ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ บ.อีซี่บาย เป็น 'ลบ’

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY และ บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) หรือ EB เป็นแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจากเดิมแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของ BAY และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EB ในส่วนอันดับเครดิตอื่นของทั้ง BAY และ EB นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศอันดับเครดิตในครั้งนี้ 
          การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตในครั้งนี้ สอดคล้องกับการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่ของทั้ง BAY และ EB ที่เป็นบริษัทในกลุ่ม Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. (MUFG) ซึ่งคือ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ Ltd. (BTMU) และ ACOM Co., LTD. (ACOM) ตามลำดับ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2559 ("Fitch Revises Outlook for Japanese Financial Institutions to Negative") หลังจากแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศญี่ปุ่นได้รับการปรับเป็นแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 
          สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
          อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAY และอันดับเครดิตภายประเทศระยะยาวของ EB มีปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่ฟิทช์มองว่าทั้ง BAY และ EB เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทแม่ของตนเอง ซึ่งคือ BTMU และ ACOM ตามลำดับ โดยสะท้อนได้จากสัดส่วนการถือหุ้นในระดับสูงของบริษัทแม่ในบริษัทลูกแต่ละแห่งและการมีอำนาจในการควบคุมการบริหารงานในบริษัทลูก การบริหารงานที่สอดคล้องกันระหว่างบริษัทลูกกับบริษัทแม่ (integration) รวมทั้งการที่บริษัทแม่มีการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นฟิทช์จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทแม่ทั้ง 2 แห่ง จะให้การสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) แก่บริษัทลูกของตนเอง ในกรณีที่มีความจำเป็น

แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ BAY และ EB สอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของบริษัทแม่
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
          การเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตหรือโครงสร้างเครดิตโดยรวมของบริษัทแม่ น่าจะส่งผลกระทบไปในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAY และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EB 
          นอกจากนี้สัญญาณที่บ่งชี้ถึงโอกาสที่น้อยลงในการได้รับการสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานปรกติจากบริษัทแม่ อาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทลูกถูกปรับลดอันดับ ตัวอย่างเช่น การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทแม่ในบริษัทลูก หรือการลดลงของระดับการให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมด มีดังนี้
BAY:
          - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับเครดิตที่ 'A-'; ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
          - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AAA(tha)'; ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

อันดับเครดิตอื่นของ BAY ที่ไม่ได้รับผลกระทบมีดังนี้
          - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ 'F2'
          - อันดับความเข็งแกร่งทางการเงินที่ 'bbb'
          - อันดับเครดิตสนับสนุนที่ '1' 
          - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)'
          - อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ 'AAA(tha)' 
          - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ 'F1+(tha)'
          - อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (ตามเกณฑ์บาเซล 2) ที่ 'AA+(tha)'

EB: 
          - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับเครดิตที่ 'AA(tha)'; ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

อันดับเครดิตอื่นของ EB ที่ไม่ได้รับผลกระทบมีดังนี้
          - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)'
          - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ 'AA(tha)'


ข่าวธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด+บริษัท อีซี่บาย จำกัดวันนี้

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.25-32.85 ติดตามประชุมเฟด ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.85 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าเล็กน้อยที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ก่อนจะลดช่วงบวกจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ เงินเยนปรับตัวผันผวนหลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยจะเก็บภาษี 15%

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุ... กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.10-32.80 ติดตามสงครามการค้าและเงินเฟ้อสหรัฐฯ — กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุ...