จากจอเงินสู่จอแก้ว!!! เดี่ยว-ชูพงษ์ คงสไตล์การบู๊ในแบบของตัวเอง

05 Apr 2016
เพราะเคยผ่านงานภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่าง องค์บาก, เกิดมาลุย, เสือร้องไห้, คนไฟบิน, ส้มตำ, ปืนใหญ่โจรสลัด, องค์บาก 2-3, เร็วทะลุเร็ว, และ ขุนพันธ์ แถมยังหมดสัญญากับต้นสังกัด ทำให้ผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง โอริเวอร์ บีเวอร์ ส่งเทียบเชิญให้พระเอกและนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นมากฝีมือดีอย่าง เดี่ยว-ชูพงษ์ ช่างปรุง ศิษย์เอกของ อาจารย์พันนา ฤทธิไกร โดดรับงานละครเรื่องแรก "ขุนกระทิง" ของค่ายไนน์บีเวอร์ฟิล์ม โดยให้มารับบทเป็น "เลกงวิน" บอดี้การ์ดประจำตระกูลเมฆิน อดีตทหารรับจ้างฝีมือดี เชี่ยวชาญการต่อสู้เป็นที่สุด ในแวดวงละคร เดี่ยวถือเป็นน้องใหม่ในวงการ เพราะเพิ่งมารับงานละครเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าการโดดมารับละครคราวนี้ไม่ธรรมดา เพราะพกพาเอาสไตล์การบู๊ในแบบของตัวเองมาลงจอด้วย รวมถึงเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งแนวความคิดในแบบของเขาที่คุณจะได้รู้จักตัวตนเขามากขึ้น!!!
จากจอเงินสู่จอแก้ว!!! เดี่ยว-ชูพงษ์ คงสไตล์การบู๊ในแบบของตัวเอง

@มาเล่นละครเรื่อง ขุนกระทิง ได้อย่างไร

เป็นละครเรื่องแรกครับ ซึ่งพี่เวอร์ (โอริเวอร์ บีเวอร์) ก็ติดตามผลงานของผมอยู่ พอผมหมดสัญญากับสหมงคลฟิล์ม ก็เลยออกมารับงานเอง แต่ยังไม่ค่อยมีใครรู้ แล้วพอดีผมสนิทกับทาง พี่โหน่ง-กฤษณพงศ์ ราชธา (ผู้กำกับฯ คิวบู๊) ก็เลยบอกทางพี่เค้าไป ซึ่งจริงๆ พี่โหน่งอยากจะให้มาเล่นตั้งแต่เรื่อง เนตรนาคราช แล้ว แต่ยังติดสัญญา พอมาเรื่องนี้ก็เลยได้มาเล่น ตอนนี้ผมก็รับงานฟรีแลนซ์เต็มตัว ซึ่งพอได้มาลองสัมผัสการแสดง ผมว่าในส่วนของแอ็คชั่น มันก็ไม่ได้ต่างกันนะครับ เพราะว่าทางพี่โหน่งก็มาจากสายหนัง คือเป็นหลานของอาจารย์พันนา ฤทธิ์ไกร การถ่ายทำทุกอย่างจะเหมือนหนังเลย สไตล์การบู๊ก็ยังคงเป็นตัวตนของเราครับ คือในภาพยนตร์ผมจะมาแนวแอ็คชั่นเสี่ยงตาย พอมาสายละครผมก็บู๊ได้ทุกอย่างครับ แต่ในเรื่องนี้จะเป็นนักฆ่าก็เลยบู๊แบบใช้อาวุธมีด สนับมือเป็นแนวฮ่องกงทั่วไป ไม่ใช่มวยไทยหรือแบบแนวฮ่องกง แต่เป็นแบบผสมผสานศิลปะการต่อสู้หรือจะมีมวยที่เป็นร็อคบ้าง

@คาแร็กเตอร์ในเรื่องเป็นอย่างไร

ผมเล่นเป็น "เลกงวิน" คือเราก็ทำธุรกิจอยู่ประเทศหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านเรานี่แหละครับ เป็นมือขวาของพี่เวอร์ ซึ่งพี่เวอร์เป็นคนที่ไม่ดีมากๆ ที่เราต้องมาสู้กับเค้า ก็เพราะว่าเราโดนเค้าหักหลังครับ คือเค้าจะทำทุกอย่าง จะหลอกทุกคน เพื่อให้เป็นเครื่องมือของเค้าในการทำธุรกิจ แล้วเค้าก็จะได้รับประโยชน์คนเดียว คือเค้าหลอกใช้เรา ซึ่งจุดอ่อนของเราคือเรารักลูกสาวเค้าก็คือคุณกรีน อัษฎาพร (รับบท เอมี่ จริน) เค้าก็เลยใช้ลูกสาวเค้ามาต่อรอองเราว่า เดี๋ยวจะให้แต่งงานกับลูกสาวนะ เราก็เลยยออมถวายชีวิตเลยทำทุกอย่างให้เค้า โดนเค้าหลอกมาเรื่อยๆจนวันหนึ่งเราก็เริ่มรู้ตัว มันก็จะเป็นบทที่พีคอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราต้องมาห้ำหั่นกัน ก็เลยจะมี ดราม่าด้วย

@มีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

คือพี่โหน่งก็ทำงานหนัก เพราะว่าเค้าต้องดูทุกอย่าง พอมาได้เรามาทำงานก็จะมีรุ่นน้องด้วยที่มาจากอาจารย์พันนา เราก็คุยกันได้ และยิ่งได้พระเอกอย่าง คุณซี ศิวัฒน์ ที่สามารถจะเล่นได้ ดีไซน์เองได้ เราก็คุยกันได้เลย เราก็ช่วยกันดีไซน์ ช่วยกันคิด ก็สนุกเวลาทำงาน มันก็เร็วขึ้น เพราะถ้ารอผู้กำกับฯ หรือรอพี่โหน่งให้มาบอกมันก็จะไม่ไหว เพราะว่างานพี่เค้าเยอะมากและต้องไปดูเรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะ พอได้ทีมพวกเรามาเล่นก็เรียกว่าเบาแรงผู้กำกับฯไปเยอะ

@ในส่วนของ เดี่ยว จะบู๊กี่เปอร์เซ็นต์

(หัวเราะ) ผมว่าในเรื่องมีกี่คน ผมบู๊ด้วยเกือบทุกคนนะ แม้กระทั่งผู้กำกับฯ โอริเวอร์ บีเวอร์ครับ ก็ยังต้องไปสู้กับเค้าเลย

@มีปัญหาในการทำงานบ้างมั้ย

ด้วยความที่เรามาจากสายหนังก็จะไม่ได้เล่นบทพูดที่มันยาวขนาดนี้ มันเลยเป็นข้อด้อยของเราด้วยแหละที่เราพูดไม่ชัด พูดเร็วบ้างไม่ชัดถ้อยชัดคำ ก็เลยเป็นจุดอ่อนที่เราต้องแก้ไขปรับปรุงพัฒนากันไป แต่สำหรับบู๊ เราสามารถที่จะเต็มที่ได้

@รู้สึกชอบงานแสดงละครหรือยัง

ผมว่ามันก็เป็นอีกสายหนึ่ง เป็นอีกศาสตร์ ที่คล้ายกัน แต่เราก็ยังต้องฝึกอีกเยอะเลยครับ เพราะว่าอย่างหนังเนี่ย เอะอะ...ก็ต่อย ไม่ค่อยได้มีบทพูด แต่ว่าละครมันต้องมีทั้งสองอย่าง ก็ต้องขอบคุณพี่เวอร์ครับ ที่พยายามฝึกให้เราเป็นนักแสดงแอ็คชั่น ไม่ใช่เป็นแค่แอ็คชั่นอย่างเดียว เค้าให้เราเป็นนักแสดงเต็มตัวคือ พูดบทได้แอ็คติ้งได้มีอารมณ์กับละครมากขึ้นก็เป็นส่วนดีที่พี่เว่อร์มอบให้เรา

@เคยคิดมั้ยว่าจะได้มาเล่นละคร

ก็คิดครับ อย่างเช่นหนัง ผมก็คิดว่ามันน่าจะอยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะมันเป็นช่วงที่หนัง องค์บาก ดัง ผมถึงได้เข้ามาเป็นนักแสดง ได้อานิสงค์จากตรงนั้นมา อะไรที่มีขึ้นมัน ก็ต้องมีลง พอหนัง องค์บาก ดัง...คนก็แห่ไปทำหนังแอ็คชั่น ผู้กำกับฯ ที่ทำหนังรัก หนังผี ก็ไปทำแอ็คชั่นบ้าง พอจังหวะที่หนังมันเริ่มลง ละครบู๊มันเริ่มขึ้นมา และจังหวะนั้นผมก็หมดสัญญาเลยมาจับงานละครก็คิดว่าเป็นช่วงที่โอเค.สำหรับเรา

@บางคนจะคิดว่าถ้าเล่นหนังแล้วมาเล่นละคร เหมือนลดเกรดตัวเอง

ผมว่ามันก็แล้วแต่บุคคล ส่วนตัวผมก็มองว่ามันเป็นงาน เรายังใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ในสังคมที่มีเงินเป็นอันดับหนึ่งของการใช้ชีวิตเราก็ต้องหาเงินครับ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ต้องทำ และอีกอย่างหนึ่งคือมันเป็นงานที่เรารัก เรากำเนิดมาจากสายบันเทิงอยู่แล้ว ผมไม่ได้ซีเรียสเลยมันเป็นงานที่เราสามารถพัฒนาและหาเลี้ยงชีพตัวเองได้ ผมไม่ได้คิดว่าเรตติ้งเราจะตก เหมือนคนบางคนทำงานแบบนี้ตำแหน่งนี้แล้ว รู้สึกว่ามันไม่สนุกเลยเปลี่ยนไปทำอีกแบบ หรือบางทีงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบแต่เราต้องทำเพื่อความอยู่รอดเราก็ต้องทำ อย่างฮอลลีวูด เล่นเรื่องหนึ่งเราได้สิบล้าน ชาตินี้ก็ไม่ต้องทำอะไรใช้ชีวิตสบาย แต่เราไม่ได้นับเงินดอลล่าอย่างเค้า เรานับเงินบาทอยู่ ก็ต้องทำงานเท่าที่เราจะหาได้

ผมไม่ซีเรียสเลย แล้วคนที่เค้าดูหนังกับดูละครเค้าเลือกบริโภคอยู่แล้ว ถ้าทำละครแล้วมันเหมือนหนังก็ดีนะ ทำให้คนที่ไม่เคยดูละครเลยอาจจะกลับมาดูละครก็ได้ มันอยู่ที่ว่าเราทำ เราใส่ใจและเอางานยังไงมาให้แฟนคลับดู อย่างผมอยู่ในวงการหนังมาเป็นสิบปี ส่วนมากคนก็จำผมไม่ค่อยได้ เริ่มมาจำได้ก็ตอนที่มีเคเบิ้ล ที่มีหนังเราไปฉายในเคเบิ้ลคนถึงจำได้ อย่างผมกลับบ้าน บางคนก็ไม่รู้นะว่าผมเล่นหนัง คนแก่คนในชนบทเค้าไม่ดูหนังกันหรอก แต่พอมันมาอยู่ในทีวี เค้าได้นั่งดูที่บ้าน เค้าก็จำได้ ว่านี่หลานเรานี่ ญาติเรานี่ ก็จะเป็นอารมณ์นี้ครับ ก็เลยหวังว่าพอเรามาเล่นเรื่องนี้คนก็น่าจะรู้จักเรามากขึ้นครับ คนน่าจะดูทีวีมากกว่าดูหนัง

ตอนนี้ทางผู้จัดฯ ผู้สร้างละครก็พอจะรู้แล้วครับว่า เรามารับงานละครแล้ว และมีติดต่อมาหลายเรื่องที่อาจจะไปรับเชิญบ้าง และมีเล่นทั้งเรื่อง ก็รู้สึกดีใจครับ เหมือนตอนที่เราทำหนังเราก็ห่างไป 3-4 ปี กว่าจะได้ฉาย เราซ้อมแล้วซ้อมอีก ก็รู้สึกว่ามันเบื่อ เหมือนนักมวยครับ ซ้อมทุกวันก็อยากลงชกจริงๆ บ้างอยากปล่อยของแล้ว พอมาทำละครแล้วได้ทำงานทุกวันก็รู้สึกว่าวันหนึ่งๆ เราไม่ได้ปล่อยเวลาไปเฉยๆ รู้สึกสนุกกับงาน แม้จะเหนื่อยมากก็ตาม

@รู้สึกอย่างไรกับบทบาทที่ได้รับ

พี่พิง ลำพระเพลิง เขียนบทดีมากครับ ส่งเราดีมาก เยอะมาก เป็นตัวที่สำคัญเลยในละครเรื่องนี้ก็ต้องให้เครดิตพี่พิง พี่เวอร์ แล้วก็พี่โหน่งด้วย และการได้มาร่วมงานกับนักแสดงที่มีคุณภาพมันรู้สึกประทับใจ อย่างพี่ซี (ศิวัฒน์) เราก็ชื่นชมเค้าในสายละคร เค้าก็ชื่นชมเราในสายภาพยนตร์ ต่างคนต่างชื่นชมกัน เลยรู้สึกว่าดีประทับใจมีเรื่องมาคุยกันไม่หยุดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันคุยกันเรื่องบู๊นี่แหละครับ

@ฝากทิ้งท้ายหน่อย

ขุนกระทิง ก็เป็นละครเรื่องแรกของผมนะครับ ที่รู้สึกว่าสนุกในการทำงานมาก นักแสดงทุกคนมีคุณภาพ อีกทั้งทีมงาน ผู้กำกับฯ ผมว่ามันไม่ได้ต่างจากหนังเลย น่าจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ทางด้านละครที่ได้นำ ขุนกระทิง ออกมาให้ผู้ชมได้ดูกัน น่าจะเป็นมิติใหม่ในวงการละคร ที่อัพขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คนที่ดูจะรู้สึกมันด้วยบทละครที่ดีมากอยากจะฝากให้ติดตามชมขุนกระทิงกันด้วย ทางช่อง 7 สีครับ

มาร่วมเป็นกำลังใจให้กับพระเอกนักบู๊คนนี้กับละครเรื่องแรก "ขุนกระทิง" ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หลังข่าวภาคค่ำ ทางช่อง 7 สี

จากจอเงินสู่จอแก้ว!!! เดี่ยว-ชูพงษ์ คงสไตล์การบู๊ในแบบของตัวเอง จากจอเงินสู่จอแก้ว!!! เดี่ยว-ชูพงษ์ คงสไตล์การบู๊ในแบบของตัวเอง จากจอเงินสู่จอแก้ว!!! เดี่ยว-ชูพงษ์ คงสไตล์การบู๊ในแบบของตัวเอง