ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยการบูรณาการงานส่งเสริมSMEs ของประเทศให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งการมุ่งพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs วิสาหกิจชุมชนทั่วทุกภูมิภาคให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (2555-2559) ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วน ขนาด และมูลค่าของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สูงขึ้น
ซึ่งปัญหาหลักของผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนไทยในปัจจุบันยังคงเป็นเรื่องของการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง สินค้าส่วนมากยังขาดการพัฒนาและออกแบบให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีความหลากหลาย ขาดเอกลักษณ์ ความโดดเด่นและความแตกต่าง ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์และประโยชน์ใช้สอย ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีการผลิตโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของตลาด มีการลอกเลียนแบบสินค้ากันไปมาโดยขาดความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ไม่สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ เป็นสาเหตุทำให้สินค้าไม่สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงมากนัก ทั้งที่ผู้บริโภค ในท้องตลาดโดยเฉพาะในต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยไม่น้อย
ดร.พสุ กล่าวต่อว่า จากปัญหาดังกล่าว กสอ. จึงริเริ่มโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดขึ้น โดยมุ่งส่งเสริมเติมความรู้ในการออกแบบและพัฒนาสินค้า ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพความโดดเด่น และมีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ พ.ศ. 2559-2564 ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโดยใช้การวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ที่เน้นการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผนวกเข้ากับเอกลักษณ์หรือภูมิปัญญาของไทย เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมดั้งเดิมสู่กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ สามารถสร้างมูลค่าที่ตอบสนองต่อกระแสโลกในอนาคต ซึ่งจากการดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ประจำปี 2558 ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปได้จำนวน 264 ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการดังกล่าว กสอ. ได้รวบรวมกลยุทธ์ที่สำคัญ ในการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ 10 ข้อ ที่ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องคำนึงถึง ดังนี้
1. ค้นหาความต้องการ (Needs) – การวิเคราะห์เพื่อหาความต้องการของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างยิ่งในการที่จะเริ่มต้นผลิตสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจทำโดยการสำรวจ สัมภาษณ์ หรือเก็บข้อมูลด้วยวิธีอื่น ๆ ที่สามารถค้นหาความต้องการที่แท้จริงในปัจจุบันของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถพยากรณ์เทรนด์หรือแนวโน้มความต้องการใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือยิ่งไปกว่านั้นคือความสามารถในการสร้างให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการสินค้าใหม่ที่กำลังจะผลิตขึ้นได้
2. เน้นการต่อยอด (Development) – การปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นถือว่าเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทำอยู่เสมอ ถึงแม้ปัจจุบันลูกค้าจะมีความพึงพอใจกับสินค้าอยู่แล้ว แต่ความต้องการนั้นๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการที่ดีควรมีการพัฒนาสินค้าของตนให้ดีขึ้นและสร้างความพึงพอใจที่มากขึ้นให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ
3. เติมความคิดสร้างสรรค์ (Creative) - ความคิดสร้างสรรค์ในเชิงศิลปะ การสร้างสรรค์ความงามที่แปลกใหม่ให้ผลิตภัณฑ์มีความงดงามและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เป็นการสื่อถึงความมีรสนิยมในการสร้างสรรค์และออกแบบสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความรื่นรมย์และสร้างแรงจูงใจในการอุปโภคและบริโภคสินค้ามากยิ่งขึ้น
4. เลือกใช้วัตถุดิบ (Material) – การพิจารณาเลือกใช้วัตถุดิบอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าที่สร้างความน่าสนใจให้เกิดกับผู้บริโภคได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างความได้เปรียบทางการขายได้อีกด้วย อาทิ การเลือกใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในพื้นที่จะทำให้สินค้ามีต้นทุนไม่สูงและยังสามารถบ่งบอกถึงอัตลักษณ์และจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ได้อีกด้วย
5. ใส่คุณประโยชน์ (Benefit) – ผลิตภัณฑ์ที่ดีจำเป็นต้องมีคุณประโยชน์ที่ชัดเจนทั้งในแง่ของการผลิตและการขาย ต้องสามารถสร้างความชัดเจนในตัวสินค้าในมุมมองของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกกินเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับคุณประโยชน์ที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ รวมไปถึงสามารถเพิ่มคุณประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นให้กับสินค้า ทั้งการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และการเพิ่มคุณสมบัติในการใช้สอยของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
6. พัฒนาด้วยเทคโนโลยี (Technology) – ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถช่วยแก้ปัญหาและลบจุดอ่อนของสินค้าได้ เช่น การปรับสูตรทางเคมี การปรับปรุงส่วนผสม การปรับแต่งกลิ่นและสี การสกัด การอบลมร้อน การอบแห้ง การพ่นฝอย การระเหย เทคโนโลยีฟรีซดราย (Freeze Dry) การใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตต่างๆ เป็นต้น
7. ผลิตอย่างมีมาตรฐาน (Production) – กระบวนการผลิต รวมถึงเครื่องจักรในการผลิต ต้องมีความสะอาด ปราศจากสารพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร จะต้องได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานการผลิตต่าง ๆ อาทิ อย. ฮาลาล มอก. ISO GMP HACCP เป็นต้น เพราะสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
8. ใส่ใจบรรจุภัณฑ์ (Package) – บรรจุภัณฑ์ที่ดีควรมีคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1. ต้องสามารถป้องกันและรักษาคุณภาพของสินค้า อาทิ ความชื้น ความร้อน ฝุ่นละออง และการปนเปื้อนต่าง ๆ 2. ต้องส่งเสริมการขาย การออกแบบและโทนสีต้องบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของสินค้า สามารถสื่อสารกับผู้บริโภค ถึงคุณประโยชน์ของสินค้า มีเอกลักษณ์พิเศษที่ดึงดูด สร้างการจดจำ แสดงออกถึงความน่าเชื่อถือของสินค้าและอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
9. รักษาอัตลักษณ์สินค้า (Identity) – การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องสื่อถึงอัตลักษณ์ของสินค้า ตราสินค้า (Brand) และเอกลักษณ์ของสินค้า ซึ่งจะต้องสามารถสื่อถึงตัวตน และประโยชน์ใช้สอยของสินค้าได้อย่างชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน อีกทั้งสามารถสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคจดจำและเข้าใจ ในสิ่งที่ผู้ประกอบการตั้งใจจะสื่อไปถึงผู้บริโภคได้
10. ระมัดระวังต้นทุน (Cost) – การพิจารณาข้อมูลด้านต้นทุนในการผลิตสินค้าใดสินค้าหนึ่งไปจนสิ้นสุดกระบวนการผลิต เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคำนึงถึงควบคู่ไปกับการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น การใช้วัตถุดิบ ปริมาณแรงงาน จำนวนเครื่องจักร พลังงานที่ใช้ ของเสียจากกระบวนการผลิต ฯลฯ เพราะการควบคุมต้นทุนที่ผิดพลาดจะนำไปสู่การตั้งราคาที่สูงเกินความเหมาะสม และทำให้ไม่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างที่คาดการณ์
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การให้คำปรึกษาในด้าน การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การประเมินผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การจัดทำ Market Survey การกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การจัดทำ Market Test การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น โดยโครงการดังกล่าวมุ่งเป้าหมายส่งเสริมในกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและส่งออก 10 กลุ่ม ได้แก่ 1.อาหารแปรรูป 2.ยานยนต์และชิ้นส่วน 3.อัญมณีและเครื่องประดับ 4.ยางพารา 5.สิ่งทอและเครื่องนุ่งหุ่ม 6.เครื่องหนัง 7.ไม้และเครื่องเรือน 8.เซรามิกและแก้ว 9.เกษตรแปรรูป 10.เครื่องดื่ม เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังได้จัดงานแถลงผลการดำเนินงานและมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ร่วมโครงการภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ประจำปี 2559 จำนวน 177 กิจการภายในงาน Thailand Industry Expo 2016 ที่ผ่านมา ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ประกอบการที่สามารถออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ได้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับการอบรม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2367 8194 หรือเข้าไปที่www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr
"พลอยลภัสร์" เปิดตัวภาพยนตร์ "สำรับ สลับศตวรรษ My Century" ผนึกพลังสร้างสรรค์ ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารไทย ผ่านภาพยนตร์ก้าวไกลสู่เวทีสากล
"ดีพร้อม" โชว์ความสำเร็จสร้าง Hidden Gems ยกระดับร้านอาหารเชฟชุมชนฯ ตอกย้ำเสน่ห์อาหารไทย รังสรรค์ 93 เมนู เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 140 ล้านบาท
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย และ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี
กระทรวงอุตฯ ชูผลสำเร็จ 1 ทศวรรษ "Angel Fund" ดีพร้อม-เดลต้า ปั้น "ผู้ประกอบการอัจฉริยะ" 237 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจทะลุ 1,000 ล้านบาท พร้อมรุก 3 กลยุทธ์ใหม่ ดันดีพเทคดาวรุ่งสู่ตลาดอุตสาหกรรม
"ธนกร" สั่งการ "ดีพร้อม" Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ "เงินไว by DIPROM" ดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นสั้น โค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%
"ดีพร้อม" ปลุกพลังสร้างสุข ดัน SMEs เข้าร่วมกิจกรรม เลิกเหล้า-บุหรี่ ออมเงิน ได้ผลกว่า 17 ล้าน ขึ้นแท่น วิสาหกิจต้นแบบ SHAP ประจำปี 2567
"ดีพร้อม" เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสายแฟชั่น ดึงซอฟต์พาวเวอร์ เสริมอัตลักษณ์ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมชี้ 3 เทรนด์ที่ต้องเร่งปรับตัวตาม
ดีพร้อมจัดใหญ่ 'มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM' โชว์ซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย สร้างอนาคตใหม่ให้ SMEs คาดดึงคน 30,000 รายเข้างาน กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ วว. / THACCA เชิญชวนร่วมกิจกรรมการเชื่อมโยงสู่เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการตลาด ฟรี!!