ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 5,445 ล้านบาท “บ. ทีพีไอ โพลีน” ที่ระดับ “BBB+/Stable”

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 5,445 ล้านบาทของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BBB+" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ "BBB+" โดยแนวโน้มยังคง "Stable" หรือ "คงที่" ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวนประมาณ 3,000 ล้านบาทไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่มีอยู่เดิม (TPIPL165A) ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนต่าง ๆ 
          อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ตลอดจนการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก LDPE homopolymer (LDPE) และ LDPE copolymer (EVA) นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีภาระหนี้ที่อยู่ในระดับปานกลางด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมถึงความเสี่ยงจากต้นทุนราคาถ่านหินที่ผันผวน ประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินที่ค่อนข้างสั้นของบริษัทหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ และภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 
          แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจปูนซีเมนต์เอาไว้ได้และผลประกอบการของธุรกิจเม็ดพลาสติกจะค่อย ๆ ฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและเพิ่มฐานกระแสเงินสดโดยรวม อีกทั้งจะช่วยลดทอนความผันผวนจากธุรกิจพลาสติกได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าความสัมพันธ์ของบริษัทกับสถาบันการเงินต่าง ๆ จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 40% ในช่วง 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า 
          อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกินกว่า 40% หรือ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ในระดับต่ำกว่า 5% เป็นระยะเวลานาน เหตุการณ์ เช่น การล่าช้าของโครงการภาครัฐ หรือ ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้านั้นต่ำกว่าคาด ก็อาจจะส่งผลกระทบในแง่ลบต่อผลประกอบการของบริษัทรวมถึงอันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน 
          ในทางกลับกัน อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินงานจากโครงการต่าง ๆ ของบริษัท และสถานะการเงินที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น จากการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และภาระหนี้สินที่ลดลง โดยสามารถเห็นได้จากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคงอยู่ที่ประมาณ 15% ในขณะที่เงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 30% 
          บริษัททีพีไอ โพลีน ก่อตั้งในปี 2530 โดยตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ณ เดือนธันวาคม 2558 ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นประมาณ 56% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัทดำเนินธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ (ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์และคอนกรีต) ธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก (LDPE และ EVA) และธุรกิจผลิตไฟฟ้า บริษัทมีรายได้ในปี 2558 อยู่ที่ 2.83 หมื่นล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์คิดเป็น 69% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก และธุรกิจผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 24% และ 6% ของรายได้รวมตามลำดับ 
          สถานะทางธุรกิจของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง บริษัทเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ โดยมีกำลังผลิตที่ 9 ล้านตันต่อปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 18% โรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 ของบริษัทซึ่งมีกำลังการผลิตที่ 4.5 ล้านตันนั้นได้เริ่มการผลิตเมื่อเดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัทมีสายการผลิตปูนซีเมนต์ที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิตปูนเม็ด ปูนซีเมนต์ ปูนสำเร็จรูป คอนกรีต กระเบื้องหลังคาคอนกรีต และไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยความต่อเนื่องในสายการผลิตปูนซีเมนต์ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดและมีโครงสร้างต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด 
          ทริสเรทติ้งมองว่าโครงการขยายโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการตลาดต่อบริษัทในระยะกลาง ถ้าหากความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศยังคงซบเซา กำลังการผลิตของปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้สถานการณ์ตลาดที่มีสินค้าเกินความต้องการนั้นแย่ลงและก่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวบรรเทาลงบางส่วนด้วยตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทและการเร่งอนุมัติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล 
          บริษัทเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก LDPE และ EVA รายใหญ่ของประเทศด้วยกำลังการผลิตที่ 158,000 ตันต่อปี ในปี 2558 บริษัทมีสัดส่วนทางการตลาดในประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์ LDPE อยู่ที่ 20% และปัจจุบันเป็นผู้ผลิต EVA รายเดียวในประเทศ บริษัทเน้นการผลิต EVA เพื่อส่งออกเป็นหลัก ธุรกิจเม็ดพลาสติกของบริษัทมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทซื้อวัตถุดิบ Ethylene จากผู้จำหน่ายเพียงรายเดียว อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ตลอดจนความท้าทายจากสินค้าทดแทน การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการแข่งขันจากผู้ผลิตทั่วโลกด้วยเช่นกัน อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงประโยชน์จากการประกอบธุรกิจที่หลากหลาย โดยรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์ที่อาจผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศจะได้รับการถ่วงดุลโดยรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ EVA 
          อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดบางส่วนจากประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินที่ค่อนข้างสั้นหลังจากที่บริษัทออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ ประวัติการผิดนัดชำระหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของบริษัทในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในอดีตทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทอย่างระมัดระวังด้วยเช่นกัน 
          ผลประกอบการในปี 2558 ของบริษัทนั้น ยังคงอ่อนแอต่อเนื่องโดยมีสาเหตุหลักจากความต้องการของสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ซบเซา ในขณะที่ธุรกิจเม็ดพลาสติกนั้นมีกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 73 เมกะวัตต์ได้เริ่มสร้างรายได้ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงให้แก่บริษัท รายได้ของบริษัทลดลงประมาณ 4.5% เมื่อเทียบกันปีต่อปี เหลือ 28,381 ล้านบาทในปี 2558 อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนค่าเสื่อมราคาและการตัดจำหน่าย) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 8.9% คงที่จากปีก่อนหน้า อัตรากำไรที่ลดลงจากธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์นั้น ถูกชดเชยบางส่วนด้วยการฟื้นตัวของกำไรในธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก และอัตรากำไรที่ดีจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กระแสเงินสดและสภาพคล่องของบริษัทนั้นด้อยลง โดยเห็นได้จากการที่บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานลดลงถึง 36.5% จากปีก่อนหน้า เหลือประมาณ 1,540 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเหลือ 4.1%ในปี 2558 จาก 8.8% ในปี 2557 
          ในปี 2558 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 40.2% สอดคล้องกับที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ บริษัทได้มีการออกหุ้นกู้ขนาดใหญ่เพื่อไถ่ถอนเงินกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ สัดส่วนหุ้นกู้ต่อเงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 28.9% ในปี 2557 เป็น 78.4% ในปี 2558 สะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของแหล่งที่มาของเงินกู้ยืม และความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่องที่สูงขึ้นจากการชำระงวดเดียวของหุ้นกู้ (Bullet Payment) ที่จะตามมาในอนาคต 
          ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองว่าผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ดีขึ้น และรายได้ใหม่จากโครงการที่บริษัทได้ลงทุนไป โดยเฉพาะโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF (Refuse-derived Fuel) ซึ่งมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในสัญญาที่ทำกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็น163 เมกะวัตต์ในปี 2560 รายได้ต่อปีของบริษัทคาดว่าจะเติบโตขึ้นเป็นประมาณ 4 หมื่นล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า กระแสเงินสดของบริษัทจะมีขนาดใหญ่และมีความเสถียรมากขึ้นหลังจากรายได้จากโรงไฟฟ้ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 
          ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานจะสูงขึ้นเป็น 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ในอีก 3 ปีข้างหน้า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมนั้นอยู่ปรับตัวดีขึ้นและอยู่สูงกว่า 15% อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอาจจะเกิดจากความล่าช้าในโครงการลงทุนที่สำคัญของรัฐบาล กอปรกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ 
          อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุนของบริษัทคาดว่าจะต่ำกว่า 40% ในระหว่าง 3 ปีข้างหน้า โดยพิจารณาจากตารางการชำระเงินกู้ของบริษัท หลังจากออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทจะมีกำหนดชำระเงินกู้จำนวนประมาณ 3,700 ล้านบาทในปี 2560 และ เพิ่มขึ้นเป็น 5,700-6,500 ล้านบาทต่อปี ในระหว่างปี 2561-2563 จำนวนเงินกู้ที่ต้องชำระนั้นมากกว่าเงินทุนจากการดำเนินงานที่ทริสเรทติ้งนั้นคาดการณ์ไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแสดงถึงความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจจะต้องกู้เงินเพื่อมาชำระเงินกู้เก่าแค่บางส่วน และส่งผลให้ระดับเงินกู้รวมนั้นลดลงช้ากว่าที่คาด ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะควบคุมให้อัตราเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 40% เพื่อที่จะคงอันดับเครดิตไว้ที่ "BBB+"

บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TPIPL165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+
TPIPL177A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+
TPIPL187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
TPIPL188A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
TPIPL191A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
TPIPL198A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
TPIPL201A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+
TPIPL208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,205 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+
TPIPL218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+
TPIPL228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 5,445 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2566 BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
 

ข่าวทีพีไอ โพลีน จำกัด+ทีพีไอ โพลีนวันนี้

ทีพีไอ โพลีน ติดทำเนียบ หุ้น ESG100 ปี 2566

บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ และ Specialty Polymer ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2566 โดยสถาบันไทยพัฒน์ นายขันธ์ชัย วิจักขณะ ประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ติดอันดับ ESG100

การแข่งขัน ฟิตซ์ คลับ เทนนิสทัวร์นาเมนท์ ... ฟิตซ์ คลับ เทนนิสทัวร์นาเมนท์ ครั้งที่ 15 ปิดฉากลงอย่างสุดมันส์ที่พัทยา — การแข่งขัน ฟิตซ์ คลับ เทนนิสทัวร์นาเมนท์ ครั้งที่ 15 ที่จัดขึ่นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ ...

ดร.วิรัช ฉัตรดรงค์ รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย ... กลุ่ม TPIPL คว้ารางวัล Most Socially Responsible Conglomerate จากเวทีระดับสากล The Global Economics Award 2022 — ดร.วิรัช ฉัตรดรงค์ รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย ...

TPIPL ประสบความสำเร็จจากการออกและเสนอขายห... 'ทีพีไอ โพลีน' เผยจำหน่ายหุ้นกู้ 3 ชุด ได้ตามเป้าหมาย สะท้อนความมั่นใจผู้ลงทุน พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ สร้างโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง — TPIPL ประสบความสำเ...

บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL)... ทีพีไอ โพลีน ติดอันดับหุ้นกลุ่ม ESG Emerging ปี 65 — บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ผู้นำในธุรกิจปูนซิเมนต์ เม็ดพลาสติก โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ ...

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่... TPIPL คว้า 6 รางวัลเกียรติคุณ จากโครงการหนึ่งล้านกล้าความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ประจำปี 2565 โดยมูลนิธิเพื่อสังคมไทย — นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้า...

นายขันธ์ชัย วิจักขณะ (ที่ 7 จากซ้าย) ประธ... TPIPL จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 — นายขันธ์ชัย วิจักขณะ (ที่ 7 จากซ้าย) ประธานกรรมการ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานเจ...

TPIPL และ TPIPP ควงคู่ได้รับผลการประเมิน ... TPIPL และ TPIPP ควงคู่ได้รับผลการประเมิน ESG ระดับ Gold จากสถาบันไทยพัฒน์ มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน — TPIPL และ TPIPP ควงคู่ได้ร...

บมจ. ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL เตรียมเสนอขา... TPIPL เตรียมขายหุ้นกู้ 2 ชุด แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.55% และ 3.70% วงเงินรวมไม่เกิน 8,000 ล้านบาท จองซื้อ 5-7 ต.ค.นี้ — บมจ. ทีพีไอ โพลี...

นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 2 จากซ้าย) รอ... TPIPP ส่งมอบกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ — นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP...