นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาวสีรำส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศและนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายไปต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 (กรกฎาคม-กันยายน) ของ BRR ทำรายได้รวม 783 ล้านบาทและมีผลขาดทุน 7 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการส่งมอบน้ำตาลทรายในไตรมาสนี้ชะลอตัวลง หลังครึ่งปีแรกได้ทยอยส่งมอบน้ำตาลทรายไปให้ลูกค้าแล้วกว่า 70% อีกทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลทั้ง 2 แห่ง หยุดเดินเครื่องเพื่อบำรุงรักษาเครื่องจักรประจำปีและต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการซื้อกากอ้อยเพิ่มจากภายนอก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการคำนวณส่วนต่างราคาอ้อยเบื้องสุดท้ายตามเกณฑ์การประมาณใหม่ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ของทางราชการ และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง (ขนส่งน้ำตาลจากโรงงานไปท่าเรือ) เพื่อรอส่งออก ซึ่งส่งผลต่อรอบผลการดำเนินงานในงวดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 จะลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปีนี้ ที่บริษัทฯ ยังคงผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานได้ดี โดยทำกำไรสุทธิ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและมีรายได้รวม 3,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จของผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนนั้นมาจากประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการผลิตที่ดี โดยสามารถผลิตน้ำตาลทรายต่อตันอ้อย (ยิลด์) ได้ 119 กิโลกรัม สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ทำได้ 107 กิโลกรัมต่อตันอ้อยและการจำหน่ายน้ำตาลทรายส่งออกก็สามารถทำราคาได้สูงกว่าราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายในตลาดโลก รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทนในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 9.9 เมกะวัตต์ จำนวน 2 แห่ง สามารถเดินเครื่องและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของภาพรวมผลประกอบการของ BRR ในงวดนี้เติบโตได้ดีขึ้น
"ภาพรวมผลการดำเนินของ BRR ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากศักยภาพและประสิทธิภาพด้านการผลิตของเราที่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถผลิตน้ำตาลทรายต่อตันอ้อยได้สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศและการจำหน่ายน้ำตาลทรายส่งออกก็เป็นที่น่าพอใจ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของเราในการแข่งขันทั้งธุรกิจน้ำตาลทราย และธุรกิจพลังงานทดแทน" นายอนันต์ กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร BRR กล่าวว่า ส่วนภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเป็นปีที่ดีของ BRR ในแง่ของการผลักดันการเติบโตของผลประกอบการที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เนื่องจากใน ไตรมาส 4/58 บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากการส่งมอบน้ำตาลทรายในส่วนที่เหลือให้แก่ลูกค้า ประกอบกับโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลทั้ง 2 แห่งได้กลับมาเดินเครื่องอีกครั้งตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสและรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ที่เป็นช่วงของการใส่ปุ๋ยตามวงจรการเพาะปลูกอ้อย ทำให้ BRR สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่และจะเข้ามาช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
                            
                            ภาพข่าว: ECF ดีเดย์รับรู้ส่วนแบ่งลงทุนโรงไฟฟ้า PWGE นราธิวาส 7.5 เมกะวัตต์ 1 ก.ค.นี้ มั่นใจช่วยหนุนภาพรวมผลประกอบการ
                        
                            กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF)  ประเดิมจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.2450 บาทต่อหน่วย
                        
                            กองทุนรวม KBSPIF เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ชูโครงสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ภาครัฐระยะยาว ประมาณ 20 ปี
                        
                            กองทุน KBSPIF พร้อมนำหน่วยลงทุนเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 24 ส.ค. นี้ ชูโครงสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ภาครัฐ ด้วยสัญญาระยะยาว 20 ปี
                        
                            “กองทุน KBSPIF” เปิดจองซื้อหน่วยลงทุน 4-7 ส.ค. นี้  ผ่านธนาคารกรุงไทย และ เว็บไซต์ Money Connect
                        
                            กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี ระดมทุนไม่เกิน 2,800 ล้านบาท เข้าลงทุนในสิทธิประโยชน์การขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้าชีวมวล รวม 25.5 MW
                        
                             วว.จัดสัมมนาวิชาการผลิตพลังงานทดแทนชีวมวลขยะชุมชนโดยเทคโนโลยีสะอาด พร้อมแนะนำศูนย์สาธิตการผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวล/ขยะ @ สถานีวิจัยลำตะคอง
                        
                            “SAAM” ส่งซิกปี 2562 คาดรายได้เติบโตแข็งแกร่ง เดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่ายอีก 60 MW
                        
                            “SAAM” เปิดเทรดวันแรก 1.70 บาท พร้อมผงาดในเวทีโลก หนุนการเติบโตในอนาคต