อยากรู้ไหมว่า...! คุณเป็นโรคกรดไหลย้อนจริงหรือเปล่า ?

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          โรคการไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมาหลอดอาหาร หรือที่นิยมเรียกว่า โรค กรดไหลย้อน ( Gastro-Esophageal Reflux Disease; GERD ) คือภาวะที่มีกรดหรือน้ำย่อยใน กระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณ หลอดอาหาร ซึ่งหลอดอาหารเป็นอวัยวะที่ไม่ทนต่อกรด จึงทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร ซึ่งจะตรวจพบได้ประมาน 1 ใน 5 คน พบในคนทั่วไป ทุกกล่ม ทุกช่วงอายุ แต่จะพบได้มากในคนอ้วน หรือสูบบุหรี่ และการไหลย้อนของกรด ถ้ามีมาก อาจไหลออกนอกหลอดอาหาร อาจทำให้มีผลต่อกล่องเสียง ลำคอ หรือปอดได้ ซึ่งหากละเลยไม่ไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษา อาจทำให้เรื้อรังกลายเป็น มะเร็งหลอดอาหาร ได้
          จะมีอาการอย่างไร ?
          อาการ ในหลอดอาหาร :
          • ปวดแสบปวดร้อนในหน้าอก หรือที่เรียกว่า Heart Burn เนื่องจากกรดไปทำให้หลอดอาหารอักเสบ
          • มีอาการจุกแน่นบริเวณหน้าอก เหมือนมีก้อนติดอยู่ในลำคอ หายใจไม่ออกเวลานอน
          • มีอาการเรอเปรี้ยว หรือรู้สึกถึงรสขมของน้ำดี รสเปรี้ยวของกรดในปากหรือลำคอ
          • กลืนอาหารลำบาก
          • คลื่นไส้
          อาการ นอกหลอดอาหาร บริเวณกล่องเสียงและหลอดลม :
          • ไอเรื้อรัง เจ็บคอเรื้อรัง
          • เสียงแหบ โดยเฉพาะในตอนเช้า เนื่องจากเวลานอน กรดจะไหลย้อนขึ้นมาได้มาก
          • เป็นโรคปอดอักเสบ เจ็บหน้าอก
          จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน จริงหรือเปล่า ?
          วีธีการตรวจแบบเดิม
          • การกลืนแป้งตรวจกระเพาะ
          • การส่องกล้องตรวจกระเพาะ
          เป็นการตรวจเบื้องต้นเพียงแค่ดูความบาดเจ็บของเนื้อเยื่อเท่านั้น ไม่สามารถบอกปริมาณกรดที่ไหลย้อนได้
          เทคนิคใหม่ในการตรวจวัดกรดไหลย้อนในหลอดอาหาร
          • ตรวจวัดกรดที่หลอดอาหาร 24 ชั่วโมง ด้วยการใส่สายวัดกรดที่หลอดอาหาร เป็นการวินิจฉัยกรดไหลย้อนที่แม่นยำที่สุด
          ทำไมต้องตรวจวัดกรดไหลย้อนในหลอดอาหาร ?
          การตรวจวัดกรด หรือน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนเข้ามาในหลอดอาหารตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน และเป็นเทคโนโลยีใหม่ โดยการใส่สายตรวจที่เป็นสายขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 2 มิลลิเมตร ผ่านจมูกแล้วค้างไว้ที่หลอดอาหารนาน 24 ชั่วโมง ที่สายจะมีตัวบันทึกค่าความเป็นกรดนำเข้าเครื่องอ่านเพื่อแปลผล และทราบผลได้ทันที ทำให้ทราบว่า
          • อาการที่เป็นใช่โรคกรดไหลย้อนจริงหรือไม่
          • มีกรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารเป็นจำนวนครั้ง และระยะเวลานานมากกว่าปกติหรือไม่
          • การเกิดกรดไหลย้อนสัมพันธ์กับการเกิดอาการของผู้ป่วยหรือไม่
          • การให้ยาเพื่อรักษาโรคกรดไหลย้อน สามารถควบคุมโรคได้เพียงพอหรือไม่
          ใครบ้างที่ต้องรับการตรวจด้วยเครื่องวัดกรดไหลย้อน (24 hr Gastric pH monitoring) ?
          • ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ที่กินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
          • ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนที่หยุดยา ลดกรดไม่ได้ อาการจะกำเริบทันที
          • ผู้ป่วยอายุน้อยที่ไม่อยาก กินยาต่อไประยะเวลานาน
          • ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก คล้ายเป็นโรคหัวใจ แต่ตรวจแล้วว่าไม่เป็นโรคหัวใจ
          • ผู้ป่วย ที่มีอาการเสียงแหบเรื้อรัง , เหมือนมีก้อนที่คอ , แสบคอ ที่ได้รับการตรวจแล้วจากแพทย์ หูคอจมูก ไม่พบความผิดปกติใดๆ
          • ผู้ ป่วยที่ส่องกล้องแล้วพบว่า ปลายหลอดอาหารมีการอักเสบที่รุนแรง
          ขั้นตอนสำคัญอันดับแรกในการรักษาโรค คืออะไร ?
          การวินิจฉัยโรคให้ถูกต้องแม่นยำเสียก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถึงจะรักษาโรคนั้นให้หายขาดได้ การที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยนี้ ทำให้สามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโรค กรดไหลย้อนได้อย่างถูกต้อง แน่นอน ทราบผลทันที ต่างจากในอดีตที่ได้แต่ปรับยาไปเรื่อยๆ และยังทำให้การทำนายผลการวินิจฉัยโรคต่างๆ ถูกต้องชัดเจน เป็นข้อมูลให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวางแผนดูแลสุขภาพผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม ทำให้คุณภาพชีวิต และสภาพจิตใจของผู้ป่วยกรดไหลย้อนจะดีขึ้น

อยากรู้ไหมว่า...! คุณเป็นโรคกรดไหลย้อนจริงหรือเปล่า ?

ข่าวโรงพยาบาลรามคำแหง+โรคกรดไหลย้อนวันนี้

ปรับพฤติกรรมการกินสักนิด พิชิตกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนมีสาเหตุมาจากหูรูดกระเพาะอาหารบางส่วนผิดปกติทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหาร ภาวะเช่นนี้ส่งผลให้เกิดอาการที่เรียกว่า Heart Burn นั่นคือความรู้สึกจุกแน่น ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกไปจนถึงลิ้นปี่ เปรี้ยวหรือขมในคอ เรอบ่อย โดยอาจมีอาการเวียนหัวและคลื่นไส้ร่วมด้วย การหลีกเลี่ยงกรดไหลย้อนนั้นทำได้ไม่ยาก แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ทั้งเรื่องปริมาณและชนิดของอาหาร ไม่ทานอาหารรสเปรี้ยว เผ็ด อาหารหมักดอง อาหารมัน อาหารย่อยยาก ชา กาแฟ น้ำอัดลม ฯลฯ รวมทั้งควรงดทานอาหารก่อน

วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00-1... สภากาชาดไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลรามคำแหงเชิญร่วมบริจาคโลหิตครั้งที่ 55 — วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00-15.00 น. (พักเที่ยง 12.00-13.00 น.) ห้องประช...

"เสียงไม่หาย แคลเซียมไม่ตก ผ่าตัดไทรอยด์ป... "เสียงไม่หาย แคลเซียมไม่ตก ผ่าตัดไทรอยด์ปลอดภัยขึ้น!" ด้วยเทคโนโลยี PTeye & Nerve Monitoring — "เสียงไม่หาย แคลเซียมไม่ตก ผ่าตัดไทรอยด์ปลอดภัยขึ้น!" ด...

นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที... THG เฮ! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน — นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า ...

สภากาชาดไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลรามคำแหงเชิญ... สภากาชาดไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลรามคำแหงเชิญร่วมบริจาคโลหิต ครั้งที่ 54 — สภากาชาดไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลรามคำแหงเชิญร่วมบริจาคโลหิต ครั้งที่ 54 วันจันทร์ ที่ ...

ก้อนหินปูนที่อัณฑะ (Scrotal calcinosis) โ... เรื่องลับๆ ของผู้ชาย ที่ควรรู้ : ก้อนหินปูนที่อัณฑะ — ก้อนหินปูนที่อัณฑะ (Scrotal calcinosis) โรคนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง สีขาว ขอบเรียบ ไม่เจ็บ ไม่คัน ...

โรงพยาบาลรามคำแหง ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ อ... อบรม "ครรภ์คุณภาพ 2025 Healthy Moms and Babies" วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2568 — โรงพยาบาลรามคำแหง ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 7-9 เดือน เข้าร่วมงานอบรม ...

ดร. ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ CEO กลุ่มบริษัท โร... ดร.ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ ได้รับรางวัล Best Women CEO in Strategic Leadership - Healthcare — ดร. ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ CEO กลุ่มบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหงและบริษัท...