“มาสเตอร์คูล” ไตรมาสแรกปี’59 กำไรโตกว่า 100% ชี้กระแสผู้บริโภคอินเทรนด์พัดลมไอเย็นทางเลือกหลัก

23 May 2016
"มาสเตอร์คูล" แย้มไตรมาสแรกของปี 2559 ยอดขายโตกว่า 61% เกินเป้าที่คาดไว้ ส่งผลให้กำไรสุทธิของไตรมาสแรกสูงกว่า 170% ของกำไรสุทธิตลอดทั้งปี 2558 เผยปัจจัยหนุน อากาศร้อนจัด ดีมานด์ตลาดพุ่ง เพิ่มช่องทางการขายใหม่ส่งพัดลมเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ชี้กระแสพัดลมไอเย็นเริ่มเป็นทางเลือกหลักในกลุ่มเครื่องทำความเย็น คาดปี 2559 ยังคงอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 40%นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตจำหน่ายและให้เช่า พัดลมไอน้ำ-ไอเย็น "มาสเตอร์คูล" เปิดเผยถึง ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2559 ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทถือว่ามีทิศทางที่ดี โดยมีรายได้รวม 228 ล้านบาท ทำให้รายได้เติบโตถึง 61% ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาสแรกอยู่ที่ 16 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่า 170%ของกำไรสุทธิตลอดทั้งปี 2558 และสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้อย่างมาก
“มาสเตอร์คูล” ไตรมาสแรกปี’59 กำไรโตกว่า 100% ชี้กระแสผู้บริโภคอินเทรนด์พัดลมไอเย็นทางเลือกหลัก

ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจาก การที่บริษัทมีการขยายช่องทางการตลาดที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ห้างโมเดิร์นเทรด เทสโก-โลตัส ที่มีการวางจำหน่ายสินค้าใน 42 สาขาทั่วประเทศ และการได้พันธมิตรใหม่อย่าง บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าในระบบขายตรงแบบเช่าซื้อ ที่มีประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค นับเป็นการเพิ่มช่องทางการขายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่บริษัทยังเข้าไม่ถึง

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิสูงกว่าประมาณการ คาดว่าปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะเป็นไปตามเป้าหมายปกติของบริษัท ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-7%

"ขณะนี้ความต้องการของตลาดพัดลมไอเย็นสำหรับผู้บริโภคถือว่ากำลังพัฒนาไปสู่ทางเลือกปกติ ประกอบกับปีนี้สภาพอากาศร้อนจัดและยาวนานตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และคาดว่าจะยาวไปถึงช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้ความต้องการสินค้าพัดลมไอเย็นของบริษัทยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ในทุกช่องทางการขายทั้งโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ และช่องทางออนไลน์" นายนพชัย กล่าว

ส่วนในช่วงไตรมาสที่ 2 บริษัทคาดว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเมินสภาพอากาศในไตรมาส2จะยังคงร้อนจัด และในช่วงดังกล่าวถือเป็นไตรมาสที่มีรายได้สูงที่สุดของบริษัทในทุกปี ดังนั้นบริษัทจะยังคงรักษาช่องทางการทำตลาดในประเทศ ควบคู่ไปกับการทำตลาดส่งออก ที่จะเริ่มมีออเดอร์เข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 โดยเฉพาะประเทศในแถบซีกโลกใต้ ได้แก่ แอฟริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงฤดูร้อน ตรงข้ามกับสภาพอากาศฝั่งเอเชีย และยังมีตลาดในประเทศแถบอาเซียนที่ยังคงเป็นตลาดหลัก ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ตลาดส่งออกมากกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท (ข้อมูลเดิม)

อย่างไรก็ดี สำหรับตลาดรวมของสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์และพัดลมรวมกันเฉลี่ยเติบโตไม่ถึง 5 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท ส่วนตลาดพัดลมไอเย็นปีที่แล้ว มีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยมาสเตอร์คูลคาดว่ามีส่วนแบ่งตลอด 50% ซึ่งในปี 2559 บริษัทคาดว่าจะยังคงเป้าอัตราการเติบโตอยู่ที่ 40% และในอนาคตตลาดพัดลมไอเย็นคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์และพัดลม ประมาณ 3,000 – 6,000 ล้านบาท