บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) สนับสนุนปูนซีเมนต์จำนวน 200 ตัน แก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดทำโครงการฝึกช่างฝีมือระดับชาวบ้าน ก่อสร้างถังเก็บน้ำซีเมนต์ความจุขนาด 8,000 – 10,000 ลิตร กักเก็บ น้ำฝนเพื่อการอุปโภคบริโภคของชุมชนพื้นที่น้ำแล้ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายภัทรดนัย อินทรพงศ์นุวัฒน์ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า"วิกฤติการขาดแคลนน้ำถือเป็นความเสี่ยงทั้งทางธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนของสังคม ปูนอินทรี ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำโดยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง กำหนดให้การจัดการและการอนุรักษ์ ทรัพยากรน้ำเป็นหนึ่งในแผนงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่มีเป้าหมายทั้งด้านการลดใช้น้ำ และการดูแล คุณภาพของแหล่งน้ำ"
ปูนอินทรีกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายเรื่องการอนุรักษ์น้ำแก่ทุกบริษัทในกลุ่ม ให้ลดปริมาณการใช้น้ำร้อยละ 20ภายในปี 2560 ด้วยกระบวนการ Reduce Reuse และ Recycle ขณะเดียวกันในด้านความรับผิดชอบ ต่อสังคม ได้จับมือร่วมกับมูลนิธิและหน่วยงานพัฒนาสังคมต่าง ๆ สนับสนุนความช่วยเหลือด้านการบริหาร จัดการน้ำในระดับชุมชน อาทิ การอบรมและร่วมมือกับช่างฝีมือชุมชนสร้างถังเก็บน้ำซีเมนต์ เพื่อการอุปโภค บริโภค ขณะเดียวกันยังเป็นการพัฒนายกระดับฝีมือช่างให้กับชาวบ้านที่สนใจมีอาชีพเสริมนอกเหนือจาก การเกษตร
นอกจากนี้ปูนอินทรียังดำเนินโครงการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บน้ำ และรักษาความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่าเสื่อม โทรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างพื้นที่ชุ่มน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า และอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำอย่างยั่งยืน โดยได้สร้าง แล้วเสร็จไปมากกว่า 4,000 ฝายในเขตพื้นที่ป่าภาคเหนือและภาคตะวันตก ตลอดจน สร้างระบบน้ำดื่มน้ำใช้ ให้ชุมชนที่ขาดแคลนน้ำประปา ด้วยปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ผันน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมากักเก็บ ไว้ในถังเก็บซีเมนต์ของชุมชน
"การอนุรักษ์น้ำเป็นเรื่องของทุกคนและเป็นเรื่องเร่งด่วน ถ้าขาดน้ำความเจริญเติบโตทุกอย่างจะหยุดชะงัก ดังนั้นการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพจึงต้องมองจากสาเหตุและผสานความร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้รู้ถึง คุณค่าของน้ำ ใช้น้ำอย่างมีเหตุผล และดูแลคุณภาพของแหล่งน้ำ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน" นายภัทรดนัย สรุป
นายภัทรดนัย อินทรพงศ์นุวัฒน์ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า"วิกฤติการขาดแคลนน้ำถือเป็นความเสี่ยงทั้งทางธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนของสังคม ปูนอินทรี ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำโดยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง กำหนดให้การจัดการและการอนุรักษ์ ทรัพยากรน้ำเป็นหนึ่งในแผนงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่มีเป้าหมายทั้งด้านการลดใช้น้ำ และการดูแล คุณภาพของแหล่งน้ำ"
ปูนอินทรีกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายเรื่องการอนุรักษ์น้ำแก่ทุกบริษัทในกลุ่ม ให้ลดปริมาณการใช้น้ำร้อยละ 20ภายในปี 2560 ด้วยกระบวนการ Reduce Reuse และ Recycle ขณะเดียวกันในด้านความรับผิดชอบ ต่อสังคม ได้จับมือร่วมกับมูลนิธิและหน่วยงานพัฒนาสังคมต่าง ๆ สนับสนุนความช่วยเหลือด้านการบริหาร จัดการน้ำในระดับชุมชน อาทิ การอบรมและร่วมมือกับช่างฝีมือชุมชนสร้างถังเก็บน้ำซีเมนต์ เพื่อการอุปโภค บริโภค ขณะเดียวกันยังเป็นการพัฒนายกระดับฝีมือช่างให้กับชาวบ้านที่สนใจมีอาชีพเสริมนอกเหนือจาก การเกษตร
นอกจากนี้ปูนอินทรียังดำเนินโครงการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บน้ำ และรักษาความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่าเสื่อม โทรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างพื้นที่ชุ่มน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า และอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำอย่างยั่งยืน โดยได้สร้าง แล้วเสร็จไปมากกว่า 4,000 ฝายในเขตพื้นที่ป่าภาคเหนือและภาคตะวันตก ตลอดจน สร้างระบบน้ำดื่มน้ำใช้ ให้ชุมชนที่ขาดแคลนน้ำประปา ด้วยปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ผันน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมากักเก็บ ไว้ในถังเก็บซีเมนต์ของชุมชน
"การอนุรักษ์น้ำเป็นเรื่องของทุกคนและเป็นเรื่องเร่งด่วน ถ้าขาดน้ำความเจริญเติบโตทุกอย่างจะหยุดชะงัก ดังนั้นการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพจึงต้องมองจากสาเหตุและผสานความร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้รู้ถึง คุณค่าของน้ำ ใช้น้ำอย่างมีเหตุผล และดูแลคุณภาพของแหล่งน้ำ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน" นายภัทรดนัย สรุป
กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจับมือ TIFFA จัดอบรม "e-Customs"
กรมพัฒน์ฯ ผนึก Fastwork ปั้นช่างฝีมือไทยสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ บริการดีถึงมือประชาชน
Future Skills สมุทรปราการ ผนึก 30 เครือข่ายรัฐ-เอกชน พลิกชีวิตแรงงานไทยสู่อนาคต
กรมพัฒน์ฯ-ซัมซุง จับมือยกระดับช่างแอร์-มือถือ เสริมทักษะแรงงานไทยสู่ยุคดิจิทัล
แรงงานช่างไฟเฮ! ก.แรงงาน ลดค่าประเมินฯ เหลือ 100 บาท เร่งต่ออายุ-ป้องกันถูกปรับ
Eminent Air จับมือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ Q-CHANG ต่อยอดทักษะช่างแอร์ไทย สู่มาตรฐานวิชาชีพระดับชาติ
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 พัฒนาสกิลผสมเครื่องดื่ม - เทคนิคเทคแคร์ลูกค้า รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง
มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน จัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ครั้งที่ 11 มุ่งพัฒนาด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ การศึกษา สอดคล้องเป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน