พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีแผนขยายความร่วมมือด้านการประมงกับประเทศต่าง ๆ ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ (MOU) ทั้งด้านวิชาการประมง และการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู กับ 7 ประเทศ ซึ่งหลายๆ ประเทศได้มีการหารือและมีกรอบการทำงานร่วมกันในเบื้องต้นแล้ว ประกอบด้วย สาธารณรัฐเกาหลี สเปน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิจิ จีน รวมถึงไต้หวันที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 มี.ค.59 ที่ผ่านมา นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง ได้ประชุมร่วมกับกรมประมงไต้หวัน ซึ่งประเด็นสำคัญในการหารือในครั้งนี้ คือ การต่อต้านการประมงไอยูยู เนื่องจากไทยและไต้หวันต้องการให้มีความตกลงด้านการประมงเป็นการเฉพาะ เพื่อแก้ไขปัญหาไอยูยูร่วมกัน เพราะไต้หวันเป็นผู้จับปลารายใหญ่ และเป็นแหล่งวัตถุดิบปลาทูน่าที่สำคัญของไทยในการแปรรูปเป็นทูน่ากระป๋องส่งออกไปยัง ยุโรป และอเมริกา โดยไทยนำเข้าทูน่าจากไต้หวันปีละ 150,000 ตันจากการนำเข้าทั้งหมด 800,000 ขณะที่ไทยเป็นผู้แปรรูปปลาทูน่ารายใหญ่ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใต้ห่วงโซ่การผลิตเดียวกัน และอยู่ในสถานะใบเหลืองเช่นเดียวกัน 
          ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะทำข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยู โดยสาระสำคัญของข้อตกลงฯ คือ ทั้งสองประเทศจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับระหว่างกัน โดยไต้หวันได้ให้ความมั่นใจของความถูกต้องของเอกสารใบรับรองการจับปลาทูน่าที่ออกโดยฝ่ายไต้หวัน ขณะเดียวกัน ไต้หวันจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตทำการประมง ทะเบียนเรือประมง การขนถ่ายปลา ข้อมูลระบบติดตามเรือ ( vms ) ของเรือประมงไต้หวันให้กับไทยเพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบ และไต้หวันจะเร่งออกใบรับรองการจับปลาทูน่าให้กับไทยภายใน 5 วัน หากไทยขอให้ตรวจสอบใบรับรองที่สงสัยไต้หวันจะดำเนินการให้ภายใน 15 วัน ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป เรือขนส่งที่นำทูน่ามายังไทยจะต้องอยู่ในบัญชีของอียู
          สำหรับฝ่ายไทยจะส่งข้อมูลเรือประมงไต้หวันที่มาเทียบท่าที่ภูเก็ตให้ไต้หวัน รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับปลาที่ขึ้นท่า และหน้าโรงงาน และสถิติ ปลาจากไต้หวันที่แปรรูปแล้วส่งไปอียู เพื่อให้ไต้หวันรู้ว่าปลาของตนเองไปอยู่ที่ไหน โดยทางไต้หวันจะมาร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมประมงของไทยตรวจสอบเรือประมงของไต้หวันที่เข้ามาเทียบท่าและขนถ่ายปลาที่ภูเก็ต ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานร่วม นำโดยระดับอธิบดี เพื่อพัฒนาความร่วมมือและแก้ไขปัญหา ไอยูยูร่วมกัน โดยในเบื้องต้นผลจากการประชุมครั้งนี้ ทำให้ได้ร่างความตกลงแล้ว ขั้นต่อไปกรมประมงจะส่งร่างนี้ให้กรมสนธิสัญญาเพื่อให้ความเห็นและลงนามในขั้นต่อไป 
          อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงการร่วมมือในการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยูของภาครัฐทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังพบว่า ในการร่วมประชุมกับภาคเอกชนของไต้หวัน ก็ยินดีที่จะช่วยแก้ปัญหาร่วมกับภาครัฐของไต้หวันในการส่งใบรับรองการจับมาให้ไทยเร็วขึ้น พร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้องตามที่ไทยได้หยิบยกขึ้นหารือ เพื่อให้ทั้งสองประเทศประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาใบเหลืองได้โดยเร็วอีกด้วย
                    
                            
                            "รมช.นเรศ" ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า ตรวจแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตรเสียหายจากพายุยางิ
                        
                            "รมว.อรรถกร"นำ กระทรวงเกษตรฯ ผนึกกำลังภาคเอกชน พัฒนา 'จุลสาหร่าย' สู่พลังงานสะอาด-นวัตกรรมอาหารสัตว์ ยกระดับทรัพยากรชีวภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
                        
                            มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น
                        
                            "รมช.อัครา" ลุยพะเยาต่อเนื่อง! มอบนโยบายจัดทำการเกษตรแบบเป็นระบบ
                        
                            กระทรวงเกษตรฯ เปิดประชุม "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา" เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรอย่างเร่งด่วน
                        
                            กระทรวงเกษตรฯ ตั้ง "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา"
                        
                            "รมว.อรรถกร" นำ กระทรวงเกษตรฯ เปิดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ จ.นครศรี ยกระดับบริการถึงมือเกษตรกร หนุนองค์ความรู้ เพิ่มรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ
                        
                            สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานชุมนุมยุวเกษตรกรระดับประเทศ ประจำปี 2568
                        
                            กรมประมง…หนุนเกษตรกรเปลี่ยน "บ่อกุ้งร้าง" เพื่อสร้างรายได้ด้วยการเลี้ยง "ปูทะเล"