เทคนิค TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่ต้องผ่าตัดช่องอก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          หากอยู่ๆ ท่านหรือคนใกล้ชิดที่อยู่ในวัยสูงอายุของท่าน เริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย เป็นลมหมดสติ หรือแน่นหน้าอก นี่อาจเป็นสิ่งบ่งบอกว่ากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับลิ้นหัวใจตีบ และควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด 
          อาการลิ้นหัวใจตีบ มีชนิดหนึ่งที่เกิดจากการตีบของลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายและหลอดเลือดแดงใหญ่ ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่าลิ้นหัวใจเอออติกส์ (Aortic Valve) ซึ่งส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ และหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เสียชีวิตในระยะเวลา 2-5 ปี
          นพ.วัธนพล พิพัฒนนันท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลระบบการทำงานของหัวใจว่า โดยปกติแล้ว หัวใจฝั่งขวาจะรับเลือดจากเส้นเลือดดำแล้วส่งไปฟอกที่ปอด จากนั้นเลือดดีจากปอดก็จะถูกส่งมาที่หัวใจฝั่งซ้าย โดยหัวใจห้องล่างซ้ายจะเป็นห้องสุดท้ายที่สูบฉีดเลือดไปยังหลอดเลือดแดงใหญ่แล้วกระจายไปยังทั่วร่างกาย ซึ่งลิ้นหัวใจเอออติกส์ ก็เปรียบเหมือนวาล์วน้ำที่กั้นปั้มน้ำกับท่อเมน และเมื่อสูงอายุขึ้น ลิ้นหัวใจเอออติกส์ ก็มีโอกาสตีบจากการมีหินปูนเกาะสะสมหรือเกิดจากการเสื่อมถอยของอายุ
          ที่สำคัญ อาการลิ้นหัวใจเอออติกส์ตีบ มีปัจจัยจากความชราของร่างกาย ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนทั้งชายและหญิง หรือไม่ว่าจะมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ระมัดระวังสุขภาพเพียงใดก็ตาม
          นพ.วัธนพล ให้ข้อมูลอีกว่า โรคลิ้นหัวใจตีบชนิดนี้ ผู้ป่วยจะไม่ทราบจนกว่าจะมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่สามารถสังเกตอาการได้ เช่น มีอาการเหนื่อยง่าย อันเนื่องมาจากภาวะหัวใจวาย (Heart Failure) ซึ่งไม่ได้หมายถึงหัวใจหยุดเต้น แต่เป็นอาการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างพอเพียง ซึ่งหากเกิดกับหัวใจฝั่งซ้ายก็จะทำให้เกิดอาการน้ำท่วมปอด รวมถึงอาการแน่นหน้าอก เป็นลมหมดสติ อาจเป็นอาการที่เกิดจากลิ้นหัวใจเอออติกส์ตีบก็ได้
          "โดยทฤษฎีแล้ว หากมีอาการเหนื่อยง่าย อาการเหมือนน้ำท่วมปอด ก็อยู่ได้ประมาณ 2 ปี ถ้าเป็นลมหมดสติก็อยู่ได้ประมาณ 3 ปี ถ้าแน่นหน้าอกก็อยู่ได้ประมาณ 4-5 ปี"นพ.วัธนพล กล่าว
          ทั้งนี้ วิธีมาตรฐานในการรักษาลิ้นหัวใจเอออติกส์ตีบในขณะนี้ คือการผ่าตัดเปิดช่องอกเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจอันใหม่เข้าไป โดยใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 3-4 ชั่วโมง
          อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกอีกวิธี คือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมทางสายสวนหรือ TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation) โดยการใช้ท่อสอดลิ้นหัวใจใหม่เข้าไปทางเส้นเลือดแดง คล้ายๆ กับการทำบอลลูน เมื่อสอดท่อที่บรรจุลิ้นหัวใจใหม่ไปจนถึงบริเวณที่ตีบแล้ว ก็ปล่อยให้ลิ้นเทียมกางออก กลายเป็นลิ้นหัวใจอันใหม่ ข้อดีของวิธีนี้คือไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อเปิดช่องอก มีแผลเล็กๆบริเวณขาหนีบหรือหน้าอกซ้าย ผู้ป่วยก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า
          นพ.วัธนพล ให้ข้อมูลว่า วิธีการรักษาแบบ TAVI นี้ จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดใหญ่ เช่น ร่างกายไม่แข็งแรง มีโรครุมเร้า หรืออาจทนต่อการดมยาสลบไม่ไหว ซึ่ง TAVI จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้มากกว่า 
          สำหรับวิธีการรักษาด้วยเทคนิค TAVI จะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ซึ่งผู้ป่วยรายใดจะรักษาโดยใช้เทคนิคนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทีมแพทย์ โดยดูจากระดับความรุนแรงของอาการตีบ หากถึงขั้นตีบระดับ 3 คือ ตีบรุนแรง ลิ้นหัวใจแทบไม่เปิดเลย เปรียบเหมือนวาล์วน้ำ ถ้าไม่เปิด เลือดก็สูบฉีดไม่ได้ และมีความเสี่ยงทนการผ่าตัดไม่ไหว ก็จะใช้ เทคนิค TAVI ในการรักษาแทน ซึ่งจากการติดตามผลการรักษาของผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยเทคนิค TAVI พบว่าได้ผลดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
          นพ.วัธนพล ย้ำว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเข้าสู่ภาวะสังคมสูงอายุ กล่าวคือ มีผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และแนวโน้มการเจ็บป่วยด้วยอาการลิ้นหัวใจเอออติกส์ตีบก็จะมีเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้สูงอายุควรตรวจสุขภาพ เช็คการทำงานของหัวใจอย่างสม่ำเสมอ 
          ทั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้พัฒนาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาด้วยเทคนิค TAVI ทั้งศัลยแพทย์ อายุรแพทย์ ตลอดจนทีมวิสัญญีแพทย์และทีมพยาบาล เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาแก่ผู้มีอาการลิ้นหัวใจเอออติกส์ตีบ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-667-1000 หรือ อีเมล์ [email protected]
เทคนิค TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่ต้องผ่าตัดช่องอก
 
เทคนิค TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่ต้องผ่าตัดช่องอก
เทคนิค TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่ต้องผ่าตัดช่องอก เทคนิค TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่ต้องผ่าตัดช่องอก

ข่าวโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์+วัธนพล พิพัฒนนันท์วันนี้

"MEDEZE" ร่วมบรรยายพิเศษในงาน "Bumrungrad Care for Children 2025" ตอกย้ำบทบาทผู้นำนวัตกรรมสุขภาพระดับภูมิภาค

นางสาวดนิตา พิทักษ์เนติกุล ประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ พร้อมทีมงานพนักงาน บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ "MEDEZE" เข้าร่วมงาน "BUMRUNGRAD CARE FOR CHILDREN YEAR 2025" ซึ่งจัดขึ้นโดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของครอบครัวชาวจีนที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยบริษัทฯ ยังได้ร่วม บรรยายในหัวข้อพิเศษถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการแพทย์ขั้นสูงเกี่ยวกับสเต็มเซลล์และเซลล์บำบัดเพื่อเสริมสร้างสุขภาพเชิงป้องกันและชะลอความ

ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้... บำรุงราษฎร์โชว์ผลงานไตรมาส 2/2568 ดีกว่าตลาดคาด รับตลาดตะวันออกกลางฟื้นแรง — ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎ...

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และมูลนิธิโรงพยาบาลบ... บำรุงราษฎร์ ผนึกกำลัง กรุงเทพประกันภัย จัดกิจกรรมจิตอาสา มอบสุขภาวะที่ดีแก่ผู้สูงอายุบ้านบางแค — โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และมูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมก...