อยากเห็นทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า วันนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามคาด
          การประชุมระบุถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีในไตรมาสที่ 2 แม้เป็นปัจจัยชั่วคราว แต่การลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐยังคงเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
          "การคงดอกเบี้ยท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่แรงกดดันเงินเฟ้อต่ำก็ดูสมเหตุสมผล แล้วทำไมผมถึงให้ชื่อบทความนี้ว่า "อยากเห็นทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจน" ? นั่นเพราะทิศทางดอกเบี้ยไทยยังน่าสับสน สืบเนื่องจากการสื่อสารของกนง. ที่ยังคงย้ำจุดยืนในการคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน จนนักวิเคราะห์จำนวนมาก รวมทั้งสำนักวิจัยของเราก็มองว่า ดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่เช่นนี้ยาวจนถึงปลายปีหน้า หากจะลดก็ต้องเกิดวิกฤติในต่างประเทศจริงๆ เช่น เศรษฐกิจจีนมีปัญหากระทบการส่งออกของไทยให้หดตัวแรง หรือหากจะขึ้นก็เมื่อเศรษฐกิจไทยเร่งตัวแรงและมีแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งเรายังไม่ได้มองเช่นนั้น เศรษฐกิจโลกรวมทั้งจีนน่าจะมีความเสี่ยงลดลงจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการปรับตัวทางโครงสร้างการผลิต ส่วนเศรษฐกิจไทยเองก็น่าจะฟื้นตัวเป็นรูปตัว U ที่แม้เราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่เรากำลังอยู่ช่วง U ฐานล่างที่ยังไม่ตวัดหางขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเร่งตัวแรงในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าหลังความเชื่อมั่นฟื้นเต็มที่จากสัญญาณการเลือกตั้งที่ชัดเจน และเศรษฐกิจโลกที่เริ่มขยายตัวดีขึ้น แต่ยังไม่น่ามีแรงกดดันเงินเฟ้อมากจนต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย
          "แล้วการคงดอกเบี้ยต่ำลากยาว มันน่าสับสนเช่นไร? โดยปกติธนาคารกลางนอกจากจะพิจารณาระดับดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมแล้ว ก็จะทำหน้าที่สื่อสารทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตให้นักลงทุนสามารถปรับตัวให้สอดรับกับดอกเบี้ยหรือต้นทุนทางการเงินที่จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ในภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่อยู่บนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ การผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ รวมทั้งช่วงเวลาการเลือกตั้งของไทยเอง จึงอาจเป็นการยากที่จะสื่อสารทิศทางดอกเบี้ยของไทยได้อย่างชัดเจน ยกเว้นกนง.จะตีโจทย์เหล่านั้นได้ทะลุปรุโปร่งจนสามารถเตรียมเครื่องมือทางการเงินมารับมือเหตุการณ์ต่างๆ และสื่อสารให้กับนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมจึงมองว่าทิศทางดอกเบี้ยไทยมีความไม่แน่นอนสูง ไม่ใช่ความไม่แน่นอนว่าจะขยับลง คง หรือขึ้น แต่เป็นความไม่แน่นอนว่าจะขยับขึ้นได้เมื่อไร เพราะการสื่อสารของนโยบายการเงินไทยผ่านกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย หรือ inflation targeting นั้นดูเหมือนจะยังไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ชัดเจน โดยเฉพาะเราให้น้ำหนักกับผู้กำหนดนโยบายในการพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยไว้ด้วย จากการใช้คำว่า ยืดหยุ่น หรือ flexible ในการพิจารณากรอบเงินเฟ้อด้วย ซึ่งในที่สุด นักลงทุนคงต้องจับสัญญาณเอาเองว่า ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้านั้น ดอกเบี้ยจะขยับขึ้นหรือไม่ เพราะเราคงไม่ได้เห็นการสื่อสารทิศทางดอกเบี้ยชัดๆ เหมือนอย่างเฟดเขาทำ แม้เฟดเองก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จมากนักในการสื่อสารทิศทางดอกเบี้ยเขา ดังเห็นได้จากระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมช่วงปลายปีที่คณะกรรมการฯ แต่ละคนเปิดเผย ก็ยังเปลี่ยนแปลงบ่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย" นายอมรเทพ กล่าว
          นายอมรเทพ กล่าวว่า โดยสรุป มองว่านับจากนี้ดอกเบี้ยไทยเป็นขาขึ้น เพียงแต่จะขึ้นได้ก็น่าจะปี 2561 เป็นต้นไป เราอาจรอสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย ปล่อยบาทอ่อนค่าสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยน่าจะเริ่มปรับขึ้นได้เร็วๆ นี้ จากเงินไหลออกและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่จะปรับสูงขึ้นตามสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ของบริษัทสูงขึ้น หากเอกชนจะระดมทุนผ่านช่องทางนี้ ผมมองว่าน่าจะหาจังหวะทำ ไม่เช่นนั้น ต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้นแม้ดอกเบี้ยนโยบายไทยไม่ได้ขยับขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ เอกชนที่ยังชะลอการลงทุนเพราะคาดว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จะต่ำยาว ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไรมาก อาจต้องเตรียมตัว เพราะหากเกิดเงินไหลออกจากสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย สภาพคล่องเริ่มตึงตัว การแข่งขันในการระดมทุนเริ่มเกิด ดอกเบี้ยเงินกู้จะมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ จากความต้องการสินเชื่อที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง แม้กนง.จะคงดอกเบี้ยก็ตาม
อยากเห็นทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจน

ข่าวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ+คณะกรรมการนโยบายวันนี้

ธอส. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี ช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อประโยชน์ของผู้ออม มีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม - 31 สิงหาคม 2568

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.25% ต่อปี เป็น 2.00% ต่อปี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีขึ้น ผ่านการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภท

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ... Mini EEC Fair 2024 เปิดงานยิ่งใหญ่ ดึงทุนสู่ EEC พร้อมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าการลงทุนระดับโลก — สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาช...

บิทคับ เวิลด์เทค จับมือ อีอีซี ดึง Digital Transformation สร้างความรู้ เพิ่มทักษะผู้ประกอบธุรกิจเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ อีอีซี) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง...

ในยุคที่เศรษฐกิจไทย ยังเผชิญความท้าทายรอบ... "กรุงไทยรัก Smart University" เดินหน้าเสริมทักษะเยาวชนไทยสู่ความมั่นคงทางการเงิน — ในยุคที่เศรษฐกิจไทย ยังเผชิญความท้าทายรอบด้าน จากปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเ...

สสว. จับมือ มธ. เดินหน้าโครงการขับเคลื่อน... สสว. เสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย 5 กลุ่มธุรกิจก้าวสู่ธุรกิจสีเขียว รับสมัคร ฟรี! ถึง 23 พ.ค. นี้ — สสว. จับมือ มธ. เดินหน้าโครงการขับเคลื่อนให้ MSME ปรับเปล...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐม... ธนาคารกรุงไทย ร่วมฉลองครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง เคียงข้างไทยในทุกก้าวสำคัญ — นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียร...