กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 13 จังหวัด รวม 60 อำเภอ 333 ตำบล 3,092 หมู่บ้านปภ.ได้ประสานจังหวัดแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยใช้กลไก "ประชารัฐ" ในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและวางแผนจัดสรรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เน้นสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำ รวมถึงรณรงค์ ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำที่มีปริมาณจำกัดให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง)
13 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และพะเยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครพนม มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และสุรินทร์ ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี รวม 60 อำเภอ 333 ตำบล 3,092 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 4.12 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัดแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยใช้กลไก "ประชารัฐ" ในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและวางแผนการจัดสรรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เน้นสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ แผนการจัดสรรน้ำ มาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยของภาครัฐ พร้อมบูรณาการความร่วมมือฝ่ายพลเรือนและหน่วยทหารลงพื้นที่สำรวจปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำ ความต้องการใช้น้ำ และเฝ้าระวังบริเวณจุดเสี่ยงที่มักมีการลักลอบสูบน้ำและเกิดปัญหาแย่งน้ำ จัดทำประชาคมกำหนดกติกาการใช้น้ำให้เป็นไปอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม อีกทั้งรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำที่มีปริมาณจำกัดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งได้จัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจัดทำบัญชีปริมาณน้ำในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการสูบน้ำดิบเข้าสู่ระบบประปาหมู่บ้านและถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านให้ประชาชนได้ใช้อุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม แม้ระยะนี้หลายพื้นที่จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง แต่ปริมาณฝนไม่มากเพียงพอที่จะเติมน้ำในเขื่อนและคลี่คลายสถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนและแหล่งน้ำสาธารณะยังต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย จึงขอให้ประชาชนจัดหา
ทำความสะอาด ซ่อมแซมภาชนะกักเก็บน้ำให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ สำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภคและใช้น้ำ อย่างประหยัด ส่วนเกษตรกรควรติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยเลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อยแทนการทำนาปรัง เพื่อป้องกัน
มิให้ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จะช่วยให้มีน้ำอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th
SME D Bank ออกมาตรการด่วนช่วยเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบพายุ "บัวลอย" 'พักชำระหนี้-เติมทุนฉุกเฉิน' ลดภาระทางการเงิน ฟื้นฟูธุรกิจกลับมาเดินหน้าเร็ววัน
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ
NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง