ขณะที่ประเทศในทวีปยุโรปเป็นเป้าหมายที่ได้รับความสนใจอันดับต้นๆ ของโลกในการขยายพื้นที่ค้าปลีกในปีนี้ จีนครองอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยผู้ค้าปลีก 27% วางแผนจะขยายสาขาในจีน ตามด้วยฮ่องกงในอันดับ 6 (24%) ญี่ปุ่นในอันดับ 7 (22%) สิงคโปร์ในอันดับ 9 (21%) ส่วนทำเลที่ได้รับความสนใจในอันดับต้นๆ ของโลก อันดับ 1 คือ เยอรมนี (35%) ตามด้วยฝรั่งเศส (33%) และสหราชอาณาจักร (29%)
ประเด็นสำคัญอื่นๆ สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:
จีนและฮ่องกงยังรั้งอันดับ 4 และ 6 ตามลำดับ ขณะที่ญี่ปุ่น (อันดับ 7) สิงคโปร์ (อันดับ 9) และออสเตรเลีย (อันดับ 11) นั้นขยับสูงขึ้นจากอันดับ 13, 18 และ 15 ตามลำดับ
ตลาดส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในปี 2559 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ยกเว้นจีนและเกาหลีใต้ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจลดลงเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยมาเลเซีย (10%) อินโดนีเซีย (9%) ไทย (8%) เวียดนาม (8%) และฟิลิปปินส์ (8%) ต่างได้รับความสนใจมากขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2558 ขณะที่ตลาดโดยรวมได้รับความสนใจเพิ่มโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1-3%
เมื่อถามถึงปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ แบรนด์ต่างๆ ให้คำตอบว่า ค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น (56%) และแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน (42%) เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้นๆ
ดร.เฮนรี่ ชิน หัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "เรากำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายมากกว่าที่ผ่านมาและมีข้อกังวลต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง และปริมาณพื้นที่ค้าปลีกคุณภาพที่มีน้อย ส่งผลให้ผู้เช่ามีความระมัดระวังมากขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดในจีนและฮ่องกงจะชะลอตัว เรายังเห็นว่าผู้เช่าที่มองเห็นถึงโอกาสมีจำนวนเพิ่มขึ้น เพื่อขยายไปสู่ตลาดอย่างฮ่องกง ซึ่งมีแรงสนับสนุนจากความต้องการของผู้บริโภคที่ยังแข็งแกร่ง ด้านญี่ปุ่นและออสเตรเลียยังคงได้รับความสนใจ ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตที่สูงขึ้น เนื่องจากยังมีโอกาสสำหรับผู้ค้าปลีกจากการขยายตัวของชนชั้นกลางและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น"
นายโจเอล สตีเฟน ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าแผนกพื้นที่ค้าปลีก ซีบีอาร์อี เอเชีย ให้ความเห็นว่า "ผู้ค้าปลีกยังคงมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจในเอเชีย เพราะมีประเทศในเอเชียติดอันดับเป้าหมายยอดนิยมระดับโลกถึง 4 ประเทศ เป้าหมายหลักของผู้ค้าปลีกที่ต้องการพื้นที่ร้านค้า คือ การสร้างข้อเสนอที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้อยู่ที่ร้านนานขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้น"
การมีหน้าร้านยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า 83% ของแบรนด์ระบุว่า แผนการขยายสาขาในปี 2559 จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ขณะที่ผู้ค้าปลีกมองว่า มีเพียง 22% ของแบรนด์เท่านั้นที่กังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่รุนแรงกับโลกออนไลน์ในฐานะคู่แข่งทางธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้ค้าปลีกมองว่าการขยายเครือข่ายร้านค้านั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างดี 17% ของผู้ค้าปลีกมีความตั้งใจที่จะขยายมากกว่า 40 สาขาในปี 2559 (เพิ่มขึ้นจาก 9% จากปี 2558) ขณะที่ส่วนใหญ่ (67%) ต้องการขยายมากสุด 20 สาขา
"การมีหน้าร้านในทำเลหลักนั้นยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และต้องสร้างความผูกพันด้านจิตใจกับลูกค้าด้วย ลูกค้าต้องยังรู้สึกว่าอยากไปซื้อของที่ร้าน สัมผัสกับตัวสินค้า และมีความรู้สึกที่ดีพร้อมกับการได้รับประสบการณ์เฉพาะของแบรนด์นั้นๆ หน้าร้านมีความสำคัญต่อการซื้อสินค้า และสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น รับสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ไว้ วิจัยเกี่ยวกับสินค้าหรือแบรนด์ หรือทดลองสินค้า มิใช่เป็นแต่เพียงเพื่อการซื้อขายสินค้าเท่านั้น" นายโจเอลกล่าว
แนวโน้มใหม่สำหรับปี 2559 แสดงให้เห็นว่าในปีนี้มี 5 แบรนด์ซึ่งส่วนใหญ่มาจากทวีปอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา (EMEA) ตั้งใจที่จะขยายสาขาไปยังศูนย์กลางการเดินทาง เช่น สนามบินและสถานีรถไฟ เนื่องจากเป็นทำเลที่คึกคักมีลูกค้าเดินเข้าออกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ค้าปลีกที่มาจากเอเชียแปซิฟิก ศูนย์การค้ายังคงเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยอัตราสูงถึงเกือบ 90%
ขณะที่ปัจจัยที่แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกเป็นกังวลในการเจรจาต่อรองการเช่าพื้นที่ คือ ระยะเวลาการเช่า แต่ผู้เช่าที่มาจากเอเชียแปซิฟิกมีความกังวลมากที่สุด คือ เรื่องค่าเช่าที่คำนวณจากผลประกอบการ (GP) ซึ่งมีการกำหนดค่าเช่าขั้นต่ำไว้ด้วย นอกจากนี้ผู้ค้าปลีกในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป (40%) ซึ่งเป็นระดับความกังวลที่มีมากกว่าทั่วโลก (31%)
ติดตามข่าวสารจากซีบีอาร์อีเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: CBRE.Thailand และ CBRE.Condo.Society
Twitter: @cbrethailand
LinkedIn: company/cb-richard-ellis-thailand
YouTube: CBREThailand
RML เปิดตัว 'Tait Pattaya' โครงการคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูสแลนด์มาร์คแห่งใหม่
ธอส. กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ปลายปี อัดโปรสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่มต้น 2.70% ต่อปี ในงาน "มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48
INETREIT ประกาศราคาเสนอขายสูงสุดสำหรับหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนไม่เกิน 10.90 บาทต่อหน่วย เปิดจองซื้อแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและประชาชนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 19 - 27 พ.ย.นี้
APM เยี่ยมชมธุรกิจ KUN
MMM ฮอต! เปิดจองวันแรก นลท. แห่จอง PO เพียบ
MMM เคาะราคา 5.5 บาท/หุ้น เปิดจอง 28-30 ต.ค.นี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ Lock Up หุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 100% เตรียมดีเดย์ Move จาก LiVEx สู่การเทรดกระดาน mai พ.ย.68
โปรใหญ่ส่งท้ายปีมาแล้ว! Krungthai NPA MEGA SALE 2568 กรุงไทย NPA ยกขบวนทรัพย์มือสองคุณภาพดี ร่วมงาน "มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48"
สมาคม TRECA จัดอบรมการขายอสังหาริมทรัพย์
"MMM" ลุย Roadshow 27 ต.ค.นี้ ก่อนเปิดขายหุ้น PO 64.2 ล้านหุ้น เร็วๆ นี้