นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ (EMS Rally) ระดับชาติ ครั้งที่ 6 ที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จังหวัดนครปฐม โดยมีตัวแทนทีมแพทย์ฉุกเฉินจาก 13 เขตทั่วประเทศ ที่ผ่านการชนะระดับเขตมาเข้าร่วมแข่งขัน
สำหรับการแข่งขัน EMS RALLY นั้น สพฉ.จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉิน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ระดับคือ 1.ทีมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง (ALS) ที่ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล และพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ 2.ทีมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับต้น (BLS) ประกอบด้วยพนักงานฉุกเฉินการแพทย์และอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ และ 3.ทีมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับพื้นฐาน (EMR) ที่ประกอบไปด้วยอาสาสมัครฉุกเฉินทางการแพทย์ไม่เกิน 4 คน และทีมชุดรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน (EMD) โดยจะแบ่งการแข่งขันเป็นฐานเสมือนการแข่งขันแรลลี่ที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องร่วมกันแก้โจทย์การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจากสถานการณ์ต่างๆ
โดยในปีนี้มีการประยุกต์โจทย์การแข่งขันให้เข้ากับสถานการณ์การเจ็บป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาทิ ฐานการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร ผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ ผู้ได้รับบากเจ็บจากการตกจากที่สูง การถูกทำร้ายร่างกาย การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งในทารก เด็กและผู้ใหญ่ จากอาการหมดสติ วัสดุเศษอาหารติดคอ การคลอดฉุกเฉิน หรือสถานการณ์ภัยพิบัติ สาธารภัย ทั้งเหตุการณ์ระเบิด สารเคมีรั่วไหล ตึกถล่ม เครื่องบินตก
"การแข่งขันนี้ ถือเป็นการฝึกพัฒนาบุคลากรไปด้วยในตัว และทำให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินมีความรู้และทักษะการช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน ถือเป็นการพัฒนาตัวเอง และที่สำคัญจะช่วยทำให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินเกิดการจดจำมากถึงร้อยละ 90 นำไปสู่การช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น" นพ.อนุชากล่าว
ด้านนางจุลินทร ศรีโพนทัน หัวหน้าศูนย์สื่อสารและสั่งการ รพ.มหาสารคาม ตัวแทนทีมที่ชนะเลิศเมื่อปีที่ผ่านมา ระบุว่า การแข่งขัน EMS RALLY ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์มาก เป็นเหมือนกุศโลบายที่ทำให้เกิดการพัฒนาตัวเอง โดยลำดับในการแข่งขัน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญคือทำให้เราได้ฝึกตัวเอง ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เนื่องจากการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ดังนั้นหากทีมงานทำงานกันอย่างลงตัว ก็จะทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น ทำให้ทุกนาทีที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินมีค่ามากที่สุด
นอกจากนี้ยังถือเป็นการสร้างเครือข่ายในระดับประเทศด้วย อย่างไรก็ตามอยากให้ สพฉ. มีการจัดการความรู้และรวบรวมสถิติในแต่ละพื้นที่ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง มาเป็นโจทย์หลักในการแข่งขันด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาและนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้อยากให้เน้นเรื่องวิวัฒนาการทางการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้แต่ละทีมรู้จักขวนขวาย ซึ่งเรื่องนี้ผลประโยชน์โดยตรงจะตกไปอยู่ที่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่จะได้รับการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
BSRC รับมอบเข็มเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2567 จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
โรงแรมเซ็นทรา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ต้อนรับการประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติ ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567
INET ร่วมเสวนายกระดับการแพทย์ฉุกเฉินด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม iDEMS ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สพฉ. ศิริราชวิทยวิจัย และ สวทช.
LINE ประเทศไทย ร่วมบริจาคแก่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมอำนวยช่องทางบริจาคผ่าน LINE ดูดวง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ
การประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับนานาชาติ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2566
SPU พัฒนาศักยภาพคณาจารย์และนักศึกษา เรียนรู้ CPR ด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจ AED มุ่งช่วยเหลือสังคม
มูลนิธิกรุงศรีมอบเงิน 1 ล้านบาทแก่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หนุนยกระดับปฏิบัติการสู่ดิจิทัล
ฟอร์ดชวนลูกค้าร่วมส่งมอบลานจอดเฮลิคอปเตอร์ให้โรงพยาบาลบ้านแม่เหว่ย จ. ตาก
วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับ ๙ สถาบัน ทำพิธีลงนาม องค์กรภาคีเครือข่าย ๑๐ สถาบัน เพื่อผลิตบัณฑิตฉุกเฉินการแพทย์