แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ของบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการสะท้อนถึงความคาดหมายของ ทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถคงความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนทั้งในประเทศและในภูมิภาค อีกทั้งยังคงผลประกอบการที่เข้มแข็งไว้ได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้การทำกำไรในโรงพยาบาลใหม่ที่เข้ามาในเครือข่ายปรับตัวดีขึ้นและบริษัทสามารถรวมการดำเนินงานโรงพยาบาลเหล่านี้เข้าสู่เครือข่ายได้อย่างราบรื่น
อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับแรงกดดันให้ต้องปรับลดลงหากบริษัทมีการลงทุนโดยการก่อหนี้เชิงรุกหรือหากการทำกำไรของบริษัทแย่ลงเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทสามารถเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทปรับดียิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการเป็นผู้นำธุรกิจในฐานะผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 41 แห่ง ณ เดือนมิถุนายน 2558 บริษัทเน้นการรักษาในระดับตติยภูมิเป็นหลัก ในขณะที่ช่วงระยะหลังบริษัทได้ขยายฐานการรักษาไปยังระดับทุติยภูมิในพื้นที่ภูมิภาคบางส่วนมากยิ่งขึ้น ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลหลักของบริษัทจำนวน 5 ตราเป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มคนไทย คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ (19 แห่ง) โรงพยาบาลสมิติเวช (5 แห่ง) โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (1 แห่ง) โรงพยาบาลพญาไท (5 แห่ง) และ โรงพยาบาลเปาโล (3 แห่ง) ส่วนโรงพยาบาล 2 แห่งในประเทศกัมพูชาดำเนินงานภายใต้ชื่อ Royal International Hospital นอกจากนี้ บริษัทยังมีโรงพยาบาลอีก 6 แห่งที่ดำเนินงานภายใต้ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลท้องถิ่นด้วย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีความสามารถในการให้บริการผู้ป่วยในทั้งสิ้น 5,534 เตียง โดยฐานลูกค้าของบริษัทครอบคลุมกลุ่มคนไข้ระดับกลางถึงระดับบนในหลากหลายทำเล
ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความหลากหลายทั้งในด้านบริการ ฐานลูกค้า และทำเลที่ตั้ง บริษัทมีเครือข่ายระบบส่งต่อผู้ป่วยที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นแหล่งรวมบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ การประหยัดจากขนาดจากการใช้บริการห้องปฏิบัติการ ตลอดจนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือทางการแพทย์หลักร่วมกันในกลุ่มก่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้ต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่งซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของจำนวนคนไข้ในเครือข่ายโรงพยาบาลของบริษัท รวมทั้งจากการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาล ระดับความรุนแรงของโรคที่สูงขึ้น และการรวมรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ควบรวมเข้ามา รายได้จากการดำเนินกิจการโรงพยาบาลของบริษัทในช่วงปี 2552-2557 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ระดับ 20% โดยบริษัทมีการเติบโตจากโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิมในอัตรา 8% ในปี 2557 และ 5% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 รายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลสำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ 28,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากผู้ป่วยประมาณ 55% มาจากผู้ป่วยใน และที่เหลือมาจากผู้ป่วยนอก ส่วนรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยที่ชำระเงินเองมีประมาณ 64% ของรายได้รวม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 โรงพยาบาลมีความสามารถในการให้บริการผู้ป่วยนอกจำนวน 24,600 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรองรับผู้ป่วยในจำนวน 3,499 เตียงต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่สำคัญในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก โดยบริษัทวางแผนจะขยายเครือข่ายโรงพยาบาลในเครือให้ถึง 50 แห่งภายในปี 2561 ด้วยการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่และการซื้อกิจการโรงพยาบาลอื่น ๆ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านจนถึงเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทได้เพิ่มโรงพยาบาลในเครือข่ายจำนวน 11 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ โรงพยาบาลสนามจันทร์ โรงพยาบาลเทพากร โรงพยาบาลสิริโรจน์ โรงพยาบาล Royal Phnom Penh โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น โรงพยาบาลเมืองเพชร โรงพยาบาลศรีระยอง โรงพยาบาลดีบุก โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์ และโรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี ซึ่งโรงพยาบาลใหม่เหล่านี้ทำให้เครือข่ายของบริษัทมีจำนวนเตียงเพิ่มขึ้นถึง 1,700 เตียง
ในช่วงกลางปี 2558 บริษัทได้ซื้อโรงพยาบาลเมืองราชซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 125 เตียงที่ตั้งอยู่ในจังหวัดราชบุรี โดยได้มีการรับโอนกิจการทั้งหมดแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 นอกจากนี้ บริษัทกำลังสร้างโรงพยาบาลใหม่อีก 2 แห่งด้วย คือ โรงพยาบาลเปาโล รังสิต และโรงพยาบาลจอมเทียน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2559 และ 2561 ตามลำดับ บริษัทจะเพิ่มโรงพยาบาลใหม่อีก 6 แห่งในหลายภูมิภาคของประเทศตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำการซื้อที่ดินผืนใหม่ใกล้กับโรงพยาบาลหลักของบริษัทบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่เพื่อการขยายธุรกิจในอนาคต เครือข่ายโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งของบริษัทจะเสริมสร้างสถานะทางการแข่งขันของบริษัทให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมการให้บริการด้านสุขภาพทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ดี ตลอดจนความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น และสภาพคล่องที่เพียงพอ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) เพิ่มขึ้นจาก20.4% ในปี 2556 เป็น 21.5% ในช่วงปี 2557 และ 21.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 โดยเป็นผลมาจากการทำกำไรที่แข็งแกร่งของโรงพยาบาลหลักของบริษัทและความพยายามในการควบคุมค่าใช้จ่าย ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลใหม่ในเครือบางแห่งจะยังไม่ทำกำไร แต่บริษัทก็พยายามปรับกระบวนการภายในของโรงพยาบาลใหม่ให้ได้ระดับมาตรฐานของบริษัทพร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทปรับดีขึ้นจาก 9,007 ล้านบาทในปี 2556 มาที่ 10,832 ล้านบาทในปี 2557 และ 5,807 ล้านบาทสำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2558 สภาพคล่องของบริษัทมีความแข็งแกร่งโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมซึ่งอยู่ที่ 34.2% ใน 2557 และ 35.9% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558
ในช่วงปี 2559-2561 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตในอัตรา 8%-10% ต่อปี โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจจะมาจากการเติบโตของจำนวนผู้ป่วยและโรงพยาบาลแห่งใหม่ในเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะอยู่ในช่วง 21%-22% โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลใหม่จะปรับดีขึ้นและสร้างกำไรในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วง 12,000-14,000 ล้านบาทต่อปี
ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 22,801 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 31,144 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 40% มาตั้งแต่ช่วงปี 2555 ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เนื่องจากบริษัทมีฐานทุนขนาดใหญ่และมีการบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างระมัดระวัง ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนโดยรวมประมาณ 27,500 ล้านบาทในช่วงปี 2559-2561 ซึ่งหากรวมเงินลงทุนที่คาดไว้ดังกล่าวแล้ว อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนน่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 45% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BDMS166A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-
BDMS233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA-
BDMS256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
                            
                            BDMS เสริมแกร่งด้านความยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากสีเขียวของยูโอบี
                        
                            BDMS บุกตลาดซาอุฯ ชูจุดแข็งเครือข่ายธุรกิจสุขภาพแบบครบวงจร
                        
                            BDMS Career Day ครั้งแรกกับตลาดงานด้านสุขภาพ เปิดรับตำแหน่งในธุรกิจ Healthcare กว่า 400 อัตรา 26 พ.ค. นี้
                        
                            BDMS Career Day ครั้งแรกกับตลาดงานด้านสุขภาพ เปิดรับตำแหน่งในธุรกิจ Healthcare กว่า 400 อัตรา 26 พ.ค. นี้
                        
                            แพทย์ชี้ผลกระทบฝุ่น PM 2.5 เสี่ยงต่อโรคหัวใจ
                        
                            BDMS PREVENTIVE ป้องกัน เพื่อรู้ทันร่างกาย ตรวจเช็กจังหวะของหัวใจและสัญญาณความเสี่ยงมะเร็ง
                        
                            BDMS จัดเวทีพูดคุยสด กับผู้ว่าฯ "ชัชชาติ" แลกเปลี่ยนมุมมองความคิด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Health Brings Wealth
                        
                            BDMS ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ "DJSI" 2 ปีซ้อน
                        
                            ครั้งแรกกับการผนึกกำลังจากสององค์กรยักษ์ใหญ่ BDMS และทีเอ็มบีธนชาต เพื่อสนับสนุนโครงการสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไทย ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล