ขณะเดียวกันฟิทช์ได้ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ของSCCCมูลค่ารวมไม่เกินสี่พันล้านบาทครบกำหนดไถ่ถอนปีพ.ศ. 2567 และ 2569ที่ระดับ'A(tha)'เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ของ SCCC ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนหนี้ลงทุนขยายธุรกิจ และใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการโดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของSCCCเนื่องจากมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของSCCC
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้น– ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯวัดโดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) จะเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.5-2.0 เท่าในปี2559-2560จาก 0.9เท่า ในปี2558SCCC มีแผนการใช้เงินลงทุนที่สูงสำหรับการขยายกำลังการผลิต และการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศโดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากการกู้ยืมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ระดับหนี้สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและส่งผลให้ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทฯ ในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันลดน้อยลงอย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ SCCC น่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินให้มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.5เท่า ได้ในช่วงสามถึงห้าปีข้างหน้า
ตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง– SCCCเป็นบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับร้อยละ27โดยวัดจากยอดขาย ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ จะสามารถปกป้องตำแหน่งทางการตลาดของตนเองไว้ได้ แม้ว่าคู่แข่งในประเทศจะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นโดยอาศัยชื่อเสียงของตราสินค้าประเภทปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จที่เป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานของบริษัทฯ นอกจากนี้ อัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างสูงน่าจะมีส่วนช่วยให้บริษัทฯมีความยืดหยุ่นในการปรับราคาสินค้าเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง
การแข่งขันที่สูงส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนกำไร– ฟิทช์มองว่าการแข่งขันในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะรุนแรงขึ้นในปี 2559 จากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาในตลาด อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA margin)ของ SCCC น่าจะลดลงเนื่องจากการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดโดยฟิทช์คาดว่า EBITDA margin ของบริษัทฯ จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ21-22ในปี 2559 จากที่เคยอยู่ที่ระดับร้อยละ 23-24ในปี 2556-2558ซึ่งน่าจะเป็นการปรับลดลงชั่วคราวจนกว่าอุปสงค์ในประเทศจะเติบโตขึ้นและรองรับอุปทานที่เพิ่มขึ้นได้ในปี 2560
ผลการดำเนินงานมีความอ่อนไหวต่อราคาพลังงาน– อัตราส่วนกำไรของบริษัทฯมีความอ่อนไหวต่อระดับราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาถ่านหินและไฟฟ้าต้นทุนเชื้อเพลิงและไฟฟ้าโดยทั่วไปจะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ70ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดในปี2558ราคาถ่านหินได้ปรับตัวลดลงเกือบร้อยละ 20จากปีก่อนฟิทช์คาดว่าราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลงอีกในปี 2559 เนื่องจากกำลังการผลิตส่วนเกินยังคงกดดันระดับราคาอยู่โดยในช่วงสามถึงสี่ปีข้างหน้าราคาถ่านหินน่าจะทยอยปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การมีตลาดหลักเพียงตลาดเดียว– อันดับเครดิตของบริษัทฯถูกจำกัดจากการที่บริษัทฯมีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ค่อนข้างน้อยโดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทฯมาจากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกันภายในประเทศเป็นหลัก
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- ปริมาณการขายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นแต่ระดับราคาขายโดยเฉลี่ยลดลงในปี2559
- มีการประมาณการรายได้ส่วนเพิ่มจากการที่ SCCC วางแผนจะซื้อบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศไทยและบังคลาเทศ
- สัดส่วนรายได้จากการส่งออกยังคงอยู่ในระดับประมาณร้อยละ20-25 ในปี2559และลดลงในปี2560จากปริมาณการขายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น
- EBITDA margin ลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ21-22ในปี2559และปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับร้อยละ22-23ในปี2560
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน4,000-8,000ล้านบาทต่อปีในปี2559-2560
- อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) ประมาณร้อยละ70-80
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีความเป็นไปได้น้อยในช่วง2-3ปีข้างหน้าเนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้นสำหรับการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคตได้แก่
- การเพิ่มขึ้นของขนาดธุรกิจและการกระจายตัวของแหล่งรายได้อย่างมีนัยสำคัญโดยที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า1.25เท่า
ปัจจัยลบ:
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องหรือมีการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนหรือการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าที่คาดซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) สูงกว่า2.25เท่าอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง LBM ในเครือปูนอินทรีเปิดวิสัยทัศน์ "Innovating Sustainable Building Solutions" ขับเคลื่อนแนวทางวัสดุก่อสร้าง ตอบโจทย์เทรนด์ก่อสร้างยุคใหม่สู่ความยั่งยืน
บริษัท คอนวูด จำกัด ภูมิใจคว้ารางวัล "อุตสาหกรรมสีเขียว" ระดับที่ 4 ปี 2568 จากกระทรวงอุตสาหกรรม
KKP ลงนามความร่วมมือกับ ปูนอินทรี และ เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ หนุนอสังหาฯ ไทย ลดการปล่อยคาร์บอน ปรับตัวสู่ความยั่งยืน
INSEE LBM เปิดตัวนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างเพื่ออนาคต ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืนในงาน "สถาปนิก'68"
พฤกษา ผนึก ปูนซีเมนต์นครหลวง ปลดล็อกนวัตกรรมก่อสร้างสีเขียว ตอบโจทย์บ้านคุณภาพยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือครั้งสำคัญ ปูนซีเมนต์นครหลวง ร่วมกับ เอสวีแอล กรุ๊ป ปิดดีลใหญ่ ขนส่งปูนซีเมนต์สู่ภาคใต้
ปูนซีเมนต์นครหลวง จับมือ เอสวีแอล กรุ๊ป ปิดดีลใหญ่ เสริมแกร่งโลจิสติกส์ ขนส่งปูนซีเมนต์สู่ภาคใต้
บี.กริม เพาเวอร์ ลงนาม MOU ปูนซีเมนต์นครหลวง ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยพลังงานสะอาด
บมจ ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำบริษัทธรรมาภิบาลต้านทุจริตคอร์รัปชัน