถ้วนหน้า ปิดตลาดทะยานแตะ2.74บาท ให้ผลตอบแทนกว่า52.22%

บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (KOOL) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในวันนี้ (23 กันยายน 2558) โดยเปิดตลาดที่ระดับ3.54 บาท เพิ่มขึ้น 1.74 บาท หรือ 96.67% จาก IPO ที่ 1.80 บาทต่อหุ้น ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายราคาปรับตัวสูงสุดที่ 3.68 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 2.74 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.94บาท หรือ 52.22% จากราคา IPO โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,960,853 ล้านบาท

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (KOOL) เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก คงเป็นเพราะนักลงทุนมองเห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจของ KOOL จะขยายตัวได้อีกมาก จากปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มหันมาใช้พัดลมไอเย็นเป็นตัวเลือกในการแก้ปัญหาอากาศร้อนมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงแอร์กับพัดลมธรรมดาเท่านั้น และเชื่อว่าในอนาคตหากมีการทำการตลาดมากขึ้นผู้บริโภคจะรู้จักพัดลมไอเย็นมากยิ่งขึ้น ซึ่งการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น มีฐานทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้สามารถขยายธุรกิจต่อไปได้มากขึ้น ซึ่งสินค้าของ KOOL ยังประกอบด้วย พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ พัดลมอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้านวัตกรรมด้านโอโซน ที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัทลูก คือ อินโนว์ กรีน โซลูชัน จำกัด

"ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคได้หันมาสนใจในกระแสลดโลกร้อนมากขึ้น ซึ่งสินค้าพัดลมไอเย็นของแบรนด์ MASTERKOOL ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะทำความเย็นได้จริง ช่วยลดอุณหภูมิได้ แต่ประหยัดไปมากกว่าการใช้แอร์กว่า 10 เท่า โดยในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำความเย็นได้มากขึ้น แต่มีต้นทุนถูกลง และจะเน้นเจาะตลาดลูกค้าในครัวเรือน นอกจากนี้ กระแสด้านการรักสุขภาพก็ยังช่วยให้การตอบรับสินค้าโอโซนได้รับการตอบรับดี เพราะสามารถพัฒนาเป็นเครื่องล้างผัก ที่สามารถชำระล้างสารเคมีตกค้างในผักได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถพัฒนาไปสู่สินค้าและบริการอื่นๆ เช่น บำบัดน้ำเสีย และเครื่องดับกลิ่นรองเท้า เป็นต้น" นายนพชัย กล่าวในที่สุด

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความพร้อมด้านเงินทุนมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายการเติบโตในอนาคตก็จะสอดคล้องกับที่ผ่านมา โดย 3 ปีที่ผ่านมารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 40% ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้รายได้เติบโตขึ้นประมาณ 40%

ด้านนางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (KOOL) ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ KOOLสร้างผลงานได้น่าประทับใจ โดยให้ผลตอบแทนมากถึง 52.22%% ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่เหมาะสม ประกอบกับ KOOLเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และในอนาคตลูกค้าทั้งรายย่อยและองค์กรจะเติบโตควบคู่กัน อีกทั้งยังมีตลาดส่งออกที่มากถึงเกือบ 40 ประเทศ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น และเชื่อว่าหุ้น KOOL จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไปแล้ว

"ชื่อเสียงของ KOOL จากนี้ จะเป็นที่รู้จักและยอมรับมากยิ่งขึ้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการระดมทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง สามารถนำไปขยายธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าการเติบโตจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ดังนั้น KOOL จึงถือเป็นหุ้นน้องใหม่ที่น่าสนใจ และน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้" นางสาวสุธางค์ กล่าวในที่สุด

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit