1. ผลการดำเนินงานของธนาคาร เดือน มิ.ย. มีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท ครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2559 มีกำไรสุทธิรวม 1,104 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย) ปี 2558 มีกำไรสุทธิ 604 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท คิดเป็น 82.78% ทั้งนี้เป็นผลมาจากธนาคารสามารถขยายสินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น และบริหารจัดการหนี้ NPL ได้ตามเป้าหมาย ทำให้หนี้เดิมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สามารถกลับมาสร้างรายได้ให้กับธนาคารและช่วยลดภาระกันสำรองลดลง นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าแผนงานที่วางไว้ รวมถึง สามารถลดต้นทุนทางการเงินลงด้วย
ณ สิ้น มิ.ย. 2559 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรวม 16,479 ล้านบาท จำนวน 5,389 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 3 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 88,532 ล้านบาท
จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมากว่า 1 ปี คณะกรรมการ ธพว.ได้เห็นชอบให้ชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศกับสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (KfW) ประมาณ 25.385 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทย 1,196.90 ล้านบาท ก่อนครบกำหนดโครงการในปี 2588 ทั้งนี้ เนื่องจาก ธนาคารมีสภาพคล่องส่วนเกินมากพอแล้ว อีกทั้งการคืนเงินกู้ก่อนกำหนดทำให้ไม่ต้องเสียค่าป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (CCS) และเป็นการลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศด้วยเช่นกัน เพราะเงินกู้จำนวนนี้มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน
2. สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ 30 มิถุนายน 2559 มียอด NPLs คงเหลือ 20,011 ล้านบาท (คิดเป็น 22.60% ของสินเชื่อรวม) เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ณ 30 มิถุนายน 2558 มียอด NPLs 27,184 ล้านบาท (คิดเป็น 31.47% ของสินเชื่อรวม) ลดลง 7,173 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลมาจากธนาคารสร้างระบบ Loan Monitoring เพื่อป้องกันสินเชื่อตกชั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการติดตามดูแลลูกหนี้ที่อ่อนแออย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถรักษาคุณภาพลูกหนี้ไม่ให้ตกชั้นเป็น NPL ได้ดีขึ้น และธนาคารปรับโครงสร้างลูกหนี้ NPLs ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารได้มีการขายลูกหนี้ NPLs ออกไปรวมทั้งสิ้น 1,433.35 ล้านบาท และตั้งแต่คณะกรรมการชุดนี้เข้ามาดูแล ธพว.เดือนสิงหาคม 2557 เป็นต้นมา ธนาคารได้ขายลูกหนี้ NPLs ไปแล้ว 7,613.66 ล้านบาท
3. ความร่วมมือโครงการ SMEs Marketplace โดยลงนาม 5 หน่วยงานพันธมิตร ประกอบด้วย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) เพื่อนำศักยภาพของภาคเอกชนในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีผู้ซื้อที่แน่นอน มาช่วยเพิ่มโอกาสการขายให้กับสินค้า SMEs ขนาดย่อม ทั้งในกรุงเทพและจังหวัดเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา มีช่องทางสายสัมพันธ์ที่ดีในการทำตลาดที่ประเทศกัมพูชา และมีประสบการณ์จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ของ SMEs และOTOP ไปจำหน่ายสินค้าร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอื่น ๆ หลายครั้งก็จะเข้ามาช่วยในการจัดมหกรรมสินค้าที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของประเทศกัมพูชาเป็นระยะ รวมทั้งเป็นหน่วยงานที่จะเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายของทั้งสองประเทศในลักษณะจับคู่ธุรกิจอีกทางหนึ่ง ส่วนบริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสินค้าแฟชั่น Fly NOW มี Outlet ขนาดใหญ่ที่จำหน่ายสินค้าจำนวนมากในแต่ละจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เพชรบุรี หัวหิน กาญจนบุรี ศรีราชา พัทยา สิงห์บุรี ปากช่อง จะช่วยคัดสรรสินค้าที่เหมาะสมในแต่ละ Outlet เพื่อช่วยในการจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว โดยจะจัดทำเป็นร้านค้าเฉพาะขึ้นมาต่างหากเพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการในโครงการนี้ และ MBK Center ศูนย์การค้าที่เป็น Tourist Destination Shopping Mall อันดับต้นๆ ของเมืองไทย ก็จะจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการในลักษณะ Event พิเศษให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีมากกว่า 60% ของผู้มาใช้บริการในศูนย์การค้า MBK Center ซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก และมีความต้องการสินค้าไทยที่มีคุณภาพอีกมากมาย ส่วน สสว.พร้อมจะเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำด้านการตลาด การพัฒนาคุณภาพสินค้าของ SMEs ให้เป็นที่ต้องการของตลาด รวมทั้งในเรื่องการขนส่งสินค้าเพื่อนำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี ธพว.ที่เป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาพร้อมช่วยเหลือ SMEs ตามภารกิจ ทั้งด้านเงินทุน ร่วมลงทุน และการพัฒนาผู้ประกอบการในด้านต่างๆต่อไป ทั้งนี้ นอกจากหน่วยงานดังกล่าวที่ร่วมลงนามในวันนี้แล้ว ธนาคารยังอยู่ระหว่างติดต่อเอกชนรายใหญ่ที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าและห้างขนาดใหญ่เข้าร่วมโครงการในระยะต่อไปด้วย
4. เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME Rescue Center ในสำนักงานใหญ่ SME Bank Tower และสาขาธนาคาร 95 แห่งทั่วประเทศร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเครือข่ายร่วมเป็นศูนย์รับเรื่องช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในต่างจังหวัด โดย ธพว.ให้ความสำคัญกับนโยบายแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการ ซึ่งรัฐบาลได้มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพดำเนินการศูนย์ดังกล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม โทร.02-265-4564-5
SME D Bank ลุยโครงการเติมความรู้บัญชีภาษี ปูทางพาเอสเอ็มอีถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำเพียง 3%ต่อปี
SME D Bank รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ "THAI SME-GP" บทบาทโดดเด่นเชื่อมโยงสร้างโอกาสเอสเอ็มอีสู่ตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ-เอกชน
SME D Bank ร่วมโครงการขับเคลื่อนการส่งเสริมธุรกิจสีเขียว ชู "เติมทุนคู่พัฒนา" เพิ่มผลิตภาพหนุนเอสเอ็มอีเติบโตยั่งยืน
SME D Bank จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ จัดทำแผนวิสาหกิจ 5 ปี (ปี 2567-2571) และแผนธุรกิจ ประจำปี 2567
SME D Bank ต้อนรับคณะรัฐบาลกรุงมอสโก แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนรายย่อย
SME D Bank - กรมสรรพากร - สสว. จัดสัมมนาใหญ่ 2 ก.พ. ติดเครื่องเอสเอ็มอีไทย พาถึงแหล่งทุนวงเงิน 50 ลบ. พร้อมรับสิทธิประโยชน์ภาษี ยกระดับธุรกิจเติบโตยั่งยืน
SME D Bank หนุนเอสเอ็มอีไทยเต็มกำลัง เผย 3 ไตรมาส พาถึงแหล่งทุนกว่า 5.7 หมื่นลบ. ประกาศเดินหน้าต่อเนื่อง ปลุกพลังเศรษฐกิจไทย สอดรับนโยบาย 'Quick Big Win'
SME D Bank เดินหน้านโยบายรัฐ จัดมหกรรมแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืน ชู "3 ลด" ช่วยผู้ประกอบการก้าวพ้นวิกฤต สร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง
SME D Bank ร่วมทัพ ก.พาณิชย์ ขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win เสริมแกร่งผู้ประกอบการรายย่อย/โชห่วย ยกระดับด้วยบริการ "พัฒนาคู่เติมทุน"