รัฐมนตรีเกษตรฯ ไทย หารือรัฐมนตรีประมงฟิจิ ร่วมแก้ปมไอยูยู พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านประมงภายใต้กรอบเอ็มโอยู เล็งต่อยอดวิชาการด้านประมงและพัฒนาอุตสาหกรรมประมงร่วมกันทั้งภาครัฐ -เอกชนเพิ่ม

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ นายโอเซีย ไนกามู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงและป่าไม้ฟิจิ ณ กระทรวงประมงและป่าไม้ฟิจิ ว่า หลังจากไทยและฟิจิ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านประมง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย การพบกันอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีและความร่วมมือกันของสองประเทศในด้านประมงอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในวันนี้ จะนำไปสู่การขับเคลื่อนในการพัฒนาการประมงของทั้งสองประเทศในอนาคต ซึ่งร่วมดำเนินการภายใต้ MOU มี 3 ประเด็นสำคัญ คือ 
          1.ความร่วมมือทางวิชาการด้านประมง และอำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุนด้านการประมงระหว่างกันเพิ่มขึ้น ซึ่งฝ่ายไทยได้แจ้งรายชื่อคณะทำงานร่วมด้านประมง โดยมีอธิบดีกรมประมง เป็นประธานคณะทำงานร่วมฯ โดยคณะทำงานทั้งสองฝ่ายจะได้มีการดำเนินการจัดประชุมคณะทำงานร่วมฯ ต่อไป โดยประเทศไทยยินดีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในครั้งแรก

          ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยยินดี ให้ความร่วมมือทางวิชาการกับฟิจิ โดยเฉพาะสาขาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สัตว์ทะเลต่างๆ ที่ทางฟิจิสนใจ ดังนั้น ทั้งไทยและฟิจิมีการทำประมงและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เหมือนกัน ทั้งสองประเทศจะได้มีการขยายความร่วมมือการทำประมงและพัฒนาอุตสาหกรรมประมงร่วมกันทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
          2. . การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ภายใต้นโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาไอยูยู โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลไทยได้ร่วมทำงานกับหลายๆ ประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เพราะการแก้ไขปัญหาไอยูยู จะสำเร็จได้ต่อเมื่อมีการทำงานร่วมกัน ดังนั้น ในโอกาสนี้ประเทศไทยจะได้แสดงบทบาทสำคัญในอาเซียน ถึงมาตรการเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาไอยูยูในภูมิภาคอาเซียน โดยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากฟิจิที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ประเทศไทยจึงขอทราบแนวทางหรือวิธีการในการแก้ไขปัญหาไอยูยู
          3. การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการออกเอกสารใบรับรองการจับสัตว์น้ำ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าสินค้าประมงจากฟิจิ ประมาณปีละ 230 ล้านบาท จึงได้ขอทางฟิจิอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการออกเอกสารใบรับรองการจับสัตว์น้ำ หรือเอกสารประกอบการขนถ่ายสัตว์น้ำที่ผู้ประกอบการไทยนำวัตถุดิบสัตว์น้ำจากฟิจิเข้ามาทำการแปรรูปและส่งออก เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งทำการประมงได้ และไม่เป็นสินค้าประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing)
          หลังจากการหารือแนวทางการดำเนินการภายใต้ MOU ร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงและป่าไม้ฟิจิแล้ว ยังมีโอกาสศึกษาดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานของฟิจิและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการประมง ได้แก่ กระทรวงประมงและป่าไม้ฟิจิ ณ ฐานทัพเรือ ได้หารือกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหา IUU และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและเรียนรู้การแก้ไข IUU ของฟิจิ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับประเทศไทยในการแก้ปัญหา
          บริษัท โกลเด้น โอเชียน ฟิช จำกัด ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการทำประมงเบ็ดราวทูน่า การแปรรูปและส่งออกปลาทูน่าปลาน้ำลึกอื่นๆ โดยมีเรือทำประมงราวภายใต้การดูแลของบริษัทมากกว่า 30 ลำ และบริษัท โซแลนเดอร์ ซึ่งใช้วิธีการประมงราวเบ็ดที่ผิวน้ำในการจับปลาสายพันธุ์ทูน่า และสัตว์น้ำสายพันธุ์อื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของฟิจิ และยังมีการทำประมงโดยใช้วิธี Bottom Line ในการจับพันธุ์ปลาด้วย ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงภาคเอกชนไทยในภาคประมงของทั้งสองประเทศได้เชื่อมความสัมพันธ์ รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ระหว่างกันในด้านวิชาการประมงที่ทั้งสองฝ่ายสนใจ รวมถึงการค้าการลงทุนด้านการประมงของสองประเทศในอนาคต
          สำหรับข้อมูลการค้าสินค้าประมงระหว่างไทย – ฟิจิ พบว่า ในช่วงปี พ.ศ.2556 - 2558 ไทยและฟิจิมีมูลค่าการค้าสินค้าประมง เฉลี่ยปีละ ประมาณ 256 ล้านบาท โดยการค้าสินค้าประมงไทย-ฟิจิ ส่วนใหญ่ไทยจะนำเข้าสินค้าประมงจากฟิจิมากกว่าการส่งออก แบ่งเป็น ไทยนำเข้าสินค้าประมงจากฟิจิประมาณปีละ 230 ล้านบาท สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าประมงสดแช่เย็นแช่แข็ง ทูน่าสดแช่เย็นแช่แข็ง ขณะที่มูลค่าการส่งออกเฉลี่ยปีละ 26 ล้านบาท มีสินค้าส่งออกที่สำคัญประกอบด้วย ทูน่ากระป๋อง ปลากระป๋องอื่นๆ


ข่าวการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์+กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วันนี้

"รมว.อรรถกร"นำ กระทรวงเกษตรฯ ผนึกกำลังภาคเอกชน พัฒนา 'จุลสาหร่าย' สู่พลังงานสะอาด-นวัตกรรมอาหารสัตว์ ยกระดับทรัพยากรชีวภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงจุลสาหร่ายเพื่อผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนและผลิตอาหารสัตว์จากกากจุลสาหร่าย ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริษัท แอดวานซ์ ไบโอคาร์บอน จำกัด โดย นางสาวปิ่นมณี แก้วดวงสี กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) โดย นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ณ

มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น ใช้... มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น — มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น ใช้เครื่องหมาย Q ผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน พร้อมต่อยอด...

แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอ... "รมช.อัครา" ลุยพะเยาต่อเนื่อง! มอบนโยบายจัดทำการเกษตรแบบเป็นระบบ — แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอมาตรการช่วยเหลือไร่ละ 1,400 บาท พร้อมเตรียมสร้...

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกร... กระทรวงเกษตรฯ ตั้ง "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา" — นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ค...

กรมประมง...ส่งเสริมการเพาะเลี้ยง "ปูทะเล"... กรมประมง…หนุนเกษตรกรเปลี่ยน "บ่อกุ้งร้าง" เพื่อสร้างรายได้ด้วยการเลี้ยง "ปูทะเล" — กรมประมง...ส่งเสริมการเพาะเลี้ยง "ปูทะเล" ในบ่อกุ้งร้าง หวังฟื้นแหล่งผล...