นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้น หลังจากที่ตลาดมองข้ามผลกระทบ Brexit ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นทันที โดยนักลงทุนกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นส่งผลให้หุ้นดีดกลับ คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,445-1,465 จุด หรืออาจปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้ เพราะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ เดือน มิถุนายน ออกมาดีมากที่ระดับ 2.87 แสนคน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.75 แสนคน ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้ตลาดคลายความวิตกเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก จะชะลอลงไป อันเป็นผลจากเรื่อง Brexit ขณะเดียวกัน ตลาดยังลงความเห็นกันว่า เรื่อง Brexit จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะระมัดระวังและจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งการที่ Fed ยังชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ทำให้ตลาดคลายความวิตกในเรื่องของเม็ดเงินที่จะไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ ไปยังตลาดสหรัฐฯ และเกิดผลบวก เพราะเมื่อยุโรปมีปัญหาจากประเด็น Brexit เม็ดเงินจะไหลออกจากยุโรปมายังตลาดหุ้นเอเชีย ทำให้ตลาดมีมุมมองบวกกับตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทย
ด้านผลประกอบการในไตรมาส 2 ของไทย น่าจะประกาศออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1 หรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพราะมีหลายธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งสำรองหนี้สงสัญจะสูญ เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากการที่มี NPLs เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ส่วนในอุตสาหกรรมอื่น ตัวเลขน่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ตัวเลขออกมาดี
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย เวลท์ ยังคงเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในผลกระทบจาก Brexit ที่น่าจะทยอยออกมาให้เห็น และการที่ Fed จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดอกเบี้ย ก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนอยู่ แต่มุมมองในระยะยาว บล.เอเชีย เวลท์ ยังมองการลงทุนในตลาดหุ้นว่าเป็นบวก โดยเฉพาะหุ้นเอเชีย และไทย โดยหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนจะเป็นหุ้นที่มีเรื่องราวที่ชัดเจน เช่น การเจริญเติบโตดี และพื้นฐานที่ดี
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ เลือก SPCG ของ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 36 โครงการในประเทศไทย มีกำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ซึ่งให้กระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอแน่นอนจากสัญญากับภาครัฐ นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสที่จะขยายไปในต่างประเทศด้วยโดยปัจจุบันได้ร่วมทุนกับพันธมิตรในญี่ปุ่นในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 และกำลังเจรจาการลงทุนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก 2 -3 โครงการ ด้านทิศทางกำไรสุทธิคาดเติบโตได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่อัตราทบต้นเฉลี่ย 9.3% CAGR (Bloomberg consensus) ด้านปัจจัยพื้นฐาน SPCG มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 6-7% ต่อปี และมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) ที่ต่ำเพียง 7.0 เท่า และค่า Beta ที่เพียง 0.6 เท่า จึงเหมาะกับการลงทุนในปัจจุบัน ด้าน Technical เกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิดสัญญาณซื้อรายวัน (Daily Buy Signal) ครั้งใหม่ ราคาเป้าหมายBloomberg consensus ให้ที่ 23.87 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ ชี้การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือกระทบการลงทุน แนะนำซื้อ AMATA ราคาเป้าหมาย 20.90 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ ชี้สัปดาห์นี้ ปัจจัยการเมืองในประเทศคลี่คลาย จับตาปัจจัยต่างประเทศ แนะนำซื้อ BCH ราคาเป้าหมาย 16.10 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ ตลาดยังแกว่งตัวแคบจากปัจจัยต่างประเทศ แนะนำซื้อ SIRI ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ น่าจะเป็นบวกได้ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แนะนำซื้อ TTA ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ ตลาดถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ แนะนำซื้อ BCH ราคาเป้าหมาย 16.80 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ เศรษฐกิจโลกฟื้นและผลประกอบการบริษัทของสหรัฐฯ และยุโรปหนุนตลาดแต่การเมืองสหรัฐกดตลาด แนะนำซื้อ TISCO ราคาเป้าหมาย 84.00 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ จากปัจจัยภายในประเทศ แนะนำซื้อ BBL ราคาเป้าหมาย 213 บาท
บล.เอเชีย เวลท์ คาดแนวโน้มดอกเบี้ยโลกจะเป็นขาขึ้น แนะนำสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะนำซื้อ KBANK ราคาเป้าหมาย 217 บาท