6 แบงก์ร่วมผนึกกำลังเป็นครั้งแรก ในการวางเครื่องรับบัตรกว่า 400,000 เครื่อง เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          6 แบงก์ร่วมผนึกกำลังเป็นครั้งแรก ในการวางเครื่องรับบัตรกว่า 400,000 เครื่อง เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน หนุนนโยบาย National E-Payment พร้อมลดค่าใช้จ่ายให้ร้านค้า และเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน 
          6 ธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ร่วมผนึกกำลังเป็นครั้งแรกในการร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มประสิทธิภาพระบบการชำระเงินของประเทศไทย เตรียมแผนการติดตั้งเครื่องรับบัตรร่วมกันกว่า 400,000 เครื่องทั่วประเทศ เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้าติดตั้งเครื่องรับบัตรได้ในราคาที่ถูกลง ลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมจากการติดตั้งเครื่องรับบัตร หนุนให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างแพร่หลายตามนโยบาย National E-Payment โดยงานลงนามจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ณ โรงแรม พลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน
          ภายใต้ความร่วมมือนี้ ธนาคารทั้ง 6 แห่งตกลงจะร่วมมือกันในการสนับสนุนโครงการขยายเครื่องรับบัตร ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติของรัฐบาล (National E-Payment Master Plan) ลดการใช้เงินสดโดยกระตุ้นการจ่ายเงินผ่านบัตร ลดภาระค่าใช้จ่ายของร้านค้า พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับนวัตกรรมทางการเงินของประเทศไทยในอนาคต ด้วยการวางเครื่องรับบัตรซึ่งมีทั้งเครื่องอีดีซี และเครื่องรับบัตรผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต (mPOS) ให้กับร้านค้า และบริษัทภาคเอกชนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ในเบื้องต้นจะวางในจุดที่ได้รับรายชื่อจากกระทรวงการคลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงการใช้งานได้ง่าย และครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ โดยเครื่องรับบัตรที่จะนำไปติดตั้งนั้นจะสามารถรับได้ทั้งบัตรเดบิตและบัตรเครดิต รวมฟังก์ชั่นการใช้งานพิเศษต่างๆ ในเครื่องเดียว ทำให้เครื่องรับบัตรของธนาคารสมาชิก 1 เครื่องสามารถรับบัตร และใช้ฟังก์ชั่นพิเศษของบัตรที่เป็นของธนาคารสมาชิกด้วยกัน
          ประโยชน์จากโครงการนี้ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าได้รับความสะดวกในการติดตั้งเครื่องรับบัตรอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน อาทิ 1) เพิ่มประสิทธิภาพในการรับชำระเงินมากยิ่งขึ้น 2) ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องรับบัตร และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการบำรุงรักษา 3) ลดภาระค่าธรรมเนียมร้านค้า หรือ MDR โดยธนาคารสมาชิกมีแผนจะลดอัตราค่าธรรมเนียมของบัตรเดบิตให้ต่ำลงกว่าค่าธรรมเนียมในปัจจุบันโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมของบัตรเดบิตที่เป็นของธนาคารสมาชิก ขณะเดียวกันผู้บริโภคจะได้รับความสะดวก และความปลอดภัยในการใช้จ่าย ด้วยเครื่องรับบัตรที่จะมีการติดตั้งเพิ่มเติมอีกกว่า400,000 เครื่อง รวมทั้งเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ อาทิเช่น เทคโนโลยี Chip & Pin นอกจากนั้นธนาคารสมาชิกยังมีแผนที่จะร่วมกันจัดทำกิจกรรมด้านการตลาด เช่น สิทธิพิเศษ และโครงการ co-promotion ต่างๆ เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ที่น่าสนใจให้กับผู้ใช้บัตรรวมถึงร้านค้าอีกด้วย
          ทั้งนี้ ธนาคารทั้ง 6 แห่งมีความพร้อมที่จะดำเนินการโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้กระทรวงการคลังมีข้อสรุปเกี่ยวกับการมอบหมายผู้รับผิดชอบโครงการก่อน การจับมือในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนให้ระบบการชำระเงินของไทยพัฒนาสู่ระดับสากลมากขึ้น โดยจะอำนวยความสะดวกให้กับร้านค้า และลูกค้า พร้อมทั้งกระตุ้นการใช้จ่ายผ่ายบัตร อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับนวัตกรรมทางการเงินของประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ธนาคารสมาชิกทั้ง 6แห่งมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดรับธนาคารอื่นที่สนใจเข้าร่วมมือในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเครื่องรับบัตรให้กับประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพของกลุ่มสมาชิกอีกด้วย

จากภาพซ้ายไปขวา
· นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
· นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
· นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
· นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)
· นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
· นายอิสระ วงศ์รุ่ง รองผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าบุคคล
6 แบงก์ร่วมผนึกกำลังเป็นครั้งแรก ในการวางเครื่องรับบัตรกว่า 400,000 เครื่อง เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน

ข่าวธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด+ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัดวันนี้

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.25-32.85 ตัวเลขจ้างงานถ่วงดอลลาร์

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.85 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.84 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.33-32.84 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% โดยตลาดตอบรับ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุ... กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.25-32.85 ติดตามประชุมเฟด ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ — กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุ...

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุ... กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.10-32.80 ติดตามสงครามการค้าและเงินเฟ้อสหรัฐฯ — กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุ...