อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ชูกลยุทธ์โครงข่ายประสิทธิภาพสุดล้ำแห่งอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสูงสุดสำหรับระบบเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสาร ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์การเพิ่มการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ส่งผ่านจากคนและเครื่องมือสื่อสารต่างๆ
          การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที (Internet of Things : IoT) และคลาวด์คอมพิวติ้ง ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเคลื่อนย้ายระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และแบนด์วิธ ให้ใกล้ชิดกับผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์รอบข้างมากขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ เป็นที่รู้จักในนาม ศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง หรือ 'neighborhood' data center' ที่ต้องพรั่งพร้อมด้วยประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ระบบประมวลผล และความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลมหาศาลได้
          มร.แดเนียล ซิม ผู้อำนวยการ ช่องทางธุรกิจ อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า "ปีนี้คาดการณ์ได้ว่า การบริโภคข้อมูลด้านดิจิตัลจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้เกิดจุดอัดตัวเป็นอุปสรรคต่อการเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้น "ระบบศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง" จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจและการธนาคาร ที่จำเป็นต้องอาศัยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ และคุ้มค่าการลงทุนเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์โครงข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและล้ำสมัยรองรับกับการใช้งานในอนาคต โดย
          
หนึ่ง ต้องออกแบบให้มีความยืดหยุ่น เนื่องด้วยศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง ที่อยู่รอบข้างจะมีบทบาทมากขึ้นในการรองรับการส่งผ่านข้อมูล การประมวลผล พร้อมจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ และทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายและอุปกรณ์จำนวนมากเข้าด้วยกัน ซึ่ง การ์ดเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านไอทีในสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า ในปี 2563 จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อมากถึง 6.4 พันล้าน จากอิทธิพลของ IoT ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการใช้งาน ด้าน Jay Wirts รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารไอที อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ให้ข้อคิดว่า "เมื่อถึงจุดหนึ่งองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงอัตราการเติบโต ทั้งในเชิงกว้างและลึก เพราะมันไม่ได้ง่ายแค่ปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้รองรับการเจริญเติบโตตามขนาดของธุรกิจภายในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่ต้องสามารถปรับใช้กับพื้นที่ใหม่อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย เช่น ระบบ SmartCabinet และ SmartRow ระบบขนาดเล็กที่สามารถปรับขยายการใช้งานได้ตามความจำเป็น สะดวกรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน
          สอง การแสดงผลที่ชัดเจน การจัดการอุปกรณ์เทคโนโลยีระยะไกลจากส่วนกลาง เป็นสิ่งท้าทายและจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมาดูแลซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อเป็นการประหยัดงบ ขณะที่ยังมั่นใจได้ว่าการบริหารจัดการ "ระบบศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง" จะไม่เกิดข้อผิดพลาด องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีระบบไอทีที่ทำงานแบบเรียลไทม์ทั้งหมด ทั้งจากส่วนกลางและโครงข่ายรอบนอก ซึ่งโครงข่ายระบบจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เช่น Liebert MPH 2 สวิตช์ KVM และโซลูชั่นการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบดาต้า เซ็นเตอร์ จะช่วยให้สามารถจัดการระบบศูนย์ข้อมูลจากส่วนกลางได้ผ่านการควบคุมเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำงานเชิงรุกและพบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
          สาม มีความยืดหยุ่นในทุกระดับ จากที่สังคมปัจจุบันเชื่อมต่อถึงกันหมด ผู้ใช้งานต่างคาดหวังว่าแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด แต่จากการศึกษาล่าสุดของ สถาบันโพนีมอน (Ponemon Institute ) (ภายใต้การสนับสนุนจาก อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์) เกี่ยวกับสาเหตุการหยุดทำงาน (downtime) ของระบบดาต้า เซ็นเตอร์ พบว่า สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ระบบศูนย์ข้อมูลหยุดทำงาน เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของเครื่องสำรองไฟฟ้า โดยก่อให้เกิดความเสียหายสูงถึง 8,851 เหรียญสหรัฐ ต่อนาที (ประมาณ 315,000 บาทต่อนาที) หรือคิดเฉลี่ยประมาณ 740,357 เหรียญสหรัฐ ต่อการหยุดทำงานต่อครั้ง (ประมาณ 26 ล้านบาทต่อครั้ง) ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการใช้ยูพีเอสที่มีความคงทน เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้า Liebert GXT4 ที่ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไอทีให้ปลอดภัยจากกระแสไฟที่ไม่สม่ำเสมอ
          มร.แดเนียล กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานไมโครแบบครบวงจรข้างต้น เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์รอบข้างหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งถูกออกแบบมาให้ควบคุมการทำงาน พร้อมโซลูชั่นครบวงจรสำหรับสำนักงานสาขา ควบคุมการทำงานระยะไกล และเชื่อมต่อกับเครือข่ายรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรของอิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ติดต่อ: www.EmersonNetworkPower.com/Edge

อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ชูกลยุทธ์โครงข่ายประสิทธิภาพสุดล้ำแห่งอนาคต

ข่าวคลาวด์คอมพิวติ้ง+อินเทอร์เน็ตวันนี้

เผยผลสำรวจ ธุรกิจไทยใช้พลังของคลาวด์คอมพิวติ้ง เปิดประตูสู่ความสำเร็จ

บทความโดย นายไทเลอร์ ชิว ผู้จัดการประจำประเทศไทย อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และการเป็นผู้นำในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจ คลาวด์คอมพิวติ้งเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจในปัจจุบัน และช่วยให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบเดิมได้ ด้วยการจัดเก็บ ประมวลผล และบริหารจัดการดาต้า บนอินเทอร์เน็ตเซิร์ฟเวอร์ประ

อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งท... อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สองในประเทศไทย — อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สองในประเทศไทยมาพร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อรอง...

บริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พั... สยาม เอไอฯ บริษัทไทยรายแรกในอาเซียน ที่ได้รับ NVIDIA DGX Blackwell B200 — บริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ SIAM.AI Cloud ผู้นำด้าน...

บทความโดย Cedric Clyburn ผู้สนับสนุนนักพั... ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น — บทความโดย Cedric Clyburn ผู้สนับสนุนนักพัฒนาอาวุโสที่ Red Hat และ Frank La Vigne นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล...

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หร... NT เผย 5 คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการเริ่มต้นใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง — บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที (NT) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมซึ่งเป...

Nutanix Enterprise AI มอบประสบการณ์การใช้... Nutanix ขยายแพลตฟอร์ม AI สู่พับลิคคลาวด์ — Nutanix Enterprise AI มอบประสบการณ์การใช้งาน Generative AI ที่ใช้งานง่าย และครบวงจรทั้งการใช้กับระบ...