นครมุมไบได้สัมผัสนิยามของความหรูหราครั้งใหม่ เมื่อสายการบินเอทิฮัดได้นำแอร์บัส เอ380 ให้บริการสู่อินเดีย เป็นครั้งแรก

13 May 2016
เครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นมีห้องโดยสาร เดอะ เรสซิเดนซ์ ห้องโดยสารแบบสวีท 3 ห้องของสายการบิน ซึ่งได้รับรางวัล
นครมุมไบได้สัมผัสนิยามของความหรูหราครั้งใหม่ เมื่อสายการบินเอทิฮัดได้นำแอร์บัส เอ380 ให้บริการสู่อินเดีย เป็นครั้งแรก

สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เพิ่มนครมุมไบเข้าสู่เครือข่ายเส้นทางการบิน ด้วยแอร์บัส เอ380 ของสายการบินเรียบร้อยแล้ว เริ่มให้บริการเที่ยวบินแบบตารางบินประจำรายวัน โดยมีห้องโดยสารเดอะ เรสซิเดนซ์ ที่ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่มีห้องโดยสารแบบสวีท 3 ห้องบนเครื่องบินโดยสาร

เที่ยวบิน EY204 จากกรุงอาบู ดาบี ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติฉหัตราพติ ชีวาจิ ในนครมุมไบเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในโอกาสเฉลิมฉลองวันมหาราษฎระ ซึ่งเป็นวันครบรอบปีที่ 56 ของการก่อตั้งรัฐมหาราษฎระ มุมไบได้กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางแห่งที่ 4 ของสายการบินที่ให้บริการด้วย เอ380 ต่อจาก ลอนดอน ฮีทโธรว์ ซิดนีย์ และนิวยอร์ก อีกทั้งเมลเบิร์นนั้นจะเข้าร่วมในวันที่ 1 มิถุนายนนี้

คณะผู้บริหารระดับสูงของสายการบินเอทิฮัด นำโดย โมฮัมหมัด อัล บูลูกิ รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ ประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งได้ร่วมเดินทางในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ด้วยนั้น ได้เดินทางมาถึงในพิธีจุดประทีปตามประเพณีซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากสายการบินและผู้ให้บริการท่าอากาศยานมุมไบ คือจีวีเค เข้าร่วมด้วย

ด้วยปัญหาวิกฤตภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐมหาราษฏระ สายการบินเอทิฮัดจึงตัดสินใจไม่จัดให้มีการฉลองด้วยอุโมงค์น้ำ ซึ่งเป็นประเพณีตามปรกติที่จะจัดขึ้นเพื่อต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ที่เดินทางมายังสนามบิน

การเลือกใช้วันมหาราษฏระในการเริ่มให้บริการเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกมายังอินเดียนั้นได้ย้ำความมุ่งมั่นของสายการบินที่มีต่อประเทศนี้ ที่จะรองรับความต้องการการเดินทางทางอากาศที่มีเพิ่มขึ้นและเพื่อการสนับสนุนการเติบโตของการค้าและการท่องเที่ยวในอินเดีย

ด้วยเครื่องบินที่ได้ยกระดับให้ดีขึ้น สายการบินเอทิฮัดนั้นสามารถจะให้บริการเที่ยวบินรายวันด้วย เอ380 ในเส้นทางทั้งไปและกลับระหว่างมุมไบและท่าอากาศยานเจเอฟเค นครนิวยอร์ก ด้วยการเชื่อมต่ออย่างราบรื่นที่กรุงอาบู ดาบี รวมถึงพิธีการศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ที่จัดไว้เฉพาะ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารสามารถผ่านด่านศุลกากรของสหรัฐฯ ล่วงหน้าได้ที่กรุงอาบู ดาบี บริการเที่ยวบินนี้ยังทำการบินด้วยเที่ยวบินร่วมของพันธมิตรทางกลยุทธ์ของสายการบินเอทิฮัดในอินเดีย เจ็ท แอร์เวย์ส

มร.เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินเอทิฮัดกล่าวว่า "สายการบินเอทิฮัดเป็นสายการบินที่อายุยังน้อย มีความสร้างสรรค์ และได้เป็นผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมการบินของอินเดียมาเป็นเวลานนาน ด้วยการให้บริการมายังประเทศที่มีความหลากหลายนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และนครมุมไบก็กลายมาเป็นฐานของการเริ่มต้นการปฏิบัติการของเราที่นี่"

"ด้วยการนำผลิตภัณฑ์เด่นของเรามาให้บริการที่อินเดีย ด้วยความจุที่นั่งที่เพิ่มขึ้นนั้นก็แสดงให้เห็นถึงการตอบรับที่ดีเป็นที่หนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มความต้องการและความคาดหวังของนักเดินทางที่มีมากขึ้นต่อสินค้าและการบริการชั้นเลิศ ตลาดหลักที่จะส่งผู้โดยสารต่อนั้นก็คือเส้นทางจากและไปยังยุโรป อเมริกาเหนือตะวันออกกลาง ยังจะได้ประโยชน์จากการบริการที่ยกระดับขึ้น"

"พันธกรณีของเราทีมีต่ออินเดียนั้นมีความชัดเจน การสร้างเครือข่ายเส้นทางการบินที่เยี่ยมยอดและประสบความสำเร็จด้วยการบริการที่ทุ่มเททั้งของเราเองและจากของพันธมิตรของเรา เจ็ทแอร์เวย์ส ซึ่งเมื่อรวมกับเราแล้วก็ให้ส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 20 ทำให้เรากลายเป็นผู้ให้บริการผู้โดยสารรายใหญ่ที่สุดสำหรับการเดินทางจากและสู่อินเดีย ใหญ่กว่าสายการบินระหว่างประเทศรายใด"ปัจจุบันทั้งสองสายการบินนั้นปฏิบัติการเที่ยวบิน 254 เที่ยวต่อสัปดาห์จาก 15 จุดหมายปลายทางในอินเดียสู่กรุงอาบู ดาบี และต่อไปยังเครือข่ายเส้นทางการบินที่กว้างขวางไปยังเมืองต่าง ๆ ในทุกทวีป ทั้งสองสายการบินมีการทำรหัสเที่ยวบินร่วมกัน บนเที่ยวบินของอีกสายการบินในการบริการเส้นทางจากและไปยังอินเดีย

นีร์จา ภาติยะ รองประธานประจำอนุทวีปอินเดียกล่าวเสริมว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมของเราคือ เดอะ เรสซิเดนซ์ ซึ่งมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องนอน และห้องโดยสารที่เป็นการปฏิวัติวงการอย่างเฟิร์สท อพาร์ทเมนท์ และบิสสิเนส สตูดิโอ เที่ยวบินรายวันด้วย เอ380 ในเส้นทางมุมไบ ซึ่งมอบประสบการณ์บนเที่ยวบินที่ดีที่สุดให้แก่ผู้โดยสารของเราโดยไม่มีความหรูหราหรือความสบายใดมาเทียบได้"

"รัฐมหาราษฏระ นั้นเป็นหนึ่งในรัฐที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียและเมืองหลวงอย่างมุมไบนั้นก็ มีความเป็นสากลเป็นพลวัตและเป็นเมืองที่ผู้คนนิยมจากมุมไบสู่นิวยอร์ก นั้นแสดงถึงตลาดการเดินทางชั้นเลิศจากอินเดีย และด้วยช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังมาถึง นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจาะที่สุดที่จะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของเรามายังมุมไบ เรารอคอยที่จะต้อยรับนักเดินทางจากมุมไบและเมืองใกล้เคียง ด้วยเราเชื่อว่า เอ380 นั้นจะดึงดูดฐานลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น ที่อยากจะมาสัมผัสประสบการณ์บนเครื่องบินรุ่นนี้สู่กรุงอาบู ดาบีและจุดหมายอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อไป"

ราจีฟ เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ท่าอากาศยานนานาชาติมุมไบ จำกัด กล่าวว่า "พวกเราที่ท่าอากศยานนานาชาติฉหัตราพติ ชีวาจินั้นมีความยินดีที่ได้ต้อนรับเครื่องบิน เอ380 ของสายการบินเอทิฮัดสู่นครมุมไบ"

"เรามีความยินดีที่สายการบินเอทิฮัดนั้นเลือกมุมไบในการให้บริการแก่ผู้โดยสาร การปฏิบัติงานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่ทันสมัยที่อาคารผู้โดยสาร 2 และเครื่องบิน เอ380 ที่ทำการบินด้วยระบบ ฟลาย-บาย-ไวร์ นั้นเป็นการเข้าคู่กันที่ดี เรามีความมั่นใจว่าการปฏิบัติการด้วยเอ380 ของสายการบินเอทิฮัดนั้นจะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจสำหรับผู้โดยสารทุกคนและเป็นการนำให้เกิดการเติบโตอย่างมากขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวในอนาคต"

ลูกเรือบน เอ380 เที่ยวปฐมฤกษ์ในเส้นทางมุมไบนั้นประกอบไปด้วย พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบิน 22 คนที่เป็นชาวอินเดียทั้งหมด และนักบินก็เป็นชาวอินเดีย กัปตันราเมศร์ กริสนา จากไฮเดอราบัด และนักบินที่สอง อิรฟาน ริซวี จากมุมไบ

กัปตันกริสนา กล่าวเมื่อเดินทางมาถึงว่า "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้นำเครื่องบิน เอ380 ของสายการบินเอทิฮัดมายังอินเดียเป็นครั้งแรก ด้วยการเริ่มให้บริการสู่มุมไบในวันนี้ การเป็นชาวอินเดียที่ใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น นี่ถือว่าเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของผม ของประเทศบ้านเกิด และของประเทศที่ผมไปอาศัยอยู่ ที่ได้มาทำการบินเครื่องบินลำใหญ่ที่สุดของเรามายังอินเดียเป็นครั้งแรก"เอ380 ของสายการบินเอทิฮัดนั้นมีความจุทั้งสิ้น 496 ที่นั่ง รองรับผู้โดยสารได้มากที่สุด 2 คนในเดอะเรสสิเดนซ์ สำหรับห้องโดยสารเฟิร์สท อพาร์ทเมนท์มีทั้งหมด 9 ที่นั่ง บิสสินเนสสตูดิโอ 70 ที่นั่ง และอีโคโนมี สมาร์ท ซีท 415 ที่นั่ง

สายการบินใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การบริการและอัธยาศัยไมตรีชั้นเลิศชั้นเลิศจากทั่วโลก เพื่อจะนิยามประสบการณ์การเดินทางด้วย เอ380 เสียใหม่ ตั้งแต่ที่นั่งที่สบาย อาหารชั้นเลิศ จนถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบนเที่ยวบินแบบใหม่และทางเลือกความบันเทิงที่หลากหลายเพิ่มเติม เชฟบนเที่ยวบินจะรังสรรค์ ประสบการณ์การรับประทานอาหารตามที่ผู้โดยสารต้องการ จากวัตถุดิบสดใหม่ในตู้เก็บอาหารสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในเดอะ เรสซิเดนซ์และชั้นหนึ่ง

ผู้จัดการด้านอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบินซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานจากโรงแรมหรูและร้านอาหารชั้นนำ จะช่วยแนะนำผู้โดยสารที่เดินทางในชั้นธุรกิจ ด้วยทางเลือกรายการอาหารที่หลากหลายที่ให้บริการ รวมถึงแนะนำเครื่องดื่มและเครื่องเคียงที่เข้ากันสำหรับมื้ออาหารของพวกเขา

พี่เลี้ยงเด็กบนเที่ยวบินที่ได้รับการอบรมจากวิทยาลัยนอร์แลนด์ในสหราชอาณาจักรที่มีชื่อเสียงระดับโลก นั้นจะอยู่บนเครื่องบิน เอ380 ทุกลำเพื่อให้บริการดูแลผู้โดยสารเด็กสำหรับครอบครัวที่เดินทางกับเด็กเล็ก ๆ

เดอะ เรสสิเดนซ์ นั้นเป็นห้องสวีทแบบสามห้องที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มีห้องนั่งเล่นที่มีจอ แอลซีดี 32 นิ้ว ห้องนอนเตียงคู่และห้องอาบน้ำในตัวที่แยกต่างหาก พร้อมทั้งบัทเลอร์ส่วนตัวที่ได้รับการฝึกฝนจากสถาบันซาวอยที่มีชื่อเสียงระดับโลกในกรุงลอนดอน ที่จะดูแลทุก ๆ ความต้องการของผู้โดยสารพิเศษบนห้องโดยสารนี้ เดอะเรสซิเดนซ์ ยังมีเชฟส่วนตัวที่พร้อมจะปรุงรายการอาหารตามที่ลูกค้าต้องการห้องโดยสารเฟิร์สท์ อพาร์ทเมนท์ 9 ที่นั่งในชั้นหนึ่งนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่มีโทรทัศน์จอแบน ตู้แช่มินิบาร์ โต๊ะเครื่องแป้งส่วนตัวและห้องอาบน้ำที่มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งใช้เท่านั้น

ห้องโดยสารบิสสิเนส สตูดิโอ 70 ที่นั่งนั้นอยู่บนชั้นบนของ เอ380 ทุกที่นั่งนั้นสามารถเข้าออกทางเดินได้โดยตรง เตียงที่ปรับราบได้สมบูรณ์และพื้นที่ส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 20

เดอะ ล็อบบี้ พื้นที่รับรองหรูหราซึ่งอยู่ระหว่างห้องโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจนั้นมีเก้าอี้นวมที่สะดวกสบาย 2 ตัว บาร์ที่มีพนักงานคอยให้บริการ เพิ่มสัมผัสแห่งความสบายให้มากขึ้น

ชั้นโดยสารชั้นล่างนั้นมีที่นั่งอีโคโนมี สมาร์ทซีท 415 ที่นั่ง ซึ่งจะมอบที่พักศรีษะแบบมีปีกที่เหมาะแก่การใช้งานที่เป็นเอกลักษณะ เบาะพยุงแผ่นหลังและจอส่วนตัวความละเอียดสูงขนาด 11 นิ้ว เพื่อที่จะเพลิดเพลินกับภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ความยาวรวม 750 ชั่วโมง เกมส์ที่ปรับปรุงขึ้น ข่าวโทรทัศน์และรายการกีฬาที่ถ่ายทอดสดผ่านระบบความบันเดิม พานาโซนิค อีเอ็กซ์3 ที่ทันสมัยเอ380 นั้นจะให้บริการใน 1 ใน 5 เที่ยวบินรายวันระหว่างมุมไบและกรุงอาบู ดาบี ซึ่งสายการบินเอทิฮัดทำการบิน 3 เที่ยวบินและสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส ทำการบิน 2 เที่ยวบิน

เที่ยวบิน เอ380 ในเส้นทางมุมไบนั้นจะมอบการเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมให้แก่ผู้โดยสาร เช่น ลอนดอน ปารีส แมนเชสเตอร์ ชิคาโก ซานฟรานซิสโก โตรอนโต บาห์เรน โดฮาและเจดดาห์

เที่ยวบินจากและสู่นครมุมไบ สามารถสำรองที่นั่งได้แล้วที่ www.etihad.com ผ่านทางศูนย์บริการของสายการบินเอทิฮัด หรือผ่านตัวแทนบริการท่องเที่ยว ราคาบัตรโดยสารเที่ยวเดียวรวมภาษีและค่าธรรมเนียมแล้วของสายการบินเอทิฮัดในห้องโดยสารเดอะ เรสซิเดนซ์ ในแต่ละขาระหว่างกรุงอาบู ดาบีและมุมไบอยู่ที่ประมาณ 5000 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างลอนดอนและมุมไบอยู่ที่ประมาณ 26000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และระหว่างนิวยอร์กและมุมไบอยู่ที่ประมาณ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นครมุมไบได้สัมผัสนิยามของความหรูหราครั้งใหม่ เมื่อสายการบินเอทิฮัดได้นำแอร์บัส เอ380 ให้บริการสู่อินเดีย เป็นครั้งแรก